ประชาชนแห่กลับปีใหม่ สายหลักติดหนึบ

สำนักข่าวไทย 30 ธ.ค.-ประชาชนแห่เดินทางกลับภูมิลำเนา ส่งผลให้ทุกเส้นทางสายหลัก รถติดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสายเอเชียใช้ความเร็วได้เพียง 20-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย จัดเต็มรองรับผู้โดยสารสูงสุด 100,000 คนต่อวัน ขณะที่ บขส.คาดวันนี้จะมีผู้โดยสารมากที่สุด 80,000 คน


สภาพการจราจรบนถนนทางหลวงหมายเลข 32 หรือถนนสายเอเชียเมื่อเช้าที่ผ่านมาในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง มีปริมาณรถเพิ่มขึ้นจนเริ่มหนาแน่นในทุกช่องทาง รถยนต์ใช้ความเร็วได้ประมาณ 20-40 กม.ต่อชั่วโมงและติดสะสมเป็นบางช่วงโดยจากการตรวจสอบพบว่า รถติดขัดสะสมยาวนับสิบ กม.ตั้งแต่ กม.ที่ 53 สะพานบางแก้ว ต.ตลาดกรวด อ.เมือง จ.อ่างทอง ไปจนถึง กม.ที่ 63 เนื่องจากมีอุบัติเหตุรถชนท้ายกันหลายจุดโดยเฉพาะบริเวณจุดที่มีการก่อสร้างทางกลับรถใน กม.ที่ 62+700 พื้นที่ อ.ไชโย จ.อ่างทอง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอ่างทองต้องแนะนำให้ประชาชนที่จะเดินทางขึ้นภาคเหนือในช่วงเย็นและช่วงค่ำวันนี้ หลีกเลี่ยงการใช้ถนนสายเอเชียให้ไปใช้ถนนสาย 33 อ่างทอง-สุพรรณบุรี ที่แยกป่าโมกมุ่งหน้าเข้าเลี่ยงเมืองสุพรรณบุรี เพื่อเข้าสู่จังหวัดชัยนาท และไปบรรจบกับถนนสายเอเชียอีกครั้ง หรือใช้ถนนสาย 309 อ่างทอง-สิงห์บุรี สายเก่า ผ่านจังหวัดอ่างทอง เข้าสู่จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดชัยนาท จะได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น

แห่กลับอีสานถนนมิตรภาพรถติดหนัก จ.นครราชสีมา


ที่ถนนมิตรภาพ เขตตัวเมืองโคราช  สภาพการจราจรเป็นไปอย่างแออัดมีรถติดสะสมยาวกว่า 3 กิโลเมตร ไปจนถึงหน้าโรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย เนื่องจากเป็นจุดคอขวดคอสะพาน มีรถติดยาวเหยียด เคลื่อนตัวได้ช้า สลับกับหยุดนิ่ง ทำให้ผู้ใช้เส้นทางต้องค่อยๆ ขยับรถเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 10 นาทีจึงจะผ่านจุดนี้ไปได้

หลังเลี้ยวซ้ายไปถึงเส้นทางถนนบายพาสต์เลี่ยงเมือง จะเจอกับจุดเสี่ยงรถติดบริเวณทางลงถนนมอเตอร์เวย์ ซึ่งเป็นจุดรวมรถที่มาจากถนน 304 ราชสีมา-กบินทร์บุรี ไหลมาบรรจบกัน ก่อนมุ่งหน้าสู่แยกจอหอ และเข้าเส้นทางถนนมิตรภาพ มุ่งหน้าสู่ จ.ขอนแก่น ซึ่งเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงนครราชสีมา มีการปิดจุดกลับรถเสี่ยงอันตรายเป็นระยะๆ

รฟท.จัดเต็มรองรับผู้โดยสารสูงสุด 100,000 คนต่อวัน


นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผอ.ศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การรถไฟฯ จัดเต็ม พ่วงตู้โดยสารจนเต็มหน่วยลากจูง มีขบวนรถโดยสารให้บริการรวม 176 ขบวนต่อวัน และจะพิจารณาเพิ่มขบวนรถพิเศษรองรับการเดินทางของพี่น้องประชาชนให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยจะพิจารณาจากสถานการณ์ในแต่ละวัน ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 30 ธันวาคม 2564 – 5 มกราคม 2565 สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 100,000 คนต่อวัน พร้อมแจ้งย้ำถึงผู้โดยสาร ยังให้บริการสถานีต้นทางและปลายทางที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) รวมถึงเปิดรับส่งผู้โดยสารที่สถานีบางเขน สถานีหลักสี่ และสถานีดอนเมืองได้ตามเดิม ตลอดจนเข้มงวดมาตรการทางสาธารณสุข ในการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  

บขส.คาดวันนี้จะมีผู้โดยสารมากที่สุด 80,000 คน

ดร.สัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เผยข้อมูลการเดินทางในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ประจำปี 2565 ว่า เมื่อวานนี้ (29 ธ.ค.64) บขส. ได้จัดรถโดยสาร (รถ บขส. ,รถร่วม , รถตู้) ให้บริการผู้โดยสาร ในเที่ยวขาไป-ขากลับ จำนวน 5,760 เที่ยว รองรับผู้โดยสารได้ จำนวน 66,973 คน โดยแบ่งเป็นการเดินทางในเที่ยวขาไป จำนวน  3,026 เที่ยว รองรับผู้โดยสารได้ 37,608 คน ส่วนเที่ยวกลับ จำนวน 2,734 เที่ยว รองรับผู้โดยสารได้ จำนวน 29,365 คน ขณะที่วันนี้ (30 ธ.ค.64) คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการมากที่สุดอยู่ที่ประมาณ 80,000 คน เป็นการเดินทางในเที่ยวขาไป ประมาณ 50,000 คน และเที่ยวขากลับประมาณ 30,000 คน

กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวด้วยว่าขอความร่วมมือผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางมายังสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ ทั้ง 5 แห่ง และขอให้ซื้อตั๋วที่ช่องจำหน่ายตั๋วเท่านั้น โดย บขส.ได้ตั้งจุดรับเรื่องร้องเรียน และแนะนำประชาสัมพันธ์เรื่องการเดินทาง ณ บริเวณประชาสัมพันธ์ ชั้น 1 และชั้น 3 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) และที่หน่วยประชาสัมพันธ์ของสถานีขนส่งฯ ทุกแห่ง

คาดถนนเพชรเกษมปริมาณรถมากช่วงบ่ายนี้

ส่วนที่ ถนนเพชรเกษม กรมทางหลวงประเมินการจราจร เช้านี้ยังถือว่าไหลลื่น มีชะลอตัวบ้าง บนถนนสาย 35 ดาวคะนอง-วังมะนาว โดยเฉพาะช่วงสมุทรสาคร  คาดว่าปริมาณรถจะสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงบ่าย โดยกรมทางหลวงตรวจวัดการจราจร บนถนนเพชรเกษมในช่วง 5 วันที่ผ่านมา มีปริมาณรถเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติประมาณ 10 % ส่วนถนนสายอื่นๆ เช่นถนนมิตรภาพ เพิ่มขึ้น 64 %  

ประกาศกระทรวงคมนาคม 8 ข้อ

กระทรวงคมนาคม ประกาศเรื่องแนวทางปฏิบัติในการป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 สำหรับระบบขนส่งสาธารณะภายในประเทศ จำนวน 8 ข้อ เช่นให้ทำความสะอาดรถ อาคารสำนักงานทุก 1-2 ชั่วโมง จัดให้มีเจล แอลกอฮอล์ อย่างเพียงพอ ให้ทำความสะอาดรถทุกรอบ เดินทางระยะไกลต้องพักรถทุก 2-3 ชั่วโมง งดบริการอาหารบนรถ พนักงานและผู้โดยสารต้องฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็ม พนักงานและผู้โดยสารต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาในการเดินทาง และข้อที่ 8 สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางนานเกิน 4 ชั่วโมงให้มีการการตรวจเอทีเค ผู้โดยสารก่อนขึ้นรถทุกคน

อุบัติเหตุทางถนนวันแรก 29 ธ.ค.เสียชีวิต 39 ราย

นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เผยว่าศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2565 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายรวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 29 ธันวาคม 2564 ซึ่งเป็นวันแรกของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 362 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 39 ราย ผู้บาดเจ็บ 362 คน 

ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 34.60 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 23.80 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 81.30.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย