ซักซ้อมแนวทางการจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอยใน กทม.

กทม. 25 ม.ค.-“ชัชชาติ” ผู้ว่าฯ กทม. ประชุมซักซ้อมแนวทางจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอยใน กทม. ด้านสำนักเทศกิจรายงานความคืบหน้าการจัดระเบียบระยะที่ 1 เดือน ก.ย.-พ.ย.65 จำนวน 16 จุด แล้วเสร็จ 14 จุด ยังทำไม่ได้อีก 2 จุด ส่วนระยะที่ 2 ธ.ค.65-ก.พ.66 ตั้งเป้าจัดระเบียบ 29 จุด


นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประชุมซักซ้อมแนวทางการดำเนินการจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยกล่าวถึงนโยบายของกรุงเทพมหานครที่ให้ความสำคัญในการดูแลประชาชนคนเดินเท้า ในการเดินทางสัญจรได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ส่วนผู้ค้าที่ทำการค้าอยู่บนทางเท้า ก็ต้องดูแลให้ความช่วยเหลือ มีการพูดคุยกันให้เข้าใจถึงความสำคัญในการแก้ไขปัญหา รวมถึงจัดหาพื้นที่สำหรับทำการค้าได้ โดยไม่กีดขวางทางเดินเท้า มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย อาจเป็นพื้นที่ของเอกชนที่มีความเหมาะสม ที่ผ่านมาถือว่าทำได้ดี ทุกคนต่างเข้าใจในจุดมุ่งหมาย สามารถใช้พื้นที่ทางเท้าร่วมกันได้

ทั้งนี้ ในที่ประชุมสำนักเทศกิจรายงานความคืบหน้าการจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่-แผงลอยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันมีพื้นที่ทำการค้า 95 จุด ผู้ค้า 6,048 ราย เจ้าพนักงานจราจรให้ความเห็นชอบแล้ว 86 จุด ผู้ค้า 5,419 ราย ประกาศเป็นพื้นที่ทำการค้าแล้ว 55 จุด ผู้ค้า 3,817 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการประกาศ 31 จุด ผู้ค้า 1,602 ราย เสนอทบทวนเจ้าพนักงานจราจร 9 จุด ผู้ค้า 629 ราย ส่วนผู้ค้านอกจุดผ่อนผัน 697 จุด ผู้ค้า 15,320 ราย สำหรับแผนการจัดระเบียบผู้ค้าและปรับปรุงทางแผงค้าในพื้นที่ทำการค้านำร่อง 95 จุด แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 เดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2565 จำนวน 16 จุด ดำเนินการแล้วเสร็จ 14 จุด อาทิ ซอยสังคโลก เขตดุสิต ซอนเสนารักษ์ เขตราชเทวี ซอยรางน้ำ เขตราชเทวี หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี เขตบางนา หน้าอาคารโรเล็กซ์ ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน หน้าตลาดพรานนก ถนนอิสรภาพ เขตบางกอกน้อย ไม่สามารถดำเนินการได้ 2 จุด บริเวณตลาดสำเหร่ทั้ง 2 ฝั่ง และตลาดดาวคะนองทั้ง 2 ฝั่ง เนื่องจาก รฟม. กำหนดเป็นแนวพื้นที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะที่ 2 เดือนธันวาคม 2565-กุมภาพันธ์ 2566 จำนวน 29 จุด ระยะที่ 3 เดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2566 จำนวน 49 จุด


นอกจากนี้ ในที่ประชุมได้ชี้แจงแนวทางการดำเนินการผู้ค้าในจุดที่ได้รับอนุญาต ดังนี้ 1.ทำการค้าด้วยตนเอง 2.ตั้งวางอยู่ภายในขอบเขตที่กำหนด 3.ร่มแผงค้า ร่มอุปกรณ์การค้า มีขนาดลักษณะตามที่กำหนด 4.ต้องไม่วางกองสินค้า แผงค้า รถเข็น ลังหรืออุปกรณ์ใส่สินค้าบนถนน 5.ไม่ขายสินค้าบนรถหรือบนถนน รวมทั้งไม่นำรถยนต์ รถจักรยานยนต์พ่วงข้างขึ้นไปจอดขายสินค้าบนทางเท้า 6.ดูแลรักษาความสะอาด ไม่เททิ้งขยะ น้ำล้างภาชนะลงในท่อระบายน้ำ 7.ไม่ตั้งวางแผงค้าในบริเวณที่ห้าม ในระยะ 10 เมตร จากป้ายและศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำทาง จุดที่หยุดหรือจอดรถโดยสารสาธารณะ ในระยะ 10 เมตร จากทางขึ้นลงละพานลอยคนเดินข้าม บริเวณใต้สะพานลอยคนเดินข้าม ทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้า บริเวณไต้สถานีรถไฟฟ้า ช่องทางเข้าลิฟต์สำหรับผู้พิการ ในระยะ 3 เมตร ทั้ง 2 ด้าน ของทางเท้าบริเวณข้ามถนนที่มีทางม้าลาย ในระยะ 10 เมตร จากทางร่วมทางแยก ในระยะ 5 เมตร จากช่องทางเข้าออกอาคารที่ประชาชนใช้สอย ในระยะ 3 เมตร จากห้องสุขาสาธารณะ ในระยะ 3 เมตร จากจุดจ่ายน้ำดับเพลิง (ประปาหัวแดง) ในระยะ 1 เมตร จากบริเวณโดยรอบตู้โทรศัพท์ ตู้ไปรษณีย์ ส่วนแนวทางการดำเนินการผู้ค้านอกจุดที่ได้รับอนุญาต ดังนี้ ย้ายเข้าไปขายของในพื้นที่เอกชน 14 จุด ผู้ค้า 160 ราย ยุบรวมจุดที่มีผู้ค้าจำนวนน้อยราย 18 จุด จัดระเบียบแนวทางหลักเกณฑ์ตามประกาศฯ ปี พ.ศ.2563

สำหรับแนวคิดในการปฏิบัติการจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอย ดังนี้ 1.ในทุกจุดไม่ให้มีการเพิ่มจำนวนผู้ค้า 2.ในพื้นที่จุดผ่อนผัน จัดระเบียบให้เรียบร้อย อาจมีการขอความร่วมมือจากเอกชนในการทำแผ่นกั้นเพื่อความเรียบร้อย 3.ยังไม่มีการเพิ่มจุดผ่อนผัน 4.ในพื้นที่นอกจุดผ่อนผัน ห้ามเพิ่มจำนวน ห้ามกีดขวางทางเดิน ไม่ให้สกปรกรกรุงรังโดยเด็ดขาด ในพื้นที่ที่กีดขวางทางเดินให้ดำเนินการชี้แจงให้ขยับเข้าไปขายในจุดที่พื้นที่เอกชนหรือในซอยย่อยที่ไม่เกะกะ กำหนดเส้นทางหลักที่เป็นเส้นทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของเมือง ในพื้นที่ซอยย่อยที่ย้ายเข้าไปแล้ว ต้องดูแลไม่ให้กีดขวางทางเดิน 5.ให้มีกรรมการชุดย่อยรายเขต เข้าช่วยดูแลรายละเอียดในแต่ละพื้นที่ของเขต 6.ให้มีกรรมการชุดใหญ่ ในการกำหนดเส้นทางหลัก แนวทางปฏิบัติที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน 7.จัดหาพื้นที่ของเอกชน และ ภาครัฐในการจัดทำ Hawker Centers ให้เป็นรูปธรรม 8.เจรจากับเอกชน เพื่อหาพื้นที่ช่วยในการจัดระเบียบ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]