นครราชสีมา 27 ม.ค.- นายกเทศมนตรีตำบลจอหอ เผยว่า พื้นที่ตำบลจอหอ มีผู้สูงอายุที่ขาดคุณสมบัติได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 13 คน เนื่องจากได้รับเงินบำนาญพิเศษแล้ว ซึ่งเทศบาลได้ทำหนังสือแจ้งทั้ง 13 คนแล้ว
กรณีที่มีครอบครัวผู้สูงอายุหลายรายในตำบลจอหอ อำเภอเมือง จ.นครราชสีมา ถูกเทศบาลเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุย้อนหลังเฉลี่ยรายละ 80,000-100,000 บาท ไม่สามารถหาเงินมาชำระคืนได้บางรายถูกส่งเรื่องฟ้องศาล พากันเดือดร้อนหนัก
โดยเฉพาะในรายของนางประจวบ ผะดาวัลย์ อายุ 73 ปี กำลังป่วยพิการ ถูกเรียกคืนเงินย้อนหลัง 11 ปี รวมดอกเบี้ยเป็นเงิน 77,737 บาท บังคับผ่อนจ่าย แต่ตกลงกันไม่ได้ จึงถูกส่งเรื่องฟ้องศาล เช่นเดียวกับ นางสาววรรณภา สารเป็น อายุ 28 ปี ลูกสาวของ นางสัมฤทธิ์ ภู่สว่าง อายุ 83 ปี เผยว่า รู้สึกตกใจมาก เพราะตอนแรกแม่ไม่ได้ตั้งใจยื่นเรื่องขอรับเงินผู้สูงอายุแต่อย่างใด แต่มีเจ้าหน้าที่ของเทศบาลดำเนินการเรื่องเอกสารให้ทุกอย่าง ซึ่งแม่ไม่รู้เรื่องกฎหมาย คิดว่าเป็นเงินที่พึ่งจะได้ และได้รับเงินมาตลอด 14 ปี จนถูกเรียกเงินคืน ให้จ่าย 3 เดือนแรกเดือนละ 18,000 บาท และที่เหลืออีกเดือนละ 1,000 บาท แต่ขอผ่อนชำระเดือนละ 500-600 บาท เพราะเดือนละ 18,000 บาท ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนกินข้าว
ล่าสุด นายเสรี ไชยกิตติ นายกเทศมนตรีตำบลจอหอ เปิดเผยว่า พื้นที่ตำบลจอหอ มีผู้สูงอายุที่ขาดคุณสมบัติได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 13 คน เนื่องจากได้รับเงินบำนาญพิเศษแล้ว ซึ่งเทศบาลได้ทำหนังสือแจ้งทั้ง 13 คนแล้ว ขณะนี้มีผู้สูงอายุ 9 คน ยินยอมคืนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ บางรายคืนเป็นเงินก้อนและบางรายขอผ่อนชำระ แต่มี 4 ราย เจรจาตกลงกันไม่ได้ ยังไม่ยินยอมคืนเงิน จึงจำเป็นต้องส่งเรื่องฟ้องต่อศาลแขวงนครราชสีมา เพื่อดำเนินการทางแพ่ง ยืนยันว่าไม่ได้เลือกปฏิบัติ และไม่ได้มีการกลั่นแกล้งใด ๆ หากไม่ฟ้อง ก็จะโดนข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่.-สำนักข่าวไทย