สผ. โต้ข้อเรียกร้องให้ชะลอแก่งกระจานเป็นมรดกโลก

สผ. ชี้แจงการเตรียมเสนอขึ้นทะเบียนแก่งกระจานเป็นมรดกโลก หลังกลุ่มชาติพันธุ์ค้าน 3 ประเด็น ขอให้ชะลอการพิจารณา


จากกรณีที่กลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่แก่งกระจาน ได้แสดงจุดยืนยื่นหนังสือคัดค้านให้มีการชะลอการเสนอให้กลุ่มป่าแก่งกระจานขึ้นทะเบียนมรดกโลก ใน 3 ประเด็นสำคัญที่ยังเป็นข้อกังวล
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรงงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ครั้งที่ 2/2563 โดยระบุว่าประเด็นการร้องเรียนของกลุ่มชาติพันธุ์ ขอยืนยันว่าการดำเนินงานของกระทรวงฯ ให้ความสำคัญกับการดูแลชุมชน

โดยการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จะไม่มีการกระทบความเป็นอยู่ของคนในชุมชน และไม่ทำให้เกิดความเดือดร้อนรวมถึงที่ทำกินของคนในพื้นที่ โดยมีการลงพื้นที่พูดคุยกันมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และส่วนกลาง รวมทั้งประเทศไทยยังได้เชิญทูตจากชาติต่างๆ ลงพื้นที่ดูสภาพความเป็นอยู่ และแนวทางการปรับปรุงให้พร้อมเป็นมรดกโลก โดยได้นำเสนอข้อเท็จจริงในทุกด้าน ซึ่งทุกฝ่ายพอใจเป็นอย่างดี


ดร.รวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ สผ. กล่าวว่า กรณีที่ชาวบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี จำนวน 23 คน ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการมรดกโลก ผ่านสหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ที่ปรึกษาของคณะกรรมการพิจารณาการขอขึ้นทะเบียนพื้นที่มรดกโลก (UNESCO) เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาของชุมชน ก่อนเดินหน้ายื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นผืนป่ามรดกโลก โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ประการ คือ 1.ขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกินให้กับชาวบ้านเสร็จสิ้นก่อน เพราะปัจจุบันการแก้ไขปัญหายังแทบไม่มีความคืบหน้าใด ๆ 2.ชาวบ้านบางกลอย ขอกลับไปทำไร่หมุนเวียน ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลไทย และ 3.ชาวบ้านบางกลอยบางส่วน ต้องการกลับไปอยู่ในพื้นที่เดิม ซึ่งเคยเป็นหมู่บ้านที่เคยขึ้นทะเบียนไว้กับ มท. เพื่อกลับไปใช้ชีวิตดังเดิม

โดยในข้อเรียกร้องข้อที่ 1 นั้น กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในพื้นที่บ้านโป่งลึก – บางกลอย ได้รับการจัดสรรที่ดินครอบครัวละ 7 ไร่ 3 งาน จำนวน 57 แปลง รวมทั้งหมด 413 ไร่ ต่อมาได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน2541 และคำสั่ง คสช.ที่ 66/2557 รวมทั้ง 2 หมู่บ้าน คือ บ้านโป่งลึก – บางกลอย มีผู้ถือครองที่ดิน จำนวน 260 ราย 337 แปลง คิดเป็นพื้นที่ 1,890 ไร่

ในส่วนของราษฎรที่ขาดแคลนที่ดินทำกิน ทส. อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ปัญหาพื้นที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ปัจจุบันมีราษฎรจากบ้านบางกลอย 30 ราย และบ้านโป่งลึก 37 ราย มาทำการแจ้งการครอบครองที่ดินแล้ว


ขณะที่ประเด็นที่ 2 ชาวบ้านบางกลอย ขอกลับไปทำไร่หมุนเวียน ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับ การยอมรับจากรัฐบาลไทย ชาวบ้านบางกลอยสามารถทำไร่หมุนเวียนได้ภายในขอบเขตที่ดินของตนเองที่ผ่านการสำรวจการถือครองที่ดินในเขตอนุรักษ์ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562

และประเด็นที่ 3  ชาวบ้านบางกลอยบางส่วน ต้องการกลับไปอยู่ในพื้นที่เดิม ซึ่งเคยเป็นหมู่บ้านที่เคยขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงมหาดไทยเพื่อกลับไปใช้ชีวิตดังเดิม

ปัจจุบัน อส. ไม่สามารถอนุญาตให้ชาวบ้านบางกลอยกลับไปทำกินในพื้นที่บริเวณบ้านใจแผ่นดิน – บางกลอยบนเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ใกล้ชายแดนไทย – เมียนมา อาจส่งกระทบทางด้านความมั่นคงของประเทศ และยากต่อการควบคุมการข้ามฝั่งไปมาของกลุ่มชาติพันธุ์

หากมีการทำการเกษตรในบริเวณดังกล่าว จะทำให้เกิดการชะล้างพังทลายของหน้าดินสูง เกิดดินสไลด์ ระบบนิเวศในบริเวณดังกล่าวซึ่งมีความเปราะบางจะถูกทำลายลง รวมถึงพื้นที่ถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าชนิดพันธุ์สำคัญที่เสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ที่มีพบร่องรอยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว เช่น ลิ่นชวา ช้างป่า เสือโคร่ง เป็นต้น อาจถูกรบกวนด้วยกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ เป็นปัญหาต่อการหาอาหาร การขยายพันธุ์ การลดลงของประชากร และผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ผืนใหญ่จะถูกตัดแบ่งออก ซึ่งในที่สุดจะไม่สามารถคงคุณค่าความอุดมสมบูรณ์ไว้ได้เช่นเดิม

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประเทศไทยในฐานะภาคีสมาชิกอนุสัญญามรดกโลกได้มีการยื่นเอกสารเพิ่มเติมไปยังศูนย์มรดกโลก เพื่อให้ทันการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 44 ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2564 ทั้งนี้วาระการขอขึ้นทะเบียนพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกได้บรรจุไว้ในวาระการประชุมเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสดี ที่ประเทศไทยจะเชิญสหภาพสากลว่าก้วยการอนุรักษ์ (IUCN) มาปฎิบัติตามภารกิจในการให้คำปรึกษาตามมติคณะกรรมการมรดกโลก
นอกจากนี้ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า เพื่อสนับสนุนการดำเนินการผลักดันการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก ที่ประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กุยบุรี เฉลิมพระเกียรติไทยประจัน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่น้ำภาชี ให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก แหล่งที่ 6 ของราชอาณาจักรไทย และเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติแหล่งที่ 3 ของราชอาณาจักรไทย

สผ.ได้จัดกิจกรรมศึกษาดูงานให้กับคณะทูตประเทศสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกที่มีถิ่นพำนักอยู่ในไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้รับทราบข้อมูล ข้อเท็จจริง และสภาพพื้นที่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและกุยบุรี และที่ประชุมยังได้เห็นชอบแนวทางการดำเนินงานเพื่อผลักดันพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก ตามที่คณะอนุกรรมการมรดกโลกทางธรรมชาตินำเสนอ ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จะได้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ต่อไป
ด้านรองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความเห็นว่าการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก จะเป็นการสร้างความภาคภูมิใจ ความรัก และความหวงแหน ต่อแหล่งมรดกของท้องถิ่น ยังทำให้เป็นที่รู้จักและสนใจในฐานะแหล่งท่องเที่ยว ของประเทศที่ได้รับการยกย่องเป็นแหล่งมรดกโลก หรือแหล่งที่อยู่ระหว่างการเตรียมการยกระดับ ซึ่งในสถานการณ์ปัจจับนที่มีผลกระทบจากโควิด-19 การดำเนินการครั้งนี้จะเป็นการสร้างแรงจูงใจในการท่องเที่ยวและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนและภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมอีกด้วย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

EOD เก็บกู้ทำลายระเบิด M33 กลางบ้าน

ตรัง 20 ส.ค.- คนร้ายลอบขว้างระเบิด M33 ใส่บ้านในพื้นที่ ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ระเบิดทำงาน 1 ลูก อีก 1 ลูกไม่ทำงาน เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเก็บกู้ทำลายเสียงดังสนั่น เร่งสืบสวนหาตัวคนร้าย-สอบปมเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด EOD จังหวัดตรัง ได้ทำการเก็บกู้และทำลายระเบิด M33 ที่ยังไม่ทำงาน ระหว่างทำลายเกิดเสียงดังสนั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ ยางรถยนต์ที่ใช้เป็นอุปกรณ์ป้องกันแรงระเบิดปลิวลอยขึ้นฟ้า ควันฟุ้งกระจายไปทั่ว สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง  โดยเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านยูงงาม ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบขว้างระเบิดเข้าใส่บ้านหลังหนึ่ง ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ เจ้าของบ้านเล่าว่าช่วงเกิดเหตุคนในบ้านกำลังนอนหลับ ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด 1 ครั้ง แต่ไม่กล้าออกมาดู กระทั่งเช้าพบหลุมระเบิดขนาดกว้างราว 2 ฟุต ลึก 1 ฟุต อยู่ข้างบ้าน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ จากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ทราบว่าบ้านหลังนี้เคยถูกลอบยิงมาแล้วหลายครั้ง จนเจ้าของบ้านต้องสร้างกำแพงสูงเพื่อป้องกัน แต่ล่าสุดกลับถูกลอบขว้างระเบิดแบบลูกเกลี้ยง […]

ทำแผนโจรชิงทอง 123 บาท สารภาพเป็นหนี้นอกระบบ

สมุทรปราการ 20 ส.ค.- โจรชิงทองกลางห้างดังสมุทรปราการ 123 บาท ทำแผนรับสารภาพกู้เงินมาลงทุนร้านซ่อมรถ เสียดอกรายวันแต่หมุนเงินไม่ทัน จึงก่อเหตุ  กรณีนายวีรวัฒน์ อายุ 31 ปี บุกเดี่ยวควงปืนก่อเหตุชิงทองรูปพรรณน้ำหนัก 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท ที่ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ  ก่อนจะอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีเส้นทางที่ไร้กล้องวงจรปิด โดยเหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ต่อมา ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พบว่าผู้ต้องหานำรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนีไปทิ้งบ่อปลาแห่งหนึ่งในซอยวัดคอลาด แล้วหลบหนีต่อไป จึงไล่เรียงเบาะแสจนพบหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านพัก เมื่อวาน (19 ส.ค.) จึงนำหมายค้นบ้านนายวีรวัฒน์ พร้อมแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมกับของกลางทองรูปพรรณซุกซ่อนไว้ในตู้ลำโพงหน้าบ้าน และใส่ในถุงพลาสติกฝังดินใต้ต้นไม้ข้างบ้าน รวมตรวจยึดทองคืนได้ประมาณ 90 บาท ยังเหลือทองคำอีก 33 บาท อยู่ระหว่างสอบขยายผล  ผู้ต้องหาสารภาพว่า ก่อเหตุเพราะเป็นหนี้นอกระบบจากการกู้ยืมมาลงทุนร้านซ่อมรถและต้องเสียดอกเบี้ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท จึงหมุนเงินไม่ทัน จากนั้นคิดวางแผนในการก่อเหตุ ประมาณ 1 […]

บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบฯ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน

ทำเนียบฯ 20 ส.ค.-บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบค้างท่อ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน เน้นเศรษฐกิจชายแดน รองรับผลกระทบภาษี “ทรัมป์” และเหตุจำเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) หลังจากรัฐบาลจัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรก 1.15 แสนล้านบาท รอบสอง 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดสรรเงินให้กับกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท และกองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) 8,488 ล้านบาท นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การจัดสรรให้กับหน่วยงานต่างๆ ในรอบแรกพบว่า มีหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างไม่ทัน จึงดึงงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลือค้างท่อ 2.6 หมื่นล้านบาท กลับเข้ามาอยู่ในงบกลางสำรองฉุกเฉิน เพื่อนำมาพิจารณาใช้ในเรื่องจำเป็น เช่น การฟื้นเศรษฐกิจแดนไทย-กัมพูชา การใช้งบรองรับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐร้อยละ 19 ในบางรายการ หากส่วนราชการใดต้องการใช้งบดังกล่าว ต้องจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายใน 30 ก.ย.นี้ โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาในการจัดสรรงบให้ สำหรับผลกระทบจากภาษีศุลกากรสหรัฐ ยอมรับว่า รายย่อยที่ได้รับผลกระทบ […]