ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาหนุ่มเมียนมาลักพาตัว “น้องจีน่า”

เชียงใหม่ 8 ก.ย. – ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 เผยยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาหนุ่มเมียนมา ลักพาตัว “น้องจีน่า” แม้เบื้องต้นรับสารภาพก่อเหตุ อยู่ระหว่างการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียด ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งเรื่องแรงจูงใจและผู้ร่วมก่อเหตุ


บรรยากาศที่สถานีตำรวจภูธรแม่แตง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ พลตำรวจตรีวีรชน บุญทวี ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยความคืบหน้าการสอบปากคำนายเสี่ยว หรือนายอาผะ อายุ 44 ปี ที่ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลักพาตัว “น้องจีน่า” และนำเด็กใส่ผ้าขาวม้าผูกเอวขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปหลายที่ แต่ไม่ได้ไปจุดหน้าถ้ำตามที่บอกตอนแรก แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะยังให้การวกวน จึงต้องนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม ส่วนจะก่อเหตุคนเดียวหรือมีคนอื่นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ หลังถูกตั้งข้อสังเกตว่าในระหว่างที่นายอาผะถูกควบคุมตัวอยู่นั้นอาจมีผู้นำตัวเด็กไปปล่อยไว้ตรงจุดที่พบตัวก็เป็นไปได้ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป เช่นเดียวกับสาเหตุแรงจูงใจที่นายอาผะลงมือก่อเหตุยังอยู่ระหว่างขยายผล ตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งไทม์ไลน์ต่างๆ และพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมถึงพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ก่อนจะมีการสรุปให้ชัดเจนและแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป

พลตำรวจตรีวีรชน เปิดเผยว่า ได้มีการตรวจหลักฐานบนกระท่อมเพิ่มเติม พบขวดน้ำ ส่วนการตรวจสารเสพติดต้องรอผล เบื้องต้นดูเหมือนเป็นคนที่มีสภาพจิตใจไม่ปกติ หรืออาจเป็นคนสองบุคลิกได้ ส่วนรูปคดีตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนเบื้องต้นเท่านั้น ขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตำรวจยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีใดๆ โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม


บรรยากาศที่สถานีตำรวจภูธรแม่แตง ก่อนหน้านี้ตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาและผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวน รวมถึงสอบปากคำพยานและผู้ถูกซัดทอดเพิ่มเติม ทีมค้นหายันไม่เจอตัวน้องจีน่าบนกระท่อมก่อนหน้านี้ พร้อมตั้งข้อสังเกตมีคนพาตัวไปไว้ข้างบน หากอยู่หลายวันจริงต้องมีร่องรอย

บรรยากาศที่สถานีตำรวจภูธรแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ ได้นำตัวนายอาผะ อาจ่อ ผู้ต้องหาในคดีบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอาศัยในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ต้องหา พร้อมภรรยา มาสอบสวน โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน

ต่อมานายจะบูสือ จะลอ อายุ 32 ปี ลุงของน้องจีน่า ผู้ชี้จุดที่พบน้องบอกว่าเดินทางมาจากตำบลเมืองนะ อ.เชียงดาว เมื่อวันที่ 6 กันยายน มาพักกับแม่น้องที่บ้านห้วยฝักดาบ หลังให้แฟนไปถามหมอผีบอกว่าน้องอยู่บริเวณบ่อน้ำ โดยได้เดินทางมาให้การ พร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนสั้นๆ โดยบอกว่าที่ทราบจุดเพราะหมอผีอยู่ที่เชียงดาวบอกให้ไปตามดูในบริเวณดังกล่าว จึงขึ้นไปในบริเวณนั้นกัน 3 คน หมอผีไม่ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจน ตนเองเจอน้องจีน่า และรีบโทรไปแจ้งกับแม่น้อง ส่วนตัวเชื่อเรื่องผีอยู่แล้วว่าเป็นไปตามที่หมอผีบอกว่ามีคนลักตัวน้องจีน่าไปไว้ตรงจุดนั้น


ขณะที่นางสาวกานต์สินี จะตา ลูกสาวของภรรยานายอาผะ (ผู้ต้องหา) ถูกตำรวจเชิญตัวมาสอบปากคำ เนื่องจากถูกนายอาผะซัดทอดว่าเป็นผู้บงการให้ตนลักพาตัวน้องจีน่าไป นางสาวกานต์สินี ซึ่งได้เดินทางมาพร้อมกับนายพิชิต สามี และลูกสาว เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตำรวจได้พาตัวนายอาผะไปที่บ้านของตนเองและสามีที่อยู่ในพื้นที่ตำบลบ้านสันปูเลย ตำบลแม่แตง โดยกลายเป็นผู้ที่ถูกซัดทอดว่าเป็นผู้บงการ จึงได้เดินทางมาให้ปากคำกับตำรวจที่ สภ.แม่แตง โดยเปิดเผยกับทางสื่อมวลชนว่า ตนเองยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้บงการตามที่ถูกกล่าวหา และนายอาผะเองเป็นสามีใหม่ของแม่ตนเอง อยู่กันที่บ้านของแม่ในหมู่บ้านห้วยฝักดาบ ก่อนหน้านี้เคยอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน แต่มีปากเสียงกันกับนางสาวกานต์สินี เนื่องจากนายอาผะเป็นผู้ที่มีพฤติกรรมฉุนเฉียว ชอบดื่มสุรา หลังจากเมาจะมีอารมณ์รุนแรง ชอบเพ้อเรื่องผีตามความเชื่อของตนเอง บางครั้งก็นั่งเพ้อคุยคนเดียว มีพฤติกรรมที่ชอบเล่นกับเด็กผู้หญิงเป็นพิเศษ และชอบเล่นกับลูกสาวของตนเองด้วย โดยยังชอบขอเงินแม่ของตนไปซื้อเหล้า เนื่องจากไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ที่สำคัญเคยขู่ฆ่าเพื่อเอาเงินไปซื้อเหล้าด้วย

นางสาวกานต์สินี เปิดเผยอีกว่า เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมาก่อนเกิดเหตุ ตนเองได้ย้ายลงมาอยู่กับสามีที่บ้านสันปูเลย ตำบลแม่แตง จึงพาแม่มาอยู่ด้วย แต่นายอาผะขอมาอาศัยอยู่ด้วย และจากพฤติกรรมดังกล่าวทำให้เกิดมีปากเสียงและชกต่อยกับนายนายพิชิต สามี เนื่องจากไม่พอใจเรื่องดื่มสุรา และเรื่องที่ชอบเพ้อเจ้อ พูดคนเดียวอยู่ตลอดเวลา รวมถึงชอบเข้าใกล้ลูกสาวของตน จึงได้ไล่ออกจากบ้าน แล้วนายอาผะก็ขอกลับขึ้นมาอยู่ที่บ้านห้วยฝักดาบ โดยพาภรรยาขึ้นมาอยู่ด้วย จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ที่มาให้ปากคำตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลักพาตัวน้องจีน่า เพราะช่วงเกิดเหตุตนไปทำงานอยู่ในพื้นที่อื่น เพิ่งกลับมา

ขณะเดียวกันนายบุญพิภพ ซึ่งเป็นอาสากู้ภัยค้นหาน้องจีน่า มาตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน จนถึงวันนี้ ได้เดินทางมาให้ปากคำกับตำรวจว่า ในช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. ของเมื่อวานนี้ (7 กันยายน) ตนเองได้ขึ้นไปสำรวจตรวจจุดที่พบน้องในวันนี้ โดยยืนยันว่าตนเองขึ้นไปถึงจุดที่เป็นกระท่อมที่พบน้อง แต่ไม่มีใครอยู่ ทั้งตะโกนเรียกก็ไม่มีเสียงตอบรับ จึงได้ลงมา แต่ปรากฏว่าในวันนี้ไปพบตัวน้องจีน่าในจุดดังกล่าว จึงตั้งข้อสังเกตว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ว่าน้องจีน่าจะมอยู่ตรงจุดนั้นตลอดทั้งช่วง 3 วันที่ผ่านมา ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะมีคนพาน้องไปไว้ตรงจุดนั้น หลังจากที่ตนเองขึ้นไปสำรวจ และไม่น่าเป็นไปได้ว่าจะอยู่ตรงนั้นข้ามคืนโดยไม่มีรอยยุงกัดหรือร่องรอยขับถ่ายแต่อย่างใด ซึ่งคำให้การของกู้ภัยกลับขัดแย้งกับคำให้การของน้าชายที่ชี้จุดว่าเจอน้องจีน่าในบริเวณนั้น

เมื่อเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้นำวัตถุพยานมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับตรวจดีเอ็นเอผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยที่เข้ามาให้การเพิ่มเติมด้วย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าจะยังไม่มีการแถลงข่าว ขอเวลา 3 วันในการรวบรวมพยานหลักฐานก่อนสรุปคดี เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน

ก่อนหน้านี้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรแม่แตง หลังเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำ เพื่อประชุมสรุปและมอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ทำการสืบค้นข้อมูล หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานในหลายวันที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารกัมพูชาขุด “คูเลต” ลากยาว 650 เมตร

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- เปิดภาพ! “คูเลต” ทหารกัมพูชาขุดลากยาว 650 เมตร จากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบขุดคูเลต จากจุดต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว ระยะทาง 650 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา เพราะเป็นการละเมิด MOU 2543 เป็นครั้งที่ 2 แต่ทางทหารกัมพูชากับยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้นำในพื้นที่ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายทหารไทยยืนยันว่าให้ทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่อ้างสิทธิพร้อมกัน-313 .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารกัมพูชา

ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก คลี่คลายแล้ว

กองทัพบก 28 พ.ค.-ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชา ได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ […]

มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ […]

ข่าวแนะนำ

ทบ. จ่อออกแถลงการณ์ ห้ามทหารกัมพูชาเข้าใช้พื้นที่เนิน 745

กองทัพบก 30 พ.ค.-ทบ. เตรียมออกแถลงการณ์จุดปะทะช่องบก ไม่ให้ทหารกัมพูชาเข้ามาใช้พื้นที่เนิน 745 – ต้นสัตบรรณ ถึงสามแยกลาว เล็งพูดคุยจัดชุดลาดตระเวนร่วม ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ในช่วงเช้าที่ผ่านมา พิธีไถ่ชีวิตกระบือ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพพระราชินี 3 มิ.ย. โดยในวันนี้ กองทัพบกเตรียมออกแถลงการณ์ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อย่างเป็นทางการ ภายหลังวานนี้ (29 พ.ค.) พล.อ.พนา ได้หารือกับ พลเอก เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา และคณะฝ่ายกัมพูชา ในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน กรณีเกิดเหตุปะทะช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี จนได้ข้อสรุป 3 ข้อ 1.กรณีข้อขัดแย้งบริเวณช่องบก กองทัพบกไทย และกัมพูชา มีความเห็นร่วมกันในการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ Joint Boundary Committee (JBC) ซึ่งเป็นกลไกในระดับรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งผลการประชุม JBC คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในอีก 2 สัปดาห์ 2.ปัจจุบันกำลังทั้งสองฝ่ายที่เคยปะทะได้เคลื่อนออกจากพื้นที่แล้ว คลี่คลายความตึงเครียด […]

“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ ข่าว สส.ดังนครศรีฯ ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา

กทม. 30 พ.ค.-“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ-ไม่รู้ ข่าว สส.ดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช ยืนยันไม่เป็นความจริง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว สส.ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา กลางงานบวชลูกชายของนายก อบต. ต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยคน โดยนายชัยชนะ ได้ปฏิเสธข่าวบอก ไม่รู้ ไม่ทราบข่าว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อถามว่า เป็นคนรู้จัก หรือคนใกล้ชิดหรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลย ก่อนย้ำอีกครั้งว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ตอบว่า “ครับผม” เมื่อถามว่า ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลยใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนลงพื้นที่วันละหลายงาน และเมื่อถามทิ้งท้ายว่า ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ยืนยันว่า “ไม่มี“.-315.-สำนักข่าวไทย

ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้มาตรการภาษี ‘ทรัมป์’ ยังบังคับใช้

วอชิงตัน 30 พ.ค. – ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางมีคำสั่งในวันพฤหัสบดี ให้มาตรการภาษีตอบโต้ที่ครอบคลุมมากที่สุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมามีผลบังคับใช้อีกครั้งเป็นการชั่วคราว เพียงหนึ่งวันหลังจากที่ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ ตัดสินว่านายทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขตในการเรียกเก็บภาษีเหล่านั้นและสั่งให้ระงับมาตรการภาษีดังกล่าวทันที ศาลอุทธรณ์กลางแห่งสหรัฐอเมริกา ประจำเขตวอชิงตัน ระบุว่ากำลังระงับคำตัดสินของศาลชั้นต้นไว้ชั่วคราว เพื่อพิจารณาคำอุทธรณ์ของรัฐบาล และมีคำสั่งให้ฝ่ายโจทก์ที่ยื่นฟ้องหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาษีในคดีนี้ยื่นเอกสารตอบกลับภายในวันที่ 5 มิถุนายน และให้ฝ่ายรัฐบาล ซึ่งเป็นฝ่ายที่ถูกฟ้องร้องหรือเป็นผู้กำหนดภาษี ให้ส่งเอกสารตอบกลับภายในวันที่ 9 มิถุนายน นายทรัมป์เขียนแถลงการณ์ที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ว่า เขาหวังว่าศาลฎีกาของสหรัฐจะ ‘กลับคำตัดสินอันเลวร้ายที่คุกคามประเทศ’ ของศาลการค้าระหว่างประเทศ พร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายตุลาการของรัฐบาลว่า ‘เป็นปฏิปักษ์ต่ออเมริกา’ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา คณะผู้พิพากษา 3 คนของศาลการค้าระหว่างประเทศ ตัดสินว่ารัฐธรรมนูญให้อำนาจแก่รัฐสภา ไม่ใช่ประธานาธิบดี ในการเรียกเก็บภาษีและอากรศุลกากร และประธานาธิบดีได้ใช้อำนาจเกินขอบเขตโดยการอ้างใช้กฎหมายว่าด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ (International Emergency Economic Powers Act) ซึ่งเป็นกฎหมายที่มุ่งหมายเพื่อรับมือกับภัยคุกคามในสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ.-813.-สำนักข่าวไทย

จับแล้ว “เกม” มือยิงยัดถังถ่วงอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ

นครสวรรค์ 29 พ.ค. – เมื่อสัปดาห์ก่อน เกิดเหตุสะเทือนขวัญ พบศพถูกยัดใส่ถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร โยนทิ้งในอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ จ.นครสวรรค์ วันนี้จับผู้ต้องหาได้แล้ว จากเหตุสยองอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ เมื่อมีผู้พบศพชายปริศนา ถูกยัดอยู่ภายในถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร ลอยอยู่ใกล้กับตลิ่ง เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ตำรวจ สภ.ตะคร้อ ต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่อหาคำตอบให้กับเหตุการณ์อันโหดเหี้ยมนี้ เบื้องต้นสามารถยืนยันได้ว่าชายดังกล่าวเสียชีวิตมาแล้ว 3-5 วัน และมีร่องรอยถูกยิงด้วยปืนลูกซอง จากการตรวจสอบในถังพลาสติกยังพบก้อนหินขนาดใหญ่ ถุงปุ๋ย และกระเป๋าสะพายข้าง ไปจนถึงโทรศัพท์มือถือ ทำให้สามารถค้นหาและทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายจุฑาเพชร หรืออ้วน อายุ 44 ปี ที่รับจ้างทำไร่ในพื้นที่ อ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี จากการสืบสวนและแกะรอยจากกล้องวงจรปิดมานานกว่า 1 สัปดาห์ ทำให้พบว่านายปารวี หรือเกม อายุ 35 ปี เป็นผู้ก่อเหตุ เมื่อตรวจสอบรถกระบะและห้างนาของนายเกม ยิ่งพบหลักฐานสำคัญที่ยืนยันได้ว่านายเกมคือคนร้าย […]