นครราชสีมา 19 ม.ค.-ชาวบ้านร้องสื่อขับรถผ่านสำนักปฏิบัติธรรม โดนตะปูเจาะยางรั่ว ด้านพระเผยโรยตะปูกันรถเข้า-ออก รบกวนความสงบ ยันเจตนาดี ไม่ต้องการทำร้ายใคร
จากกรณีที่นายโซเฟีย อยู่บุรี อายุ 28 ปี ชาวบ้านบ้านหญ้าคา หมู่ที่ 6 ต.ขุนทอง อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา เข้าร้องเรียนกับสื่อหลังตัวเอง และคนในหมู่บ้าน ได้ขับสัญจรผ่านเส้นทางของสำนักปฏิบัติธรรมป่าช้าบ้านหญ้าคา แล้วโดนตะปูจำนวนมากที่วางไว้เต็มพื้นถนน ยางรั่วไปหลายคัน ส่งผลให้ชาวบ้านไม่กล้าขับผ่านเส้นทางดังกล่าว ซึ่งเป็นเส้นทางในการสัญจรไปมาต่างๆในหมู่บ้านได้สะดวก ถ้าไปทางอื่นก็อ้อมไกล วอนหน่วยงานเข้าตรวจสอบอย่างเร่งด่วน
ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามพูดคุยกับ นายโซเฟีย ชาวบ้านผู้เสียหาย เปิดเผยว่า หลังตัวเองรถยางรั่ว ก็ทราบข่าวมาจากเพื่อนบ้านว่าขับรถผ่านทางสำนักสงฆ์แล้วโดนตะปูจำนวนมาก จนรถยางรั่วไปหลายคันเหมือนกับตัวเอง เมื่อออกไปตรวจสอบพบว่ามีตะปูจำนวนมากที่วางอยู่ที่พื้น จึงเก็บมาไว้เป็นหลักฐาน สืบทราบมาว่า เจ้าของตะปูน่าจะเป็นพระสงฆ์ที่อยู่ในสำนัก เป็นคนมาวางไว้ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก
ด้านพระลีดอ ปัญญาพระโล พระในสำนักปฏิบัติธรรมป่าช้าบ้านหญ้าคา เปิดเผยว่า จำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้มา 3 พรรษาแล้ว ซึ่งปกติที่ดินแห่งนี้เป็นที่สาธารณะ ที่ชาวบ้านตั้งเป็นสำนักสงฆ์ เพื่อให้พระสงฆ์มาปฏิบัติธรรม แต่ด้วยเส้นทางนี้มีรถเข้าออกประจำ รบกวนความสงบของพระในสำนักสงฆ์ ทั้งขณะปฏิบัติธรรม ทำสมาธิ และทำกิจวัตรส่วนตัว ตอนแรกพระในสำนักสงฆ์ได้นำไม้ไปกั้นไว้ เพื่อไม่ให้รถผ่าน แต่มีคนมารื้อออกไป พระจึงตัดสินใจนำตะปูไปโรยไว้กันรถเข้า-ออก แต่ตะปูนั้นไม่มีอันตราย รถอะไรผ่านมาก็เหยียบได้โดยที่ยางไม่รั่ว ตนขอยืนยัน ที่ทำไปเพราะอยากเตือนเท่านั้น ไม่ได้เจตนาไม่ดี หรือต้องการทำร้ายชาวบ้าน
ล่าสุด นายสุวัชน์ สุดาวงษ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 เปิดเผยว่า เดิมทีถนนผ่านสำนักสงฆ์ที่มีปัญหาพระเอาตะปูมาโรย เป็นเส้นทางลัด ระยะแค่ 50-60 เมตร สัญจรผ่านได้เฉพาะรถจักรยานยนต์หรือจักรยานเท่านั้น ชาวบ้านใช้เป็นทางลัดผ่านไปยังที่ไร่ที่นา ท้ายสำนักสงฆ์ เพราะเส้นทางปกติดั้งเดิม ต้องอ้อมไปไกลกว่า 2 กิโลเมตร เมื่อก่อนเคยทำประชาคมตกลงกันว่าห้ามผ่านเส้นทางนี้ จะให้ผ่านได้ต่อเมื่อทางที่เลี่ยงนั้นในช่วงหน้าฝนมีโคลนหรือสัญจรลำบากเท่านั้น และที่ผ่านมาได้มีกลุ่มวัยรุ่นมามั่วสุมและสร้างความรำคาญให้กับพระ ขับรถเข้าออกเป็นว่าเล่น ส่วนตัวผู้ร้อง ตนคิดว่าน่าจะไม่รู้เรื่องการประชามติที่ผ่านมา ส่วนพระก็คงคิดว่าน่าจะเป็นต่างถิ่นที่ขับเข้ามา โดยไม่รู้ จึงวางตะปูไว้ และเหยียบเข้าในที่สุด สำหรับวันนี้ตนได้พาชาวบ้านมาพูดคุยรับฟังและประชามติอีกรอบแล้ว หลังจากนี้ จะมีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างชาวบ้านกับพระในสำนักสงฆ์ เพื่อทำประชาคม หาทางออกข้อตกลงร่วมกัน ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำอีก
ขณะที่ นายวินัย ปุณยรัชตปรีดา ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมกับเจ้าคณะตำบลขุนทอง เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบแล้ว พบว่าการกระทำของพระภิกษุนั้นเป็นการกระทำผิดจริง ทางคณะสงฆ์จึงลงโทษทางวินัยสงฆ์ ด้วยการให้ปลงอาบัติ และว่ากล่าวตักเตือน ขออย่าทำซ้ำอีก ส่วนเรื่องของที่พระภิกษุอยู่ก็ต้องมอบให้เป็นทางท้องถิ่นดูแลจัดการเอง และขึ้นอยู่กับประชามติของชาวบ้าน และผู้นำชุมชนว่าจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป.-สำนักข่าวไทย