ชุมพร 14 ก.พ.-ผู้เสียหายนับ 20 คน ร้องสื่อมวลชนถูกหลอกให้นำสำเนาบัตรประชาชนไปขอรับเงินเยียวยาโควิด สุดท้ายถูกสรรพากรทวงหนี้คนละเกือบ 20,000 บาท
ที่ จ.ชุมพร ผู้เสียหายนับ 20 คน ซึ่งบางคนเคยทำงานในสหกรณ์นิคมท่าแซะ โรงงานน้ำมันปาล์ม และบริษัทเอกชน บางคนถูกเลิกจ้างงานในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด นำแชตข้อความจากบุคคลที่รู้จักกัน ซึ่งหลอกให้นำสำเนาบัตรประชาชนไปขอรับเงินค่าเยียวยาความเดือดร้อนจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดจากสำนักงานประกันสังคม จนถูกสำนักงานสรรพากรพื้นที่ชุมพร ทวงหนี้คนละเกือบ 20,000 บาท มาร้องเรียนกับสื่อมวลชน
ผู้เสียหายเล่าว่า ต้นปี 2563 มีบุคคลที่รู้จักกันและทำงานอยู่ในสหกรณ์แห่งหนึ่งในอำเภอท่าแซะ บอกว่าสำนักงานประกันสังคมจะให้เงินรายละ 5,000 บาท เพื่อเยียวยาความเดือดร้อนจากโควิด โดยให้ถ่ายสำเนาบัตรประชาชนส่งให้เพื่อนำไปขอรับเงิน และบอกว่าประมาณ 3-7 วัน จะมีเงินโอนให้คนละ 19,230 บาท หลังจากนั้นบุคคลดังกล่าว บอกว่าสำนักงานประกันสังคมได้โอนเงินเกินมาคนละ 14,000 บาท ขอให้โอนกลับไปที่บัญชีของตน เพื่อจะนำไปคืน ผู้เสียหายจึงโอนกลับไป
จากนั้นช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ผู้เสียหายได้รับหนังสือจากสำนักงานสรรพากรพื้นที่ชุมพร ระบุว่า ตามที่ขอคืนเงินภาษีอากรเป็นเงิน 19,230 บาท และได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไว้แล้วนั้น ปรากฏว่าจำนวนเงินที่ได้รับคืนไปนั้นผิดพลาดคลาดเคลื่อน จึงขอให้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปส่งคืนสำนักงานสรรพากรพื้นที่ สาขาท่าแซะ ภายใน 30 วัน”
ผู้เสียหายจึงไปพบเจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่ชุมพร และยืนยันว่าไม่มีใครเคยขอยื่นแบบแสดงการคืนภาษีเงินได้ น่าจะมีการใช้เอกสารและใบหักภาษีอันเป็นเท็จหรือถูกปลอมแปลงเอกสาร โดยที่ไม่รู้เรื่อง เมื่อขอดูเอกสารหลักฐานการยื่นแสดงแบบขอคืนเงินภาษีรายได้บุคคลธรรมดาว่ามีการเซ็นชื่อและใช้เอกสารอย่างไรบ้าง เจ้าหน้าที่ก็ไม่ให้ดู แต่กลับเรียกทวงขอคืนเงินอย่างเดียวเพื่อให้เรื่องจบๆไป และขู่ว่าถ้าไม่ให้ก็จะถูกยึดทรัพย์ และฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา.-สำนักข่าวไทย