กทม.จับมือ บช.น.หารือแนวทางแก้ปัญหาจราจรทั่วกรุง

ศาลาว่าการ กทม. ดินแดง 28 พ.ย.- กทม.จับมือ บช.น.หารือแนวทางแก้ไขปัญหาจราจรทั่วกรุง พบมีจุดที่มีปัญหาจราจรติดขัด 266 จุด เน้นกวดขันวินัยจราจร ควบคู่การใช้เทคโนโลยีบริหารจัดการ


นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมแนวทางความร่วมมือด้านการบริหารจัดการจราจร ครั้งที่ 1/2565 โดยมี พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมประชุม

ในที่ประชุมกล่าวถึงแนวทางความร่วมมือในการกวดขันวินัยจราจร เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง ซึ่งกรุงเทพมหานครได้จัดทำแผนปฏิบัติราชการกรุงเทพมหานคร ประจำปี พ.ศ.2566 โดยได้ดำเนินการทบทวนให้มีความสอดคล้องกับแนวทางของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และทิศทางของแผนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกำหนดไว้เป็น 7 ยุทธศาสตร์ สำหรับยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในด้านเดินทางดี ปลอดภัยดี และบริหารจัดการดี อยู่ในยุทธศาสตร์ที่ 4 การเชื่อมโยงเมืองที่มีความคล่องตัวและระบบบริการสาธารณะแบบบูรณาการ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวของระบบจราจร ซึ่งจะต้องมีการบูรณาการในการบริหารจัดการร่วมกันทั้งหน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหานคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทาง ลดจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการด้วยระบบเทคโนโลยี


จากนั้นในที่ประชุมหารือถึงแนวทางความร่วมมือในการกวดขันวินัยจราจร ในปี 2566 กรุงเทพมหานครจะมุ่งเน้นดำเนินงานด้านการจราจร 2 ส่วน ได้แก่ การลดปัญหาการจราจรติดขัด และการเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง ประกอบด้วย 1.การตรวจจับความเร็ว 2.การหยุดชะลอรถตรงทางข้าม 3.การจอดในที่ห้ามจอด/การจอดขวางทางเท้า 4.การไม่เคารพสัญญาณไฟ และเครื่องหมายจราจร 5.การขับขี่สวนทาง การขับขี่บนทางเท้า การขับรถเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนด และ 6.มาตรการสวมหมวกนิรภัย ซึ่งส่วนหนึ่งของปัญหาจราจร ทั้งจุดรถติดและจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ มักเกิดจากการขาดวินัยจราจรของประชาชน ทั้งการจอดรถริมถนน และบนทางเดินเท้า การไม่หยุดในบริเวณทางข้าม การข้ามถนนในบริเวณที่ไม่ใช่ทางข้าม และการไม่สวมหมวกนิรภัย โดยกำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการผลักดันเรื่องการกวดขันวินัยจราจร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินงานต่อไป

จากการสำรวจจุดที่มีปัญหาการจราจรติดขัดในกรุงเทพมหานคร และมีการประชุมร่วมระหว่างสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต และสถานีตำรวจท้องที่ทั้ง 88 แห่ง และทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการประชุมพบว่า มีจุดที่มีปัญหาจราจรติดขัด จำนวน 266 จุด โดยวิธีการแก้ไขแบ่งได้ 2 ลักษณะ คือ การแก้ไขด้วยหลักการทางวิศวกรรมจราจร และการกวดขันวินัยจราจร เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงเรื่องวินัยจราจร โดยกรุงเทพมหานครจะประสานกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) จัดกิจกรรม D-Day กวดขันวินัยจราจรพร้อมกันทั่วกรุงเทพมหานคร

แนวทางการใช้เทคโนโลยีแก้ไขปัญหาจราจร Traffic Management เทคโนโลยีด้านการบริหารจัดการจราจร ระบบเพื่อตรวจวัดความเร็ว ระบบเสริมสร้างความปลอดภัยให้ประชาชนบริเวณสัญญาณไฟจราจร ทางคนเดินข้ามชนิดปุ่มกด ระบบตรวจจับการฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรและเครื่องหมายจราจรบริเวณทางแยกในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อป้องปรามให้เกิดวินัยด้านการจราจร ไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย ลดการเกิดอุบัติเหตุรวมถึงเกิดความปลอดภัยกับประชาชน พร้อมเชื่อมโยงสัญญาณการวิเคราะห์ข้อมูลไปยังกองบังคับการตำรวจจราจร ในการสนับสนุนข้อมูลผู้ฝ่าฝืนซึ่งสามารถนำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายต่อไป เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน เพิ่มความปลอดภัย ตรวจสอบการเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ต่างๆ บนท้องถนน และสนับสนุนหน่วยงานความมั่นคงต่างๆ


การบริหารจัดการจราจรด้วยระบบ ITMS (Intelligent Traffic Management System) ซึ่งถนนในกรุงเทพมหานคร เป็นโครงข่ายที่เชื่อมโยงกันหมด การบริหารจัดการจราจรจึงต้องทำร่วมกันทั้งระบบ เพื่อให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้ 1.การควบคุมสัญญาณไฟจราจรทั้งกรุงเทพมหานคร ให้สอดคล้องกับสภาพจราจรที่เกิดขึ้นจริง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการจราจร และระบบบริหารรถขนส่งสาธารณะ 2.การเผยแพร่สภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มข้อมูลในการตัดสินใจให้กับประชาชน 3.การกวดขันวินัยจราจรด้วยระบบกล้อง CCTV อาทิ การจับภาพยานพาหนะที่ทำผิดกฎจราจร เพื่อนำไปออกใบสั่งอัตโนมัติหรือเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การจับ/ปรับผู้กระทำผิดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ในที่ประชุมพิจารณาเกี่ยวกับการจัดการจราจรและการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในช่วงงานกาชาด ประจำปี2565 ณ บริเวณสวนลุมพินี ระหว่างวันที่ 8-18 ธันวาคม 2565 การกำหนดจุดจอดรถประชาชนที่มาเที่ยวงานในสวนลุมพินีและอาคารใกล้เคียง จุดบริการเรียกรถแท็กซี่ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจและเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลท้องที่ อำนวยความสะดวกด้านการจราจร ถนนพระราม 4 ถนนราชดำริ ถนนวิทยุ เพื่อให้รถเคลื่อนตัวได้ตลอดเวลา ไม่ให้มีรถติดสะสม กวดขันไม่ให้จอดรถในที่ห้ามจอด ตลอดจนดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนในช่วงงานดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย