สำนักข่าวไทย 28 พ.ย.- กรมวิทย์ฯ เผยในไทยพบเชื้อโควิด BA.2.75 ถึง 58% ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์มาจากอินเดีย สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียเข้าไทยจำนวนมาก คาดปลายปีนี้ นักท่องเที่ยวยุโรปหนีหนาว อาจทำให้สายพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงอีก ย้ำต้องรับวัคซีน 4 เข็มจึงจะช่วยลดความรุนแรงของโรค
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า ขณะนี้พบการติดเชื้อโควิด-19 แบบสมอลเวฟ ซึ่งแต่ละประเทศเกิดการระบาดของแต่ละสายพันธุ์ที่แตกต่างกัน โดยส่วนของไทยนั้นพบการติดเชื้อในกลุ่มสายพันธุ์ BA.2.75 มากที่สุด เป็น 58% ทั้งนี้เนื่องมาจากมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วงปลายปี 2565 นี้ที่เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว จะมีนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่หนีหนาวเข้าไทยอีกจำนวนมากอาจทำให้สายพันธุ์ของโควิด-19 ที่พบในไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปอีก อาจพบสายพันธุ์ XBB มากขึ้นจากชาวยุโรป
ขณะนี้ลักษณะการติดเชื้อ พบว่าทั่วโลกมีลักษณะคล้ายกันหมดคือไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงและหลบภูมิคุ้มกัน ที่เปลี่ยนแปลงไปคือ 1.มีการติดเชื้อเร็วมากขึ้น 2.คนป่วยสามารถป่วยซ้ำได้อีกเนื่องจากการติดเชื้อมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อีกครั้ง วัคซีนอาจไม่ได้ให้ประสิทธิภาพอย่างเต็มที่เหมือนในอดีต
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ปฏิกิริยาของผู้ได้รับการติดเชื้อโควิดซ้ำ จะพบว่ามีความแตกต่างกัน แต่ละคนจะมีอาการไม่เหมือนกัน ทั้งนี้เนื่องจากภูมิคุ้มกันของแต่ละคนแตกต่างกัน บางคนได้รับวัคซีนแค่ 1 เข็ม หรือ 2 เข็ม หรือ4 เข็ม แต่บางคนไม่ได้รับแม้แต่เข็มเดียว และร่างกายของคนแต่ละคนก็มีความแข็งแรงที่แตกต่างกัน ปัจจัยอยู่กับโรคประจำตัวก็ทำให้อาการของแต่ละคนแตกต่างกัน ดังนั้นคำแนะนำคือต้องมีการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยวัคซีนพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับ ควร 4 เข็ม ไม่ใช่ 3 เข็ม เหมือนในอดีต เพราะสถานการณ์ในขณะนี้แตกต่างไปจากเดิม และการติดเชื้อเกิดภูมิคุ้มกันธรรมชาติ ร่วมกับวัคซีน อาจไม่เพียงพอ หากมีการติดเชื้อมานานแล้ว ดังนั้นการปรับพฤติกรรมส่วนบุคคล ทั้งการสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดยังคงจำเป็นเพื่อลดการติดเชื้อโควิด-19.-สำนักข่าวไทย