จับแล้วคนขับรถตู้ชนต้นไม้ หลังอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนี

พระนครศรีอยุธยา 3 ม.ค. – เหตุรถตู้ขับพุ่งชนต้นไม้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บนับสิบราย และเสียชีวิต 1 ราย ล่าสุดตำรวจจับกุมคนขับรถตู้ได้แล้ว หลังอาศัยช่วงชุลมุนหนีไปเปิดห้องนอนพักผ่อน


จากเหตุการณ์รถตู้รับส่งผู้โดยสารพุ่งชนกับต้นไม้ข้างทาง บนถนนโรจนะ มุ่งหน้าศาลากลางเก่าอยุธยา ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา ในที่เกิดเหตุสภาพรถถูกอัดเข้ากับต้นไม้ จนห้องเครื่องยุบไปถึงในรถ ส่วนด้านหน้าพบคนเจ็บถูกอัดก๊อปปี้ติดอยู่ เมื่อช่วยออกมาได้ พบว่าเสียชีวิตแล้ว ขณะที่ผู้โดยสารที่เหลือที่เหลือได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา

หนึ่งในผู้โดยสาร เล่าว่า นั่งรถมาจากนครพนมตั้งแต่ 17.00 น. เมื่อวานนี้ (2 ม.ค.) เพื่อมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ตัวเองนั่งอยู่เบาะหลังสุด และมีผู้โดยสาร 1 คนต้องลงที่อยุธยา รถตู้จึงแวะเข้ามาส่ง ซึ่งตอนนั้นทุกคนในรถหลับกันหมด จนกระทั่งได้ยินเสียงยางระเบิด และรถตู้พุ่งชนต้นไม้ ทำให้ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ในรถกระเด็นอัดกัน และเมื่อเหตุการณ์สงบ บางคนก็ออกมานอกรถเอง


ด้านขนส่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้ข้อมูลว่า จากการตรวจสอบทำให้ทราบว่า รถตู้คันดังกล่าวมีการเสริมเบาะนั่งเพิ่ม และรถไม่ได้เชื่อมต่อระบบ GPS ของกรมการขนส่ง รวมถึงไม่มีการสแกนใบขับขี่เข้าระบบ ทำให้ระบุความเร็วระหว่างขับรถไม่ได้ แต่ผู้โดยสาร ส่วนใหญ่เล่าว่า คนขับรถตู้ขับด้วยความเร็วสูงตลอดทาง ส่วนคนขับรถตู้ที่อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป

ล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา นำทีมเดินทางมาที่งานสืบสวนสภ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบนายชาติชาย อายุ 49 ปี คนขับรถตู้มาเปิดห้องพัก อยู่บริเวณตลาดหัวรอ จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบและพบตัวจึงเชิญมาที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อสอบถามข้อมูล

คนขับรถตู้ เล่าว่า ตนเองรับผู้โดยสารมาจากจังหวัดนครพนม ทั้งหมด 15 คน รวมตนเองเป็น 16 คน กำลังเดินทางมาส่งผู้โดยสารที่อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ยางรถเกิดระเบิดจนทำให้ไม่สามารถบังคับรถได้รถจึงพุ่งชนเข้ากับต้นไม้อย่างจัง ตอนนั้นตนเองได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะเล็กน้อย แต่ก็ช่วยเหลือคนเจ็บภายในรถ และโทรศัพท์แจ้งประกัน แต่ด้วยความตกใจและกลัว จึงออกจากที่เกิดเหตุและไปเปิดห้องพักอยู่ที่ตลาด จนถูกตำรวจเข้ามาควบคุมตัว


เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ส่วนการตรวจปัสสาวะหรือวัดแอลกอฮอล์ พนักงานสอบสวนจะดำเนินการตรวจและหาสิ่งเสพติดเพื่อจะแจ้งข้อหาเพิ่มต่อไป ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งหมดมี 14 คน และมีผู้เสียชีวิต เป็นหญิง 1 คน คือนางสาวปนัดดา อายุ 21 ปี ชาวนครพนม .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อขอให้ติดคุกจริง

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่น

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่นคนอายุ 60+ ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ว

“จิรายุ” ย้ำเงินหมื่นเฟส 2 มอบคนอายุ 60+ รัฐบาลพร้อมโอนไม่มีเปลี่ยนแปลงแล้ววันจันทร์ที่ 27 ม.ค.นี้แน่นอน สามารถตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ววันนี้ ส่วนคนไม่มีสมาร์ทโฟนฝากลูกหลานช่วยด้วย

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข