ก.สาธารณสุข 28 ต.ค. – กรมอนามัย แนะประชาชนพื้นที่หลังน้ำลด เร่งฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและที่พักอาศัยด้วยการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี 3 ขั้นตอน ลดปัญหาเชื้อราสะสม
นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า บางพื้นที่ที่สถานการณ์น้ำท่วมกลับคืนสู่สภาวะปกติ ประชาชนควรเร่งทำความสะอาดอาคาร บ้านเรือน และสถานที่สาธารณะต่าง ๆ รวมถึงสถานที่ผลิต และจำหน่ายอาหาร อาทิ ตลาดสด ร้านอาหาร มินิมาร์ท ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทั้งโคลนตม ขยะ วัสดุ สิ่งของต่าง ๆ ส่งผลให้เกิดการหมักหมม จึงต้องมีการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและที่พักอาศัย เพื่อสุขอนามัยที่ดีด้วยการรื้อและล้างให้สะอาดปลอดภัยตามหลักสุขาภิบาล เพราะหากปล่อยไว้นานจะกลายเป็นแหล่งสะสมและแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยเฉพาะเชื้อราที่พบได้หลังน้ำลด ตามบริเวณพื้น ฝาผนัง วอลล์เปเปอร์ เฟอร์นิเจอร์ ที่นอน หมอน พรม รวมถึงตู้แช่อาหาร ตู้เย็น จำเป็นต้องได้รับการรื้อและล้างทำความสะอาดอย่างเร่งด่วน ส่วนตู้ไม้ที่ชำรุดเสียหายไม่สามารถใช้งานได้อีก ควรรวบรวมไว้ในแหล่งเดียวกัน เพื่อรอการกำจัดจากหน่วยงานราชการในพื้นที่ต่อไป
นพ.อรรถพล กล่าวต่อว่า ก่อนเข้าไปในบ้านต้องสำรวจตรวจสอบความเสียหาย และมั่นใจว่าโครงสร้างของบ้านมีความมั่นคงแข็งแรง และตรวจดูโดยรอบบริเวณบ้านเพื่อป้องกันสัตว์มีพิษ หรือสัตว์อันตรายที่อาจซ่อนอยู่ในช่วงน้ำท่วม เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง เป็นต้น เปิดประตู หน้าต่าง เพื่อให้อากาศถ่ายเท ลดกลิ่นเหม็นอับ ห้ามเปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศขณะทำความสะอาดบ้าน หรือขณะกำจัดเชื้อรา เพราะจะทำให้สปอร์เชื้อราฟุ้งกระจาย สำหรับเครื่องใช้ เครื่องเรือน เครื่องนอน และเฟอร์นิเจอร์ เช่น ฟูกที่นอน หมอน พรม ให้ทำความสะอาด และฆ่าเชื้อโรคด้วยการนำไปตากแดด ส่วนวอลล์เปเปอร์หรือฉนวนกันความร้อนที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก ต้องนำไปทิ้งในถุงที่ปิดมิดชิดโดยทันที เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของเชื้อรา
“ทั้งนี้ ก่อนการทำความสะอาดและกำจัดเชื้อราในบ้าน ต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกาย สวมหน้ากาก ถุงมือยาง และรองเท้าบูททุกครั้ง ซึ่งวิธีการจัดการเชื้อราในบ้านทำได้ 3 ขั้นตอน คือ 1.พื้นผิววัสดุที่พบเชื้อรา ให้ใช้กระดาษทิชชูแผ่นหนาและขนาดใหญ่ หรือกระดาษหนังสือพิมพ์พรมน้ำให้เปียกเล็กน้อย เช็ดพื้นผิวไปในทางเดียว แล้วนำกระดาษทิชชู หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ดังกล่าว ทิ้งลงในถังขยะที่ปิดมิดชิด 2.ใช้กระดาษทิชชูแผ่นหนาและขนาดใหญ่ หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ชุบน้ำผสมสบู่หรือน้ำยาล้างจาน เช็ดซ้ำในจุดที่มีเชื้อราอีกครั้ง และ 3.ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อรา เช่น น้ำส้มสายชู 5-7% หรือแอลกอฮอล์ความเข้มข้น 60-90% เช็ดทำความสะอาด เพื่อเป็นการทำลายเชื้อในขั้นตอนสุดท้าย โดยผู้ทำความสะอาดต้องหยุดพักสูดอากาศบริสุทธิ์ ทุก 1-2 ชั่วโมง อาบน้ำชำระร่างกายหลังจากการทำความสะอาดบ้านและกำจัดเชื้อรา เพื่อความปลอดภัย และสุขอนามัยดี” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว. -สำนักข่าวไทย