หลอนยาโยนเด็ก 1 ขวบ ลงบ่อกุ้ง ดับสลด

ระยอง 7 พ.ค. – สลด! หนุ่มหลอนยา จับลูกชายเพื่อนร่วมงาน โยนบ่อกุ้งดับสลด ขณะพ่อเด็กเข้าห้องน้ำ พ่อเด็กเผยสุดเศร้าไม่คิดว่าจะทำได้ คาดผู้ก่อเหตุหลอนยา เครียดที่เด็กร้องไห้


เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ที่บ่อกุ้งแห่งหนึ่ง ตำบลเนินฆ้อ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ตำรวจ สภ.แกลง จังหวัดระยอง ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเด็กถูกโยนบ่อกุ้งเสียชีวิต โดยที่คนร้ายที่ก่อเหตุยังอยู่ภายในพื้นที่เกิดเหตุ จึงได้นำกำลังเดินทางไปที่เกิดเหตุ นายทองพิพัฒน์ อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นพ่อของน้องพอช อายุ 1 ขวบ เล่าว่า ผู้ก่อเหตุคือนายณัฐพงศ์ เพื่อนร่วมงานในฟาร์มเลี้ยงกุ้ง ที่เพิ่งจะเข้ามาทำงานได้เพียง 3 วัน ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเช้า นายณัฐพงศ์ เข้ามานั่งคุยในบ้าน ขณะนั้นตนอยู่กับลูกชาย 2 คน หลังนั่งคุยกันได้สักพัก ตนได้ขอตัวเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้ลูกชายอยู่กับนายณัฐพงศ์ และขณะอยู่ในห้องน้ำ ปรากฏว่าลูกชายร้องไห้ ตนจึงตะโกนออกมาจากห้องน้ำบอกให้เงียบ

จากนั้นได้ยินเสียงดังโครมคราม เสียงเตะตู้เย็น และประตูห้องน้ำ ตนจึงตะโกนถามออกมาจากห้องน้ำว่า เตะตู้เย็นทำไมเดี๋ยวตู้จะพัง แล้วจู่ๆ ได้ยินเสียงของขนาดใหญ่ตกน้ำ ซึ่งในตอนนั้นตนคิดว่านายณัฐพงศ์ คงจะกระโดดลงไปในบ่อเพื่อจับปลา จนกระทั่งเสร็จภารกิจออกจากห้องน้ำมา ไม่พบลูกชาย จึงถามนายณัฐพงศ์ ว่า น้องพอช ลูกชายของตนไปไหน นายณัฐพงศ์ ตอบหน้าตาเฉยว่า ได้จับโยนน้ำไปแล้ว ในตอนนั้นตนไม่เชื่อและคิดว่านายณัฐพงศ์ คงพูดเล่น จึงรีบเดินหา จนกระทั่งพบร่างลูกชายลอยอยู่ในบ่อน้ำ จึงรีบกระโดดลงไปในบ่อน้ำนำร่างขึ้นมา แต่ลูกชายเสียชีวิตแล้ว


ส่วนนายณัฐพงศ์ หลังก่อเหตุ ได้วิ่งหนีไปกระโดดลงไปในบ่อกุ้ง เปลือยกายล้อนจ้อน ว่ายน้ำไปมาเหมือนคนไม่มีสติ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายณัฐพงศ์ มีอาการตื่นกลัวและพยายามว่ายน้ำวนเวียนไปมาอยู่ในบ่อกุ้ง โดยไม่สนใจตำรวจที่เรียกขึ้นมาจากบ่อน้ำ จนเวลาผ่านไปนับชั่วโมง พี่ชายของนายทองพิพัฒน์ ซึ่งเป็นลุงของน้องพอช ที่เสียชีวิต คว้าท่อนไม้ยาว 3 เมตร เดินลุยลงไปในบ่อน้ำไล่ฟาดตีนายณัฐพงศ์ หนุ่มหลอนยาให้ขึ้นมาจากบ่อน้ำ จนสุดท้ายถูกตำรวจและชาวบ้านที่รออยู่ขอบบ่อช่วยกันจับกุมตัว ใช้เชือกมัดลากตัวไปขึ้นรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ

นายทองพิพัฒน์ พ่อของเด็กชายที่เสียชีวิต ได้เข้าไปพูดกับนายณัฐพงศ์ ผู้ก่อเหตุ ว่า “อุตส่าห์ให้ทำงาน ดูแลอย่างดี แต่ดันมาฆ่าลูกกู” ส่วนชาวบ้านที่ไปมุงดูต่างด่าสาปแช่งกับการกระทำอันโหดเหี้ยม เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบนำตัวออกจากที่เกิดเหตุไปอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวจะถูกญาติของเด็กเสียชีวิตและชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ โดยนายณัฐพงศ์ หนุ่มหลอนยาได้ร้องลั่นไปตลอดทาง .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่

ระเบิดปากีสถาน

ยอดเสียชีวิตจากเหตุระเบิดสถานีรถไฟปากีสถานเพิ่มเป็น 24 รายแล้ว

เหตุระเบิดสถานีรถไฟในเมืองเควตตา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน ตายเพิ่มเป็นอย่างน้อย 24 ราย บาดเจ็ดมากกว่า 40 ราย