ชุมพร 9 พ.ย. – 2 พ่อลูกสะอื้นถูกจับข้อหาร่วมกับพวกโกงเงินกองทุนสวนยางฯ กว่า 20 ล้านบาท คาดถูกหลอกนำเอกสารไปทำธุรกรรม เผยมีอาชีพรับจ้างตัดปาล์ม-กรีดยาง ฐานะยากจน หาเช้ากินค่ำ ทั้งชีวิตมีเงินฝากธนาคารแค่พันกว่าบาท
ตำรวจชุมพรเข้าควบคุมตัวนายสมพิศ มากแตง อายุ 31 ปี และนายจำเริญ มากแตง อายุ 72 ปี ทั้งสองคนเป็นพ่อลูกกัน หลังร่วมกับพวกรวม 17 คน ร่วมกันทำธุรกรรมกู้เงินจากกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยไม่ได้มีสวนยาง และสวนยางไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะได้รับการสงเคราะห์การทำสวนยาง ทำให้กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง อ.ท่าแซะ ได้รับความเสียหายเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท เหตุเกิดช่วงปี 2556
นายสมพิศ มากแตง อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ กล่าวว่า ครอบครัวตนฐานะยากจน มีอาชีพรับจ้างตัดปาล์ม หาเช้ากินค่ำ ส่วนพ่อตนก็แก่มากแล้ว มีโรคประจำตัว ต้องเข้าโรงพยาบาลตลอด จะเอาปัญญาที่ไหนไปกู้ยืมหรือทำธุรกรรมทางการเงินกับใครได้ และยืนยันว่าไม่เคยไปกู้เงินจากหน่วยงานใดทั้งสิ้น แต่เมื่อประมาณกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา ได้มีหมายเรียกมาส่งที่บ้าน และภรรยาตนก็เซ็นรับไป แต่ตนไม่ได้ไปพบเจ้าหน้าที่ตามหมายเรียก เพราะตนไม่เข้าใจและไม่เคยไปทำธุรกรรมทางการเงินกับใครที่ไหน และไม่คิดว่าจะเป็นตนด้วย จึงไม่ได้สนใจ กระทั่งวันนี้ตำรวจนำหมายจับมาจับตนและพ่อ ทำให้รู้สึกตกใจมาก
นายสมพิศ กล่าวต่อว่า ปัญหาน่าจะเกิดมาตั้งแต่ประมาณ 6-7 ปีที่แล้ว ขณะนั้นตนอาศัยอยู่กินกับภรรยาคนแรก ซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง อ.ท่าแซะ ได้ขอเอกสารสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของตนและของพ่อตนไป บอกว่าจะนำไปซื้ออาวุธปืนสวัสดิการให้ 1 กระบอก ในราคาถูก ซึ่งตนเองก็อยากมีอาวุธปืนอยู่แล้ว แต่ในที่สุดอาวุธปืนก็ไม่ได้ซื้อให้ตน หลังจากนั้นไม่นาน ตนได้เลิกกับภรรยาคนแรกที่เป็นลูกเลี้ยงของเจ้าหน้าที่สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง และปัจจุบันตนมีภรรยาใหม่ มีลูกด้วยกัน 2 คนแล้ว มีอาชีพรับจ้างกรีดยาง หาเช้ากินค่ำ ทั้งชีวิตมีเงินฝากอยู่ในบัญชีธนาคารชื่อของภรรยาตนเพียงแค่พันกว่าบาทเท่านั้น ส่วนพ่อเลี้ยงของภรรยาคนแรก ภายหลังทราบว่าได้ถูกให้ออกจากที่ทำงาน และถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการโกงเงินในสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง อ.ท่าแซะ จึงไม่ทราบว่าตนไปเป็นหนี้สินร่วมกับคนอื่นในสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางได้อย่างไร
ด้านนายจำเริญ มากแตง อายุ 72 ปี กล่าวว่า ตนอายุมากแล้ว มีโรคประจำตัวโรคหัวใจ ต้องกินยาประจำ และในวันศุกร์นี้ (12 พ.ย.) หมอที่โรงพยาบาลนัดให้ไปผ่าตัดเอาก้อนเนื้อในกระเพาะออก ปัจจุบันตนไม่มีรายได้อะไร ได้กินได้ใช้จากเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุจากรัฐบาลเท่านั้น แล้วมาถูกจับกุมดำเนินคดี โดยที่ตนไม่เคยไปกู้เงินจากที่ใดเลย จะต้องมาติดคุกตอนแก่ และจะเอาปัญญาที่ไหนไปใช้หนี้อีกเป็นล้าน
ด้านคดี พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร (ผกก.สส.ภ.จว.ชุมพร) กล่าวว่า ตนก็ทำตามหน้าที่ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ซึ่งดูจากสภาพของ 2 พ่อลูกแล้ว ตนก็รู้สึกสงสารมาก เพราะมีฐานะยากจนจริงๆ หลังจากนี้ตนก็ต้องนำผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไปส่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ต่อไป. – สำนักข่าวไทย