เชียงใหม่ 7 ธ.ค. – ตำรวจค้นบ้านพักแก๊งลวงเด็กหญิงวัย 13 ปี จากหอพักในโรงเรียนที่ จ.เชียงใหม่ ไปมอมเหล้าจนหมดสติ เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงแก๊งค้าประเวณี ขณะที่ชายที่นอนอยู่ข้างเด็กเข้ามอบตัวแล้ว ตำรวจแจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์ตำรวจค้นบ้านพักแก๊งลวงเด็กหญิงวัย 13 ปี จากหอพักในโรงเรียนที่ จ.เชียงใหม่ ไปมอมเหล้าจนหมดสติ เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงแก๊งค้าประเวณี ขณะที่ชายที่นอนอยู่ข้างเด็กเข้ามอบตัวแล้ว ตำรวจแจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์
ตำรวจศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ฯ พร้อมชุดสืบสวนตำรวจภูธรเชียงใหม่ และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเชียงใหม่ เข้าตรวจค้นบ้านพักหลังร้านน้ำปั่น ในพื้นที่ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านที่หญิงเจ้าของร้านน้ำปั่นและเพื่อนชาย ล่อลวงนักเรียนหญิงชั้น ม.1 วัย 13 ปี พร้อมเด็กหญิงรุ่นพี่ ม.2 จากหอพักในโรงเรียน มามอมเหล้าในช่วงค่ำของวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และตอนเช้าตื่นมาเด็กหญิงอยู่ในสภาพไม่สวมกางเกง และมีผู้ชายนอนอยู่ข้างๆ
โดยบ้านหลังเกิดเหตุ พบพี่สาวเจ้าของร้านน้ำปั่น ซึ่งไม่ได้ให้ข้อมูลอะไร เจ้าหน้าที่เข้าเก็บหลักฐานอย่างละเอียด ทั้งผ้ารองนอน เศษผม เศษขน ในห้องเกิดเหตุ และยังพบขวดเหล้า เสื้อผ้า ซองถุงยางอนามัย และผ้าห่มที่มีรอยเปื้อนคล้ายคราบเลือด นำไปตรวจสอบหาหลักฐานเชื่อมโยงกับกลุ่มคนที่ล่อลวงเด็กหญิงว่าเข้าข่ายเป็นแก๊งค้าประเวณีหรือไม่
ขณะที่นายโอ๊ต ชายที่นอนอยู่ข้างเด็กในวันเกิดเหตุ ได้เข้าพบตำรวจ สภ.กัลยาณิวัฒนา หลังถูกออกหมายจับข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี พาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่ออนาจาร และพรากผู้เยาว์ เบื้องต้นนายโอ๊ต สารภาพก่อเหตุจริง แต่ไม่ได้ใช้กำลังบังคับขืนใจ ส่วนเด็กหญิงวัย 13 ปี ขณะนั้นก็มีสติและรู้สึกตัว และไม่มีการจ่ายเงินหรือโอนเงินให้เด็กหญิงแต่อย่างใด
มีรายงานว่า ยังมีเด็กคนอื่นๆ ตกเป็นเหยื่อถูกล่อลวงในลักษณะเดียวกันอีก 3 คน เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลและหาหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงหญิงสาวเจ้าของร้านน้ำปั่น ว่าได้รับเงินหรือผลประโยชน์จากการชักชวนเด็กมาที่ร้านหรือไม่ โดยตำรวจเตรียมให้เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เข้ามาร่วมสอบถามเด็กหญิงที่อยู่ในหอพักโรงเรียนอย่างน้อย 3 แห่ง ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีเด็กหญิงตกเป็นเหยื่อในลักษณะนี้อีกหรือไม่
ด้านพ่อของเด็กหญิงผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ดีใจที่เห็นเจ้าหน้าที่ทำคดีอย่างจริงจัง แต่อยากให้รวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนาและรัดกุมที่สุด ให้คนทำความผิดดิ้นไม่หลุด เพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ ในอำเภอ ที่อาจจะตกเป็นเหยื่อของแก๊งค้าประเวณีหรือค้ามนุษย์ และอยากให้ลูกสาวตนตกเป็นเหยื่อรายสุดท้าย ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับพ่อแม่คนอื่นอีก
พ่อของเด็กหญิง ยังบอกอีกว่า จากการพูดคุยกับลูกสาว มั่นใจว่ากลุ่มคนที่ล่อลวงได้ใส่สารบางอย่างในน้ำแน่นอน เพราะก่อนเกิดเหตุ ลูกสาวจะไปซื้อน้ำปั่นกินตลอด และรู้สึกติดใจรสชาติอย่างมาก อยากกินตลอดเวลา แม้ร้านอยู่ไกลจากโรงเรียนถึง 4 กิโลเมตร และในช่วงที่ลูกสาวถูกมอมเหล้าก็น่าจะใส่สารบางอย่างลงไปด้วย จึงทำให้ลูกสาวหมดสติอย่างรวดเร็ว หลังดื่มไปเพียง 2-3 แก้ว จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบหาสารแปลกปลอม โดยเฉพาะยาแฮปปี้วอเตอร์ ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ตามชายแดนในขณะนี้. – สำนักข่าวไทย