สธ. 7 ก.ย.- “อนุทิน” ย้ำ 1 ต.ค.นี้ ปรับโควิดเป็นโรคเฝ้าระวัง พร้อมทั้งระบบรักษา-เฝ้าระวัง เผยข้อมูลสถานการณ์โควิดดีขึ้น ป่วยหนักใส่ท่อราว 300 คน เสียชีวิตเป็นผู้สูงอายุ 100% แนะมารับวัคซีนเข็มกระตุ้น
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ภายหลังประชุมผู้บริหารกระทรวงว่า ขณะนี้สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ทุกอย่างอยู่ในภาวะปกติดี ควบคุมได้ทุกอย่าง เตรียมลดระดับความรุนแรงของโควิด จากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง เริ่ม 1 ตุลาคมนี้ โดยระบบการดำเนินงานทุกอย่างยังเหมือนเดิม ทั้งการรักษาและการจ่ายยา เนื่องจากมีปรับมาระยะหนึ่งแล้ว คนที่ป่วยไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง 608 รักษาตามอาการ ส่วนคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ก็มียา LAAB ให้ซึ่งจากข้อมูลในตอนนี้พบว่า คนที่ป่วยหนักและเสียชีวิต 100% เป็นผู้สูงอายุ และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รับวัคซีน ดังนั้น จึงอยากแนะนำให้ผู้สูงอายุมารับวัคซีนโควิดไม่ว่าจะเข็มอะไรก็ตาม เพื่อใช้บรรเทาอาการรุนแรง ขณะเดียวกันพบว่า คนที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจลดลงเหลือประมาณ 300 คน เท่านั้น
นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ช่วงบ่ายจะมีการลงนามอย่างเป็นทางการกับไฟเซอร์ ในการจัดหาวัคซีนเด็ก โดยกระบวนการขั้นตอนการเปลี่ยนสัญญาจัดหา ต้องผ่านบริษัทแม่ในต่างประเทศอีกด้วย สำหรับการจัดหาก็มีการคำนวณมาอย่างเหมาะสม ทั้งเรื่องของปริมาณการสำรองยา พร้อมย้ำว่าการใช้ยาควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ และไม่เห็นด้วยที่จะหาซื้อยาเอง เพราะยา 1 คอร์ส มีราคาหลักหมื่นบาท การซื้อยาที่ต้องมีใบรับรองแพทย์นั้น ก็อยากให้เข้าใจว่า ยารักษาโควิดที่ใช้กันนั้น เป็นการใช้ยาในภาวะฉุกเฉิน
ส่วนเรื่องดราม่าคนไม่สวมหน้ากากอนามัย ก็ยังอยากสนับสนุนให้มีการสวมอยู่ หากออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ต้องพบเจอผู้คนเยอะ ยกเว้นการออกกำลังกายในกิจกรรมกลางแจ้ง อาจไม่ต้องสวม ทั้งนี้ ไม่ได้บังคับเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยหรือไม่ อยากให้ดูตามความเหมาะสมของสถานการณ์และกิจกรรมที่ทำ.-สำนักข่าวไทย