นนทบุรี 20 ก.พ.- ตำรวจรวบหัวขโมยแสบ ลักรถจักรยานจากนนทบุรี ปั่นไปไหว้พระที่อยุธยา ระหว่างทางกลับเกิดยางรั่ว เลยขายทิ้งไปแค่ 40 บาท เจ้าของรถช้ำ เสียดายจักรยานคู่ใจ
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพและข้อความ โดยระบุว่า “ขออนุญาตแอดมินค่ะ รบกวนฝากท่านใดพบเห็นบุคลในภาพรบกวนติดต่อกลับด้วยค่ะ เขาได้ขโมยรถจักรยานออกไปทางซอยสามัคคี ท่านใดพบเห็นช่วยแจ้งเบาะแสหน่อยนะคะ หายมาหลายคันแล้ว หายบ่อยมากค่ะ จับตัวไม่ได้ซักทีรบกวนช่วยหน่อยนะคะเดือดร้อนมากค่ะ” ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 13.30 น. จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมเสื้อยืดสีดำ ใส่กางเกงขาสั้นสีดำ เดินเข้าไปในซอย หลังจากนั้นผ่านไปไม่ถึง 5 นาที ชายคนดังกล่าวปั่นจักรยานที่ขโมยออกมา แล้วหายจากกล้องวงจรปิด เหตุเกิดภายในซอยหลังโรงเรียนปากเกร็ด ซ.แจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 6 ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
จากการสอบถาม น.ส.อมลวรรณ ผู้เสียหาย เล่าว่า วันเกิดออกมาทำงานตามปกติ เอารถจักรยานมาจอดไว้ที่เดิมที่หน้าปากซอย หลังจากนั้นกลับจากทำงานประมาณ 17.00 น. ก็ไม่พบจักรยานแล้ว ภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นว่าคนร้ายเดินมาจากซอยวัดกู้ แล้วเข้ามาที่ซอยบ้าน เดินมามอง หลังจากนั้นก็เดินเข้ามาขี่จักรยานของออกไปจากซอย คนร้ายก่อเหตุเวลา 13.30 น. กลางวันเเสกๆ ซึ่งจอดจักรยานที่ประจำอยู่แล้วทุกวัน เป็นจักรยานเสือหมอบ จำยี่ห้อไม่ได้ ซื้อต่อมาจากคนรู้จักมาในราคา 1,500 บาท ซึ่งใช้จักรยานคันนี้มาตั้งแต่อายุ 18 ปี จนถึงตอนนี้อายุ 42 ปีแล้ว รู้สึกเสียดาย เสียใจ และเสียความรู้สึก
ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ร่วมกันจับกุมตัว นายณัฐทวัฒน์ หรือนายเต้น อายุ 31 ปี ได้ภายในซอยสมเอก ม.8 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ข้อหาลักทรัพย์ ผู้ต้องหาสารภาพว่า นำจักรยานที่ขโมยมาปั่นไปจังหวัดอยุธยา เพื่อไปไหว้พระ ระหว่างปั่นกลับยางรถรั่ว จึงนำจักรยานคันดังกล่าวขายไปในราคา 40 บาท แต่จำไม่ได้ว่านำรถจักรยานไปขายให้กับใคร ผู้ต้องหาให้การวกวน ตรวจสอบเคยมีประวัติก่อเหตุลักทรัพย์ ในท้องที่ สภ.ปากเกร็ด เมื่อปี 2560 จำนวน 2 ครั้ง ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย 1 ครั้ง และก่อเหตุบุกรุกในท้องที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ เมื่อปี 2564 จำนวน 1 ครั้ง ถูกจับเสพยาเสพติดท้องที่ สภ.เมืองนนทบุรี จำนวน 1 ครั้ง
ด้านผู้เสียหาย เมื่อทราบว่าตำรวจจับกุมตัวคนร้ายได้ ก็รู้สึกสบายใจมาก เพราะจะได้ไม่ต้องไปก่อเหตุกับใครอีก ถึงจะเป็นแค่จักรยานก็มีค่า ตั้งแต่จักรยานหายไป ตนรู้สึกลำบากมาก ยังไม่กล้าเอาคันใหม่ออกมาใช้และมาจอด ลูกชายตนก็ไม่กล้านำมาใช้เหมือนกัน เพราะถ้าหายอีกก็ไม่มีเงินจะซื้อแล้ว คันเก่าที่หายไปตนซื้อมือสองมาในราคา 1,500 บาท เป็นคุณค่าทางจิตใจ ตนจึงต้องขอขอบคุณเจ้าของคดีคือ สารวัตรวรพจน์ สภ.ปากเกร็ด และทีมชุดสืบ สภ.ปากเกร็ด ทุกนายที่ช่วยติดตามและจับกุมตัวคนร้ายมาได้ ถึงแม้จะไม่ได้จักรยานคืน ก็ดีใจที่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ เบื้องต้นนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย