ภูมิภาค 4 ก.ย. – หลายจังหวัดในภาคใต้ยังมีฝนตกหนัก-ลมกระโชกแรง ที่ จ.ตรัง ต้นเงาะขนาดใหญ่ อายุกว่า 20 ปี โค่นล้มทับบ้านของชาวบ้านเสียหาย ขณะที่ จ.กระบี่ สะพานทางเบี่ยงข้ามคลองชำรุด ชาวบ้านกว่า 50 ครอบครัวเดือดร้อน ต้องใช้เส้นทางอ้อม
สภาพบ้านของนายชูศักดิ์ อายุ 52 ปี ชาวบ้านหมู่ 1 ต.ควนปริง อ.เมือง จ.ตรัง ถูกต้นเงาะโค่นทับได้รับความเสียหาย เนื่องจากสภาพอากาศใน จ.ตรัง ช่วงนี้ยังคงมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรง ทำให้ต้นเงาะขนาดใหญ่ อายุกว่า 20 ปี หักโค่นลงมาและล้มทับบ้านดังกล่าว แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ขณะที่แม่น้ำลำคลองสาขาเริ่มเอ่อล้นตลิ่งและไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำ ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน โดยเฉพาะที่บ้านเขาแก้ว ต.นาเมืองเพชร อ.สิเกา และบ้านห้วยเหรียง ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมืองตรัง รวมกว่า 20 หลังคาเรือน ระดับน้ำท่วมสูง 20-40 ซม. ซึ่งเมื่อวานนี้ (3 ก.ย.) ลดลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ตลอดคืนที่ผ่านมามีฝนตกลงมาเพิ่ม ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ต้องขนย้ายสิ่งของ รวมทั้งเด็กและคนชราไปอยู่ในที่ปลอดภัย เพราะในพื้นที่ยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ออกประกาศเตือนเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งตลอดสัปดาห์นี้ และให้หน่วยงาน ทั้งปกครองส่วนท้องถิ่น กู้ชีพกู้ภัย หน่วยพิทักษ์ป่าตามน้ำตกทั้ง 8 แห่งใน จ.ตรัง เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมฉับพลัน เพื่อออกให้ความช่วยเหลือชาวบ้านได้อย่างทันท่วงที
โคลนถล่มบ้าน 2 ครั้งซ้อน ราบเป็นหน้ากลอง
ส่วนในพื้นที่หมู่ 6 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง มีชาวบ้านร้องเรียนกับสื่อฯ ว่า ฝนที่ตกหนักทั่วพื้นที่ ตั้งแต่คืนวันที่ 1 ก.ย.66 ต่อเนื่องถึงวันนี้ (4 ก.ย.) ทำให้โคลนจากภูเขาถล่มลงมาทับบ้านจนราบเป็นหน้ากลอง ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ก.ค.66 ได้ยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือไปตามระบบราชการแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า เจ้าหน้าที่ลงมาดูพื้นที่แล้วบอกให้รอ ไปติดตามทางอำเภอก็บอกว่าส่งเรื่องไปทางจังหวัดแล้วขอให้รอ มีเพียงโรงเรียนที่ลูกๆ เรียนเท่านั้นที่เข้ามาช่วยเหลือ มาเยี่ยมและมอบเงินช่วยบรรเทาความเดือดร้อน แม้ไม่มาก แต่แสดงถึงความมีน้ำใจ เพราะตนหมดทุกอย่างแล้ว และครั้งที่ 2 เมื่อกลางดึกวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา เกิดฝนตกโคลนถล่มลงมาจากภูเขาอีก ทำให้บ้านที่พังอยู่แล้วพังยิ่งกว่าเดิม แต่คราวนี้มีท่อนซุงจากบนภูเขาไหลลงมากับโคลนด้วย จากสภาพท่อนซุงต่างๆ ทำให้เกิดความสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นบนเขาหรือไม่ ทำให้ดินไม่ยึดเกาะ จนถล่มลงมาพังบ้านถึง 2 ครั้งซ้อน อุปกรณ์การเกษตรและเครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายหมด ตอนนี้เก็บไว้รอซ่อม เพราะถ้าซื้อใหม่ก็ไม่มีเงิน สวนยางพาราก็ถูกน้ำและดินถล่มกว่า 100 ต้น สวนปาล์มน้ำมันอีก 30-40 ต้น ตอนนี้ตนและครอบครัว ซึ่งมีตน ภรรยา และลูก 2 คน อพยพไปอยู่บ้านแม่ภรรยาชั่วคราว ซึ่งภรรยาก็รับไม่ได้ จนมีอาการซึมเศร้า ต้องพบแพทย์กินยา จึงวอนขอความช่วยเหลือ เพราะไปต่อไม่ได้แล้ว
ฝนตกหนักน้ำท่วมสูงในพื้นที่ปลายพระยา จ.กระบี่
ขณะที่ จ.กระบี่ ชาวบ้านชุมชนบ้านหาดถั่ว ต.ปลายพระยา อ.ปลายพระยา รวมกว่า 50 ครอบครัว ยังไม่สามารถสัญจรผ่านสะพานทางเบี่ยงข้ามคลองอิปัน ระยะทาง 50 เมตร หลังจากสะพานทางเบี่ยงถูกกระแสน้ำพัดชำรุดเสียหาย เมื่อวานนี้ (3 ก.ย.) ต้องเดินทางอ้อมเป็นระยะทางกว่า 10 กม. ชาวบ้านช่วยกันซ่อมแซมแล้ว แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากกระแสน้ำเพิ่มสูงขึ้นและไหลแรงต่อเนื่อง ทั้งยังไม่มีเครื่องจักรกลหนัก ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (4 ก.ย.) นายอำเภอปลายพระยา ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย และประสานหน่วยงานที่มีเครื่องจักรหนัก เร่งเข้าดำเนินการซ่อมแซมสะพานทางเบี่ยงให้ชาวบ้านสัญจรผ่านได้
สำหรับสะพานทางเบี่ยงดังกล่าวเป็นสะพานที่ชาวบ้านร่วมกันสร้างขึ้น ใช้ได้เฉพาะเดินเท้า และรถจักรยานยนต์สัญจรผ่าน ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างสะพานคอนกรีตข้ามคลอง ตามโครงการขององค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่
น้ำท่วมละงูยังอ่วม โรงเรียนปิด 4 แห่ง
สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.สตูล ยังไม่คลี่คลาย เนื่องจากฝนยังตกลงมาอย่างหนัก โดยเฉพาะที่ อ.ละงู ชาวบ้านยังคงประสบภาวะน้ำท่วมเป็นวันที่ 2 โดยวันนี้มีโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วม 3 แห่ง คือ โรงเรียนบ้านดาหลำ โรงเรียนบ้านนาข่า ต.เขาขาว โรงเรียนบ้านโกตา ต.กำแพง นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนนิด้าศึกษาศาสตร์ ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชน ต้องปิดเพราะถูกน้ำท่วมเช่นกัน รวมโรงเรียนที่ประสบปัญหาน้ำท่วม 4 แห่ง
รอง ผอ.สพป.สตูล พร้อมคณะ ลงพื้นที่สำรวจโรงเรียนและบ้านพักครูที่ถูกน้ำท่วม โดยโรงเรียนในสังกัด สพป.สตูล มี 3 แห่งที่ได้รับผลกระทบ คือ โรงเรียนบ้านดาหลำ โรงเรียนบ้านนาข่า และโรงเรียนบ้านโกตา โดยให้ปรับมาเรียนออนไลน์แทน เพื่อไม่ให้เด็กเสียการเรียน เพราะใกล้จะสอบแล้ว พร้อมเน้นย้ำให้ครูระมัดระวังเด็กเข้ามาเล่นน้ำในโรงเรียน เพื่อความปลอดภัย
ล่าสุดยังมีฝนตกลงมาตลอดทั้งวัน ครอบคลุมทั่วทั้งจังหวัด พื้นที่น้ำท่วมอยู่ที่ อ.ละงู 5 ตำบล 21 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อนกว่า 500 ครัวเรือน รักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล สั่งการให้ทุกอำเภอเฝ้าระวัง ช่วงวันที่ 4-6 ก.ย.นี้ และให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัย อ.ควนกาหลง อ.มะนัง อ.ควนโดน และอำเภอที่รับน้ำ เช่น อ.ท่าแพ. – สำนักข่าวไทย