กทม. 13 พ.ค. – รวบหนุ่มเมียนมา ฆ่าเสี่ยเจ้าของฟิตเนส วัย 70 อ้างแย่งปืนกันจนลั่นใส่ผู้ตาย ไม่ได้วางแผนมาก่อเหตุ
ตำรวจนครบาล 9 ร่วมกับตำรวจ สน.เพชรเกษม ติดตามจับกุม นายไชหาน อายุ 23 ปี ชาวเมียนมา คนร้ายฆ่านายยุทธโรจน์ อายุ 70 ปี เสี่ยเจ้าของฟิตเนสเสียชีวิต ได้ที่ย่านอ่อนนุช 65 และนำตัวมาที่ สน.เพชรเกษม
เมื่อผู้ต้องหาเดินทางมาถึง สน. ทีมข่าวได้พยายามเข้าไปสอบถามเจ้าตัวถึงสาเหตุการก่อเหตุ แต่ช่วงแรกตัวของนายไซหาน ไม่ยอมตอบคำถามอะไร หลังจากนั้นเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าได้วางแผนมาก่อนหรือไม่ นายไซหาน ยืนยันว่าในวันที่ก่อเหตุไม่ได้วางแผนมา และตนเองก็รู้สึกผิดที่ก่อเหตุไปในครั้งนี้ หลังจากนั้นเมื่อทีมข่าวสอบถามว่าอยากจะขอโทษครอบครัวของผู้เสียชีวิตหรือไม่ นายไซหาน ได้ยิ้มออกมา แต่ไม่ยอมพูดขอโทษ

นายไซหาน ยังยืนยันว่าตนเองไม่มีความแค้นกับผู้ตาย วันนั้นที่เข้าไปที่บริเวณจุดเกิดเหตุเพราะต้องการจะเข้าไปหาภรรยา โดยภรรยาก็ทราบเรื่องอยู่แล้ว เมื่อตนเองปีนเข้าไป ผู้ตายมีอาวุธปืน และพยายามจะทำร้ายตน ส่วนกุญแจประตูรั้วในวันที่เกิดเหตุนั้นตนเองเป็นคนหยิบมาเองไม่ใช่ภรรยาเอามาให้
ด้าน พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 ให้ข้อมูลหลังร่วมสอบปากคำว่า ของกลางที่ผู้ต้องหานำติดตัวไปมี โทรศัพท์ซัมซุง S24 1 เครื่อง บัตรประชาชน พร้อมบัตรเครดิตของผู้ตาย ปืนลูกโม่ .38 ยี่ห้อสมิตแอนด์เวชสัน ขนาดลำกล้อง 2 นิ้ว พร้อมปลอกกระสุนปืน 3 ปลอก กระสุนปืนในรังเพลิงอีก 2 นัด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สามารถสอบปากคำนายไซหานได้ เนื่องจากเจ้าตัวฟังภาษาไทยไม่ออก และพูดบางคำไม่ได้ แต่สามารถสื่อสารเป็นภาษาพม่าได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะประสานหาล่าม เพื่อมาสอบปากคำผู้ก่อเหตุ
จากการพูดคุยเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุอ้างว่าเข้าไปยังบ้านของผู้เสียชีวิต เพราะต้องการจะเข้าไปหาภรรยา ที่ทำงานอยู่ภายในบ้านดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้วางแผนที่จะมาทำร้ายภรรยา แต่ที่เข้ามาที่บ้านหลังนั้นเพราะตั้งใจจะมาทำงาน ในส่วนของผู้เสียชีวิตนั้น ไม่ได้มีความแค้นเคืองส่วนตัว และอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุก็เป็นอาวุธปืนของผู้เสียชีวิตเอง โดยนายไซหาน เผยว่าช่วงที่เกิดเหตุนั้นมีการยื้อแย่งปืนกับผู้เสียชีวิต ทำให้ปืนลั่นใส่ผู้เสียชีวิต แต่ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนกว่า ต้องรอให้เจ้าหน้าที่จัดเตรียมล่ามมาสอบปากคำอีกครั้ง
หลังจากนั้นทีมข่าวได้สอบถามว่าจุดที่นายไซหาน ผู้ก่อเหตุเข้าไปหลบซ่อนตัวนั้นเป็นพื้นที่ของนายจ้างเก่าหรือไม่ พล.ต.ต.คมสิทธิ์ เผยต่อว่า ผู้ก่อเหตุอ้างว่าจุดที่เข้าไปหลบซ่อนตัวนั้นเป็นจุดที่ไม่เคยไปมาก่อน แล้วรถที่ใช้ในการเดินทางก็ไม่ได้วางแผนมาก่อน เพียงแต่คิดว่าเดินทางด้วยวิธีไหนได้เจ้าตัวก็จะเลือกเดินทางด้วยวิธีนั้น ส่วนกระแสข่าวว่าเป็นบ้านของนายจ้างเก่านั้น ตนเองยืนยันว่าไม่ใช่
หลังจากนั้นทีมข่าวได้สอบถามว่าผู้ก่อเหตุเคยเป็นอดีตทหารชาติพันธุ์ไทใหญ่จริงหรือไม่ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 ให้ข้อมูลว่า นายไซหาน เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ และเป็นผู้ชาย ทำให้เจ้าตัวต้องเป็นทหารตามอัตโนมัติ เนื่องจากพื้นที่มีการสู้รบ.-สำนักข่าวไทย