ปทุมธานี 12 พ.ย. – มือฆ่าปาดคอปลัด อบต.คลองสาม นั่งเครียดทั้งคืน ไม่พูดคุยกับใคร และยังปฏิเสธทุกข้อหา
หลังจากเมื่อช่วงค่ำวันที่ 8 พ.ย. ตำรวจ สภ.คลองหลวง ได้รับแจ้งพบศพ นางวรกนก หรือ ปลัดนก อายุ 57 ปี ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลคลองสาม นอนเสียชีวิต สภาพศพ นุ่งผ้าถุงกระโจมอก นอนหงายจมกองเลือดอยู่หน้าตู้เย็น บนร่างกายมีบาดแผลถูกของมีคมบริเวณลำคอจำนวน 11 แผล บริเวณมือ และศพถูกใช้ผ้าหมัดบริเวณลำคอและแขนซ้าย
ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (11 พ.ย.)พนักงานสอบสวน ได้รวบรวมหลักฐานขอศาลจังหวัดธัญบุรี ออกหมายจับ นายประทิน หรือ หนุ่ม อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นน้องเขย และเป็นพนักงานดับเพลิงของ อบต.คลองสาม ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
หลังตำรวจพบหลักฐานชิ้นสำคัญ คือ ภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ไม่ตรงกับคำให้การของผู้ต้องหา ประกอบกับผลทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจจากอาวุธมีดพกสั้น ที่ชุดสืบสวน สภ.คลองหลวง ตรวจยึดได้จากใต้เบาะรถจักรยานยนต์ของผู้ต้องหา ที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถหน้าห้องดับเพลิง อบต.คลองสาม ที่ตรวจสอบแล้วมีร่องรอคราบเลือดของผู้เสียชีวิตติดอยู่
เช้านี้ ผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามกับสิบเวรที่คุมประจำห้องขังทราบว่าตลอดทั้งคืนนายหนุ่ม มีอาการเครียด ไม่คุยกับใคร
พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง กล่าวว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานให้ข้อและข้อเท็จจริงให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะเชื่อมโยงไปหาใครได้บ้าง ซึ่งวันนี้ก็ได้ประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาส่วนเกี่ยวข้องเพื่อเก็บพยานหลักฐานให้มีความแน่นหนามากที่สุด ส่วนที่จะมีใครร่วมหรือไม่นั้นก็อยู่ในระหว่างการสอบสวน ซึ่งคดีนี้ทั้งแต่เกิดเรื่องมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานกันทุกวันและไม่เคยทิ้งประเด็นที่เราสงสัยและนำพยานบุคคลมาสอบสวนทั้งหมด ซึ่งเราเก็บในส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่วนความขัดแย้งภายในครอบครัวนั้นทางเราก็ได้นำบุคคลที่อยู่ในครอบครัวมาสอบปากคำหมดแล้วเช่นกัน เบื้องต้นทางผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและนำข้อมูลตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ทุกอย่างซึ่งเป็นสิทธิของผู้ต้องหาตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสินเขาก็ยังเป็นผู้ต้องหา
ด้าน พ.ต.ท.สิรภพ บัวหลวง สารวัตรสอบสวน สภ.คลองหลวง เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกพยานบุคคลอีกจำนวน 6 คน มาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อหาความเชื่อมโยงบุคคลอื่นที่คาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี และใช้เทคนิคตำรวจในการหาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีมาดำเนินคดี.-สำนักข่าวไทย