เชียงใหม่ 20 ก.ค.- จับแล้ว พ.ต.ท. พัวพันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังหนีไปบวชที่ลำปาง ตร.บุกรวบคาวัด คุมตัวมาดำเนินคดี-ขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ จ่อออกหมายจับเพิ่ม
จากกรณีออกหมายจับ ตำรวจยศ พันตำรวจโท สภ.แห่งหนึ่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ พัวพันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยช่วงเย็นวานนี้ (19 ก.ค.67) พลตำรวจตรี ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรเชียงใหม่ ได้สั่งการให้ทางตำรวจ สภ.ช้างเผือก ประสานตำรวจ สภ.งาว จังหวัดลำปาง นำกำลังเข้าจับกุม พ.ต.ท.บัณฑิต ขณะที่ไปบวชเป็นพระ และจำพรรษาที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภองาว จังหวัดลำปาง โดยมีการนำหมายศาล จังหวัดเชียงใหม่ อ่านให้ฟังก่อนจะคุมตัวมาให้ทางคณะสงฆ์จังหวัดลำปางสึก และควบคุมตัวมาดำเนินคดีที่ สภ.ช้างเผือก เชียงใหม่
พ.ต.ท.บัณฑิต มีตำแหน่งเป็นสารวัตรสังกัด สภ.แห่งหนึ่ง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นคนจัดหากล่องซิมบ๊อกซ์มาวางตามจุดต่างๆ และให้ลูกชวนเพื่อนมาร่วมกันดูแลระบบ ทางเจ้าหน้าที่จึงขอศาลเชียงใหม่ออกหมายจับ พ.ต.ท.บัณฑิต ซึ่งระหว่างนั้น พ.ต.ท.บัณฑิต อยู่ระหว่างลาราชการ
สำหรับข้อหาที่ตำรวจแจ้งประกอบด้วย “ร่วมกันทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือ ค้าซื้อเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม” หลังพบว่าน่าจะส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ในจังหวัดเชียงใหม่
อย่างไรก็ตาม การสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่า พ.ต.ท.บัณฑิต ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นหัวหน้าแก็งคอลเซ็นเตอร์ เป็นเพียงผู้ร่วมขบวนการ โดยมีคนจีนเป็นหุ้นส่วน ร่วมกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมก่อนหน้า 4 คน พ.ต.ท.บัณฑิต เป็นผู้จ้างงาน ทางตำรวจเร่งขยายผลและทราบว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการอีก 1-2 คน ทั้งคนจีนและคนไทย
จ่อออกหมายจับเพิ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ล่าสุดช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก จังหวัดเชียงใหม่ ควบคุมตัว พ.ต.ท.บัณฑิต จากห้องขังขึ้นไปยังชั้น 3 โดยตำรวจได้คุมตัวออกทางประตูหลังเพื่อหลบสื่อมวลชน แต่ก็ไม่พ้นสายตาสื่อมวลชน พยายามวิ่งตามและไปดักบริเวณชั้น 2 โดยได้พยายามสอบถาม พ.ต.ท.บัณฑิต แต่เจ้าตัวเอาแต่ก้มหน้าเดินไม่ยอมตอบคำถามใดๆ จนถึงห้องประชุมชั้น 3 ซึ่งพันตำรวจเอก กิตติพงษ์ เพช็รมุนี เป็นผู้สอบปากคำ และมีรายงานว่า พลตำรวจตรี วีรชน บุญทวี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จะเดินทางมาสอบปากคำด้วยตนเอง
พลตำรวจตรี ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า จากการสอบปากคำลูกสาวผู้ต้องหา ทราบว่าลูกของผู้ต้องหาได้รับการติดต่อจากคนรู้จักฝั่งประเทศเมียนมาซึ่งเป็นคนจีน ให้นำเครื่องที่ใช้ในการก่อเหตุ หรือซิมบ๊อกซ์ เข้ามาวางในเชียงใหม่ โดยลูกของผู้ต้องหา ได้มาขอให้ผู้ต้องหาช่วยวางและช่วยขนของ ซึ่งการเป็นตำรวจต้องทราบอยู่แล้วว่า สิ่งพวกนี้ผิดกฎหมายและไม่สมควรทำ และมีหลักฐานยืนยันว่าผู้ต้องหามีส่วนเกี่ยวข้อง จึงได้ออกหมายจับคุมตัวมาดำเนินคดี ตอนนี้อยู่ในระหว่างการออกหมายจับคนที่สั่งการและคนประสานงานนำเครื่องก่อเหตุเข้ามา อย่างน้อยน่าจะมีผู้ร่วมขบวนการประมาณ 3 คน ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อกระทำความผิด เราก็เร่งออกหมายจับ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ตอนนี้ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน เกี่ยวกับการกระทำผิด หากพบว่าการกระทำผิด ก็อยู่ในขั้นตอนต่อไปว่าจะปลดออกจากราชการหรือไม่ ซึ่งจะการดำเนินการในเร็วๆ นี้
เท่าที่ดูข้อมูลทั้งหมด ยังไม่มีนายตำรวจคนอื่นๆ เข้าไปเกี่ยวข้องและนี่เป็นการกระทำผิดเฉพาะตัวลูกและครอบครัว ส่วนรายละเอียดทั้งหมดอยู่ในระหว่างการสอบสวน ทั้งเรื่องการติดต่อผู้ว่าจ้าง และการดำเนินการกระทำผิด และคาดว่าจะน่าได้ตัวเร็ว ๆ นี้ .-สำนักข่าวไทย