ภูเก็ต 13 มี.ค. – พบศพชายชาวรัสเซียวัย 42 ปี ถูกแทงคอหอยดับคาฟาร์มกัญชา จ.ภูเก็ต คาดฝีมือเพื่อนชาวต่างชาติ ตำรวจเร่งตามตัว
เที่ยงวันนี้ ตำรวจ สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุชาวต่างชาติเสียชีวิตคาบ้านพัก 2 ชั้นอยู่บนเนินเขา ซึ่งทำเป็นฟาร์มกัญชา พบศพนายอาร์เธอร์ อายุ 42 ปี สัญชาติรัสเซีย นอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ มีบาดแผลที่บริเวณลำคอและตามร่างกายหลายแห่ง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ชม.
สอบถามจากผู้แจ้งเหตุ นายบุรินทร์ อายุ 34 ปี คนดูแลรถเช่า เล่าว่า ตนเองได้รับการติดต่อจากหญิงสาวชาวรัสเซีย ซึ่งเป็นแฟนสาวของผู้เสียชีวิต ได้เช่ารถเก๋งที่ตนดูแลและได้หายตัวไป 2 วัน โดยแฟนสาวขอให้ตนเองช่วยเช็ก GPS รถว่าอยู่ที่ใด จนกระทั่งตนเองและแฟนสาวหญิงผู้เสียชีวิต ได้ติดตาม GPS มาพบรถเก๋งฮอนด้าซิตี้สีขาว ที่ได้เช่ามาจอดอยู่บริเวณหน้าบ้านหลังเกิดเหตุใน ซ.ไสน้ำเย็น แต่ประตูที่บ้านหลังดังกล่าวล็อกจากด้านใน จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จากการตรวจสอบบริเวณโดยรอบมีร่องรอยการต่อสู้ และต้นกัญชาล้มระเนระนาด ก่อนจะพบศพ แล้วนำส่ง รพ.วชิระภูเก็ต เพื่อให้แพทย์ชันสูตรหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมกับประสานสถานทูตรัสเซียประจำ จ.ภูเก็ต
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายและแฟนสาวได้เข้ามายังประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 ม.ค.67 โดยถือวีซ่ากลุ่มได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราเป็นกรณีพิเศษ 90 วัน โดยจะครบกำหนดวันที่ 26 เม.ย.67 บ้านที่เกิดเหตุมีหญิงสาวชาวไทยเป็นคนเช่าให้ เพื่อจะเปิดบริษัทท่องเที่ยว แต่ติดปัญหาบางอย่าง จึงหันมาปลูกกัญชาแทน จากนั้นได้มีชาวต่างชาติแวะเวียนกันมาที่บ้านหลังดังกล่าว เพื่อซื้อและเสพกัญชา จนกระทั่งแฟนหนุ่มหายตัวไปไม่กลับบ้านพักมา 2 วัน จึงออกตามหา จนพบเป็นศพนอนจมกองเลือดเสียชีวิตในบ้านหลังดังกล่าว
คาดว่าคนร้ายที่ลงมือเป็นชาวทาจิกิสถาน ที่เข้ามาประเทศไทยเมื่อวันที่ 12 มี.ค.67 ถือวีซ่านักท่องเที่ยว 60 วัน ส่วนสาเหตุนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าผู้ตายกับคนร้ายเกี่ยวพันกับการค้ากัญชาหรือไม่ อย่างไร โดยยังพบกุญแจรถเก๋งฮอนด้าซิตี้ที่ผู้ตายเช่ามาถูกโยนทิ้งไว้ในป่าข้างบ้าน เจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำกลับไปตรวจลายนิ้วมือแฝง เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พร้อมกับประสานหญิงไทยที่เป็นคนเช่าบ้านหลังดังกล่าวเข้าให้ปากคำที่ สภ.ฉลอง เพื่อคลี่คลายคดี .-สำนักข่าวไทย