เชียงราย 14 มิ.ย. – หลายชุมชนใน จ.เชียงราย ยังเผชิญปัญหายาเสพติดต่อเนื่อง แม้เจ้าหน้าที่พยายามสกัดกั้นยาเสพติดที่ทะลักเข้ามาทางชายแดนภาคเหนือ โดยช่วงครึ่งปีมานี้สกัดจับได้เกือบ 180 ล้านเม็ด มากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 100 ล้านเม็ด แต่มีสารพัดปัจจัยที่ทำให้ยาเสพติดยังทะลักเข้าไทย
นายภู วัยรุ่นชายชาวเชียงราย วัย 18 ปี ยอมรับว่าเสพยาบ้ามาตลอด จนเกิดอาการหลอน อ้างว่ามีผีมากระซิบให้ลงมือแทงก่อนที่จะถูกฆ่า จึงใช้มีดปอกผลไม้เข้าไปแทงลุงจันทร์ วัย 65 ปี เพื่อนบ้าน และเป็นประธานชุมชน ในบ้านพักที่อยู่เยื้องกัน ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย กว่า 10 แผล จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา ก่อนนายภูจะเดินกลับบ้านที่อยู่เยื้องกันไม่ถึง 20 เมตร และถูกควบคุมตัวไว้ได้
ล่าสุดอาการของลุงจันทร์พ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนนายภูถูกควบคุมตัวตั้งข้อหาทำร้ายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ยายของนายภู บอกว่าหลานชายเสพยาบ้าและกัญชาเป็นระยะ ช่วงหลังนั่งซึมและพูดคนเดียวอยู่ตลอดเวลา ต้องคดียาเสพติดมาแล้วถึง 4 ครั้ง เคยพาไปบำบัดแล้วแต่ไม่ได้ผล เพราะในชุมชนยาบ้าแพร่ระบาดและราคาถูกมาก
สอดคล้องกับข้อมูลจากหน่วยงานด้านการป้องกันยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ ซึ่งระบุว่าตอนนี้ยาบ้าหน้าโรงงานในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ราคาเหลือแค่เม็ดละ 50 สตางค์ ถึง 1 บาทเท่านั้น ถูกลงกว่าเดิม 3-4 เท่า ส่งมาถึงชายแดนเม็ดละไม่ถึง 5 บาท ส่วนหนึ่งเพราะมีการใช้สารสังเคราะห์แทนสารตั้งต้น ต้นทุนถูกลง และชนกลุ่มน้อยยังเร่งผลิตยาเสพติดหาทุนซื้ออาวุธไว้สู้รบ โดยเฉพาะช่วง 1-2 เดือน ที่ขนกันแบบบิ๊กลอตครั้งละหลายล้านเม็ด และคาดว่ายังมียาบ้าจ่อทะลักชายแดนภาคเหนืออีก 90 ล้านเม็ด แม้ช่วง 7 เดือนมานี้ ข้อมูลจากหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคเหนือ 35 หรือ นบ.ยส.35 เจ้าหน้าที่จะพยายามสกัดกั้นยาเสพติด จนปะทะกับคาราวานขนยาเสพติดถึง 36 ครั้ง ฝ่ายตรงข้ามเสียชีวิตไป 25 ศพ จับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 1,500 ราย ยึดยาบ้าได้เกือบ 180 ล้านเม็ด ซึ่งมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 100 ล้านเม็ด แต่ส่วนหนึ่งยังหลุดรอดเข้าสู่ตลาดชั้นในได้
ยาเสพติดที่ทะลักเข้ามาไม่หยุด นอกจากสกัดกั้นแล้ว จำเป็นต้องลดความต้องการในตลาด สร้างชุมชนเข้มแข็งช่วยกันต้านยาเสพติด และเพิ่มประสิทธิภาพบำบัดผู้เสพ ก่อนการแพร่ระบาดจะรุนแรงมากกว่านี้.-สำนักข่าวไทย