ตร.กาฬสินธุ์ คุมหนุ่มทวงหนี้ค่ายาบ้า ยิงดับกลางวงข้าว

กาฬสินธุ์ 25 ก.พ. – ตำรวจ สภ.นากุง จ.กาฬสินธุ์ คุมตัวหนุ่มวัย 23 ปี บุกยิงลูกหนี้เสียชีวิตขณะนั่งกินข้าว ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมแจ้งข้อหา 4 ข้อหาหนัก สารภาพมีเรื่องทะเลาะกันเป็นประจำ และผู้ตายติดเงินค่ายาบ้า 600 บาท ไม่ยอมใช้คืน


จากกรณีนายธีรพงษ์ หรือแซ็ค อายุ 23 ปี บุกเข้าไปยิงนายทศพล อายุ 31 ปี ชาวบ้านโนนแดง ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เสียชีวิตขณะกำลังนั่งกินข้าวที่บ้าน เบื้องต้นสาเหตุเกิดจากการทวงหนี้ค่ายาบ้า 600 บาท เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลา 22.00 น. วันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนจะถูกชุดสืบสวน สภ.นากุง ตามจับกุมตัวได้ที่บ้านขณะกำลังเก็บเสื้อผ้าหลบหนี หลังก่อเหตุประมาณ 2 ชั่วโมง

เจ้าหน้าที่ชันสูตรเบื้องต้นพบว่า นายทศพลถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่บริเวณซี่โครงด้านซ้าย กระสุนทะลุถูกหัวใจจนเสียชีวิต ซึ่งได้ส่งไปผ่าชันสูตรหาสาเหตุการณ์เสียชีวิตอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น


ล่าสุดเมื่อวานนี้ พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยชุดสืบสวนและสายตรวจ สภ.นากุง คุมตัวนายธีรพงษ์ หรือแซ็ค ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงนายทศพล ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพและชี้จุดเกิดเหตุที่บ้านเลขที่ 74 ม.20 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ โดยการทำแผนเจ้าหน้าที่ต้องรีบทำอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีกลุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้านและเพื่อนของผู้เสียชีวิต รวมทั้งชาวบ้านที่ทราบข่าว เดินทางมาดูเหตุการณ์จำนวนมาก จึงเกรงว่าผู้ต้องหาจะถูกรุมประชาทัณฑ์ และรีบนำตัวไปจุดอื่น

จากนั้นเจ้าหน้าที่คุมตัวนายธีรพงษ์ไปชี้จุดที่ซุกซ่อนอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุที่บ้านพักของตนเอง ก่อนนำตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก และนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมแจ้งข้อหา 4 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.เสพยาบ้าขับรถ และ 4.เมาสุราขับรถ

นายธีรพงษ์ สารภาพว่า ยิงนายทศพลจริง เนื่องจากมีความโกรธแค้นที่ผู้เสียชีวิตมีเรื่องทะเลาะกับตนเป็นประจำ และชอบใส่ร้ายว่าตนเป็นคนขโมยของ โดยเฉพาะเวลามีอาการเมา ทั้งๆ ที่ตนไม่เคยมีพฤติกรรมอย่างนั้น ขณะที่นายทศพลก็ติดหนี้ตน 600 บาท ซึ่งที่ผ่านมาตนพยายามทวงหนี้หลายครั้ง แต่นายทศพลไม่ยอมใช้หนี้คืน มีแต่บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา วันเกิดเหตุตนดื่มสุราแล้วขี่รถจักรยานยนต์พกปืนบีบีกันที่ดัดแปลงขึ้นมา ใช้กระสุนจริง บุกไปทวงหนี้ที่บ้านนายทศพลอีกครั้ง เห็นนายทศพลกำลังนั่งกินข้าวอยู่หลังบ้าน แต่ไม่ยอมใช้หนี้อีก เกิดความโมโห จึงใช้อาวุธปืนที่พกมาด้วยยิงใส่นายทศพล 1 นัด แล้วรีบวิ่งไปขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านเพื่อเก็บเสื้อผ้าเตรียมจะหลบหนี แต่มาถูกตำรวจตามจับได้


ด้านนายชาติ พ่อของนายธีรพงษ์ ผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า คืนวันเกิดเหตุ ขณะตนนอนหลับอยู่ ได้ยินเสียงนายธีรพงษ์ร้องปลุกขึ้นมากลางดึก โดยมีท่าทางลุกลี้ลุกลน พร้อมบอกว่าให้รีบเอารถไปรับตัวนายทศพลไปส่งโรงพยาบาลด้วย ซึ่งตนรู้สึกงง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาตามจับตัวลูกชาย จึงรู้ว่าไปก่อเหตุยิงเพื่อนเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง