ททท. เปิดตัวโครงการ “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน”

กทม.17ม.ค.- ททท. เปิดตัวโครงการ “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน” ชวนผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวเสนอดีลพิเศษผ่าน LAZADA ร่วมสร้างตำนานการท่องเที่ยวไทยครั้งใหม่ตลอดปี 2566    


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน”ภายใต้โครงการ Save Partner ต่อยอดความคึกคักของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ชวนผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวเสนอดีลพิเศษผ่าน LAZADA พร้อมจัดทำ 365 Wonder Calendar รวบรวมเทศกาล กิจกรรม ประเพณี โปรแกรมท่องเที่ยว และเพลิดเพลินกับกิจกรรมส่งเสริมการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ กระตุ้นการเดินทางภายในประเทศตลอดปีท่องเที่ยวไทย 2566 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงปี 2563-ปี 2564 ส่งผลให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกหยุดชะงัก รวมถึงประเทศไทยด้วย และในปี 2565 ททท. เดินหน้า “พลิกฟื้น” ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยทั้งระบบ โดยมุ่งส่งเสริมตลาดในประเทศหรือไทยเที่ยวไทยเป็นสำคัญ ซึ่งภาพรวมปีที่ผ่านมา มีจำนวนเยี่ยมเยือนชาวไทยอยู่ที่ 189 ล้านคน-ครั้ง ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่สูงกว่าเป้าหมาย สะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณบวกของการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวตลาดในประเทศที่จะเป็นกลไกหลักในการ “ฟื้นคืน” เศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวอย่างเข้มข้นและมีนัยสำคัญต่ออัตราการเติบโตในภาพรวมในโอกาสส่งเสริมปีท่องเที่ยวไทย 2566 ททท. จึงกำหนดโครงการ “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน” ภายใต้แนวคิดหลัก “เที่ยวได้ทุกวันมหัศจรรย์ทั้งปี” สำหรับกระตุ้นตลาดในประเทศ ระยะเวลาโครงการเดือนมกราคม – กันยายน 2566 โดยผนึกกำลังบูรณาการร่วมกับแพลตฟอร์ม e-commerce ที่มีชื่อเสียงอย่าง LAZADA นำนวัตกรรมเข้ามาช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวได้นำเสนอขายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว มอบดีลพิเศษสุดแก่นักเดินทาง รวมทั้งมีแคมเปญย่อยเพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศตลอดทั้งปี ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวภายในประเทศให้กลับคืนมาเร็วที่สุด รวมถึงช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวตลาดในประเทศ อาทิ โรงแรม ที่พัก แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร สปา ฯลฯ และเป็นแรงจูงใจในการเพิ่มความถี่ในการเดินทางท่องเที่ยวและสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวบนพื้นฐานความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจสังคม และสิ่งแวดล้อม


หัวใจของ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน คือ การเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ที่สดใส  Amazing ยิ่งกว่าเดิม โดยสื่อสารผ่านเส้นทางและรูปแบบการท่องเที่ยวมิติใหม่ที่น่าสนใจกว่าที่เคย ทำให้ภาพรวมของการท่องเที่ยวในปี 2566 เป็นเรื่องของความเพลิดเพลินของการเดินทางท่องเที่ยวที่หลากหลายไม่ซ้ำกัน เพราะตลอดทั้ง 365 วัน มีหลายฤดู หลากเทศกาล ล้านวิถีชีวิต ทุกการเดินทางล้วนแล้วแต่มีเรื่องราวและประสบการณ์ที่แตกต่างกัน จึงอยากชวนคนไทยออกมาเที่ยวเมืองไทย สร้างตำนานการเดินทางท่องเที่ยวบทใหม่ที่จะเป็น ไทยเที่ยวไทย Limited Edition อันน่าประทับใจและบอกต่อได้  ซึ่งในโครงการจะเริ่มจากการจัดทำ 365 Wonder Calendar ปฏิทินที่รวบรวมเทศกาล กิจกรรม ประเพณี และโปรแกรม ที่นักท่องเที่ยวสามารถ วางแผนการท่องเที่ยวได้ทุกวัน รวมไปถึงกิจกรรมกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวสื่อสารผ่านช่องทางต่าง ๆ และกิจกรรมการตลาด Joint Promotion อาทิ 

แคมเปญ “มหัศจรรย์เมืองไทยสวยแบบตะโกน” : แคมเปญไวรัลคลิปชิงรางวัลสุดพิเศษ เพียงบันทึกวิดีโอคลิปตะโกนชื่อโครงการ “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน” และลากเสียงให้ยาวที่สุด ตามสไตล์ของตัวเอง ก็มีสิทธิ์ลุ้นชิงรางวัล Voucher ที่พัก , Gadget ท่องเที่ยว และของที่ระลึกจากโครงการฯเริ่มกิจกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 

แคมเปญ “Wonder Deal” สิ้นเดือน เหมือนการเริ่มต้นใหม่ : เปลี่ยนวันสิ้นเดือนให้เป็นการเริ่มต้นวางแผนออกเดินทางครั้งใหม่ในเดือนถัดไป โดย ททท. จะนำโปรโมชั่นพิเศษมาเสนอขายผ่านทางแพลตฟอร์ม LAZADA เริ่มกิจกรรมเดือนมีนาคมถึงเดือนสิงหาคม 2566 


แคมเปญ “CODE ลับ 365 พาเพื่อนเที่ยว” : แคมเปญชวนเพื่อนเที่ยว โดยรวมตัวแก๊งเพื่อน 3 คน จองดีลเด็ดท่องเที่ยวใน 5 จังหวัด ภายใน 6 สัปดาห์ จากนั้นสร้างสรรค์คอนเทนต์ส่งเสริมการท่องเที่ยวในแบบฉบับของชาวแก๊ง ส่งต่อประสบการณ์ท่องเที่ยวในมุมต่าง ๆ ผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็นขวัญใจมหาชน รับเงินรางวัล 365,365 บาท เริ่มกิจกรรมตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงมิถุนายน 2566   ทั้งนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจโปรโมชั่นท่องเที่ยวดีลพิเศษ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ tourismthailand.org ,Facebook : Amazing Thailand หรือ TAT Contact Center โทร.1672 Travel Buddy.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]