รองผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันไม่ใช้กำลังทำร้ายผู้ค้าสีลม

กรุงเทพฯ 21 ม.ค. – “จักกพันธุ์” รองผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันไม่ใช้กำลังทำร้ายผู้ค้าสีลม ยึดหลักประนีประนอมจัดระเบียบคืนทางเท้าให้คนเดิน


(21 ม.ค. 66) นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงชี้แจงกรณีการจัดระเบียบการทำการค้าบนทางเท้าถนนสีลม ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร โดยมีนายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และโฆษกของกรุงเทพมหานคร นายศุภกฤต บุญขันธ์ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ กรุงเทพมหานคร และนางสาวอัญชนา บุญสุยา ผู้อำนวยการเขตบางรัก ร่วมแถลงข่าว

รองผู้ว่าฯ จักกพันธุ์ กล่าว่า ในฐานะรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องเทศกิจ รวมถึงฝ่ายเทศกิจของสำนักงานเขตด้วย จากช่วงเวลาที่ผ่านมาทางเท้าของกทม. มีผู้ค้าขายเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันมีผู้ทำการค้าบนทางเท้าประมาณ 700 แห่ง ผู้ค้าประมาณ 20,000 ราย หลังจากเข้ามาแล้ว สิ่งแรกที่มีการหารือพูดคุยกันคือการจัดระเบียบผู้ค้าที่อยู่บนทางเท้า โดยวัตถุประสงค์สำคัญของทางเท้านั้นเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ในการสัญจร ขณะเดียวกันทางเท้าก็มีกฎหมายที่ให้ประชาชนหรือผู้ค้าที่มีความประสงค์จะทำการค้าขายต้องขออนุญาต ซึ่งขั้นตอนการขออนุญาตก็มีอยู่ตามกระบวนการ


โดยตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นมา ได้มอบหมายให้สำนักเทศกิจและสำนักงานเขต สำรวจพื้นที่ในกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นที่ที่ไม่ใช่ทางเท้า เพื่อในอนาคตจะให้ผู้ค้าที่อยู่บนผิวจราจรได้เข้าไปขายในที่ที่เหมาะสม และมีความถาวร ในขณะนั้นสำรวจพื้นได้ 125 แห่ง รองรับผู้ค้าได้ประมาณ 10,000 ราย หลังจากนั้นจึงนำมาพิจารณาว่าที่ตรงไหนเหมาะสมสำหรับทำการค้าขายต่อไปในอนาคต รวมถึง Hawker Center (ศูนย์อาหาร) ด้วย ซึ่งมีหลายจุดที่สำนักงานเขตกำลังสำรวจ หลายจุดอยู่ในระหว่างการเจรจากับเจ้าของที่ และหลายจุดเป็นที่ของกทม.เอง

ในส่วนของการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย นายศุภกฤต บุญขันธ์ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ กล่าวว่า เป็นหนึ่งในหน้าที่ของสำนักเทศกิจในด้านการจัดระเบียบเมือง โดยมีขั้นตอนปฏิบัติที่ชัดเจน ตามพรบ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 ในขั้นต้นเมื่อพบการกระทำผิดต้องไปชี้แจงแนะนำให้ทำการแก้ไข หากแก้ไขแล้วถือว่าไม่มีความผิด หากยังไม่แก้ไข เจ้าพนักงานสามารถจับกุมผู้กระทำความผิด ยึดของกลางมายังสำนักงานเขต และมีการเปรียบเทียบปรับดำเนินคดี ซึ่งเป็นระเบียบขั้นตอนที่ปฏิบัติมาโดยตลอด สำหรับกรณีที่ถนนสีลม ได้มีการประชาสัมพันธ์แก่ผู้ค้าบริเวณถนนสีลมมาเป็นระยะเวลานานแล้ว และได้ทำตามระเบียบขั้นตอนตามที่กล่าวข้างต้น

ด้านนางสาวอัญชนา บุญสุยา ผู้อำนวยการเขตบางรัก กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานเขตได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนเป็นจำนวนมากผ่านหลายช่องทาง ทั้ง traffy fondue ทางออนไลน์และออฟไลน์ เรื่องการตั้งแผงค้ารุกล้ำทางเท้าบริเวณถนนสีลม ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในการสัญจรทั้งทางเท้าและท้องถนน ซึ่งสำนักงานเขตบางรักได้เจรจาพูดคุยขอความร่วมมือกับกลุ่มผู้ค้าให้ย้ายจุดทำการค้า ได้ดำเนินการโดยมีการออกประกาศสำนักงานเขตห้ามตั้งวางจำหน่ายสินค้าในบริเวณที่กำหนดครั้งแรกให้มีผลในเดือนพฤศจิกายน 2565 และมีประกาศในวันที่ 25 ธันวาคม 2565 แจ้งการลงพื้นที่ถนนสีลมพูดคุยกับผู้ค้าให้ย้ายแผงค้าออกจากพื้นที่ มีผลวันที่ 2 มกราคม 2566 และออกประกาศห้ามตั้งวางฯ ครั้งที่ 2 มีผลวันที่ 17 ม.ค. 66 โดยระหว่างนั้นได้มีการลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์และเจรจาขอความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเชิญผู้ค้ามาร่วมประชุมและชี้แจงจุดผ่อนผันการค้าหลายครั้งในช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งผู้ค้าส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือย้ายจุดการค้าไปอยู่ในถนนคอนแวนต์ ซอยศาลาแดง ตรงข้ามวัดแขก และตลาดพัฒน์พงษ์ จะมีเพียงบางรายที่ฝ่าฝืน และจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายกับรายที่ต่อต้าน อย่างไรก็ตามเขตยังยืนยันที่จะใช้วิธีการเจรจาและระมัดระวังการกระทบกระทั่งกับผู้ค้า


สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ถนนสีลมตามที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ รองผู้ว่าฯ จักกพันธุ์ ชี้แจงว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์วันที่ 20 ม.ค. ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ค้ารายนี้ ได้ความว่า ฝ่ายเทศกิจของสำนักงานเขตบางรัก ได้ตกลงเตรียมพื้นที่แห่งใหม่สำหรับค้าขายไว้ให้ในซอยศาลาแดง แต่ยังไม่ดำเนินการให้ ทั้งนี้สำหรับผู้ค้าในพื้นที่ถนนสีลม ได้เตรียมที่สำหรับทำการค้าไว้ให้แล้ว 3 แห่ง คือ ซอยศาลาแดง ซอยคอนแวนต์ และถนนสีลมตรงข้ามวัดแขก ตนจึงได้สั่งการโดยตรงไปยังหัวหน้าฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขตบางรัก ให้ได้พูดคุยกันเป็นที่เรียบร้อย แต่หลังจากนั้นหัวหน้าฝ่ายเทศกิจได้รายงานว่าผู้ค้ารายนี้ไม่ยอมเข้าไปทำการค้าในพื้นที่ที่จัดให้

รองผู้ว่าฯ จักกพันธุ์ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 20 ม.ค. ได้ลงพื้นที่ถนนสีลมหลังการจัดระเบียบแล้ว ซึ่งตลอดถนนทั้งสายมีผู้ค้าเพียงรายเดียวเท่านั้นที่ลงขายบนทางเท้าเกินกำหนด จึงได้เข้าพบพร้อมหัวหน้าฝ่ายเทศกิจเพื่อชี้แจงว่าปฏิบัติไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และขอให้ย้ายออกจากจุดนี้ ซึ่งผู้ค้ารายนี้ไม่ยอมปฏิบัติตามพร้อมทั้งเตรียมที่จะขายของต่อ จึงได้แจ้งว่าจำเป็นต้องยึดของกลางไปที่สำนักงานเขต เพื่อให้ผู้ค้าหยุดทำการค้าขายไปก่อนและไปพูดคุยทำความเข้าใจที่สำนักงานเขต ขณะที่กำลังพูดคุยทำความเข้าใจและยึดของกลาง มีประชาชนเริ่มเข้ามารุมล้อมมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีการด่าทอเจ้าหน้าที่ ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ถอยออกมาเพื่อให้ไม่เกิดการกระทบกระทั่ง โดยระหว่างถอยออกมามีหญิงท่านหนึ่งเดินมาประกบหัวหน้าฝ่ายเทศกิจ ซึ่งตนเดินตามอยู่ด้านหลัง ขณะที่กำลังเดินออกมาหญิงท่านนั้นก็ล้มลงไปเองโดยที่ไม่มีใครแตะต้องตัวเลย หลังจากล้มลงชายคนหนึ่งได้ชี้ไปที่หัวหน้าฝ่ายเทศกิจพร้อมกล่าวว่า หัวหน้าฝ่ายเทศกิจทำร้ายประชาชน ตนจึงได้บอกเจ้าหน้าที่ว่าอย่าต่อล้อต่อเถียง ให้เดินหนีออกมา และแม้ว่าจะเดินข้ามถนนมาอีกฝั่งหนึ่งแล้วคนกลุ่มนี้ยังเดินตามมาด่าทอเจ้าหน้าที่ต่อ จึงขอยืนยันว่า ตามที่มีคลิปวิดีโอเผยแพร่ออกไปว่า รองผู้ว่าฯ ทำร้ายประชาชนนั้น ไม่เป็นความจริง

นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร ชี้แจงเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่ปรากฏ ยังไม่พบภาพที่แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่กทม. มีการผลักหรือทำให้หญิงท่านนั้นล้มลง และนโยบายของกทม. นั้นจะไม่มีการใช้กำลัง แต่หากท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติม สามารถส่งให้ทางกทม.เพื่อพิสูจน์ความจริงได้ และขอยืนยันว่ากทม.ไม่ได้มีประกาศห้ามทำการค้าตามที่หลายคนกล่าว เพราะมีการจัดระเบียบและจัดพื้นที่ให้ค้าขาย ซึ่งผู้ค้าจำนวนมากให้ความร่วมมือแล้ว เหลือเพียงบางส่วนที่ต้องเจรจาต่อไป และขอย้ำตามที่ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติ พูดไว้ว่า ทางเท้าไม่ใช่ของใครท่านใดท่านหนึ่ง แต่เป็นทางเดินเท้าของทุก ๆ คน การจัดระเบียบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสูดแก่ทุก ๆ คน จึงเป็นความจำเป็นที่ต้องดำเนินการ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมตัวเมืองน่าน-เขตเศรษฐกิจขยายวงกว้าง

น่าน 23 ก.ค. – ตอนนี้น้ำท่วมตัวเมืองน่าน รวมทั้งเขตเศรษฐกิจ ยังเพิ่มสูงขึ้นและแผ่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ หลังระดับน้ำท่วมสูงเกิน 9 เมตร และทะลักเข้าท่วม .-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

ตอบโต้เขมร! ปิด 4 ด่าน หลังทหารเหยียบกับระเบิดขาขาดอีก 1 ราย

23 ก.ค.- ศบ.ทก. เห็นชอบให้ทัพภาค 2 ปิดด่านชายแดน-สถานที่ท่องเที่ยว 4 จังหวัดอีสานใต้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ (24 ก.ค.) หลังล่าสุดทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดอีกราย จากกระแสข่าวมีทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดบริเวณแนวชายแดนไทยกัมพูชาเมื่อเวลา 16.55 น. นั้น ล่าสุด แหล่งข่าวจากศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงโดยกองทัพภาคที่ 2 ได้ปรึกษามาที่ ศบ.ทก. เพื่อขออนุญาตปิดด่านในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีษะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวตามแนวชายแดน เพื่อเป็นการประท้วงกัมพูชา จากการลักลอบวางทุ่นระเบิดที่เกิดขึ้น ซึ่ง ศบ.ทก. เห็นชอบ ขณะเดียวกันจะส่งหนังสือประท้วงโดยใช้กลไก RBC และรายงานกระทรวงต่างประเทศ เพื่อประท้วงต่อไป ดังนั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) จะปิดด่านชายแดนทั้งหมดในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานใต้ของไทย หลังจากที่ฝั่งไทยมีการกำหนดเวลาเปิด-ปิด และในส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง 3 ปราสาท คือ ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย […]

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย