นครราชสีมา 2 ก.พ. – มิจฉาชีพลวงเด็ก ม.4 หาเงินจากการดูยูทูบ สุดท้ายโดนหลอกโอนเงิน 3 แสนบาท วอนตำรวจเร่งติดตาม หวั่นเกิดเหตุร้ายซ้ำรอยเด็กวัย 15 ปี ที่คิดสั้นจบชีวิตตัวเอง
นายอธิชัย อายุ 39 ปี เล่าว่า หลานสาวเป็นนักเรียนชั้น ม.4 โดนหลอกให้ร่วมลงทุนจากการดูวิดีโอ จากยูทูบ จนหลงเชื่อยอมโอนเงินให้มิจฉาชีพ สูญเงินไป 300,000 บาท เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2565 หลังจากที่หลานสาวเห็นลิงก์โฆษณารับสมัครงานหาคนดูคลิปวิดีโอจากยูทูบ ผ่านแอปพลิเคชันอินสตาแกรม (ไอจี)
จากนั้นมีการพูดคุยกับแอดมินผ่านทางไลน์ ก่อนแอดมินจะให้หลานสาวโอนเงิน จำนวน 100 บาท เพื่อสมัครเข้าทำงานดูคลิปวิดีโอจากยูทูบ อ้างว่าเงินที่โอนเข้าไปเป็นเงินลงทุน โดยหลานของตนจะได้เงินส่วนแบ่งจากยอดวิวของยูทูบที่ทางแอดมินส่งมาให้ดู มีการส่งโปรโมชันเงื่อนไขในการทำงานมาให้หลานดู บอกรายละเอียดเกี่ยวกับการดูคลิปวิดีโอที่เป็นมิวสิกวิดีโอ เริ่มต้นที่ 5 เพลง จะได้เงิน 200 บาท ต้องจ่ายค่าประกัน 100 บาท ไปจนถึง 50 เพลง ได้เงิน 5,000 บาท จ่ายเงินประกัน 1,000 บาท
หลานสาวของตนสนใจ 20 เพลง จึงโอนเงินประกันไป 400 บาท หลังจากโอนเงิน ทางแอดมินแจ้งกลับมาว่า เบิกงานให้หลานของตนไม่ทัน จึงต้องหางานอื่นมาให้แทน เป็นการกดรับสินค้า พร้อมกับส่งขั้นตอนการทำงานมาให้ดู แต่พอหลานสาวกดเข้าไปก็มีปัญหา จนเริ่มไม่มั่นใจ และจะขอยกเลิกบัญชีที่สมัครดูคลิปวิดีโอจากยูทูบ แต่มีค่าปิดบัญชี 500 บาท ซึ่งหลานของตนก็โอนไปให้
ผ่านมาถึงวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ทางแอดมินทักกลับมาว่า งานยูทูบว่างแล้ว แต่หลานของตนก็ไม่ตอบกลับไป จนเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2566 ทางแอดมินส่งข้อความมาในลักษณะเชิงข่มขู่ว่าจะมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานและการเรียน และยังขู่เรื่องการกระทำผิดกฎหมาย ต้องถูกเรียกเงินค่าเสียหาย 3 ล้านบาท ด้วยความเป็นเด็ก ทำให้หลานสาวเกิดความกลัว จึงต้องรีบโอนเงินเพื่อทำการปิดบัญชีไปอีก 500 บาท ก่อนที่แอดมินจะหลอกหลานสาวของตนเรื่องขั้นตอนการปิดบัญชี ทำให้หลานต้องโอนเงินไปยังบัญชีเดิมอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 500 บาท รวมเป็นเงิน 1,500 บาท และค่าเอกสารอีก 1,500 บาท ซึ่งหลานของตนโอนจนไม่เหลือเงินแล้ว จึงได้มาขอยืมโทรศัพท์ของยาย ซึ่งมีเงินเก็บอยู่ในบัญชีประมาณ 300,000 บาท แล้วออกไปอยู่บ้านอีกหลังที่อยู่ข้างๆ กัน แอบติดต่อกับแอดมินที่มาหลอกให้ทำงาน หลังจากนั้นก็มีการโอนเงินไปอีกหลายรอบ จนรอบสุดท้ายให้โอนไปอีก 180,000 บาท แต่หลานโอนไปแค่ 120,000 บาท รวมยอดเงินที่หลานโอนไปก่อนหน้านี้ด้วยเป็นเงินทั้งหมด 302,500 บาท
เรื่องนี้ตนมารู้ในวันเดียวกัน คือ วันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา ตอนที่หลานโทรไปยืมเงินกับป้า และป้าบอกว่า หลานกำลังถูกหลอก ในระหว่างนั้นหลานของตนก็วิ่งออกจากบ้านไปยังบ้านอีกหลัง ร้องไห้ฟูมฟาย และกรีดร้องเสียงดังลั่น จนตนต้องเข้าไปปลอบใจ
หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ หลานก็ตกอยู่ในอาการเครียด ผวา นอนไม่หลับ กลัวว่าหลานจะคิดสั้นเหมือนกับข่าวเด็กวัย 15 ปี ที่จบชีวิตตัวเอง ทำให้ตนต้องมานอนเป็นเพื่อนหลานทุกคืนตั้งแต่เกิดเหตุ และได้มีการแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา แต่ก็ได้รับคำแนะนำว่าให้แจ้งกับทางตำรวจไซเบอร์ แต่จนถึงวันนี้ก็ไม่มีความคืบหน้าของคดี อยากฝากไปยังตำรวจที่รับผิดชอบให้ช่วยเร่งรัดคดีให้เร็วขึ้น เพราะไม่อยากให้มีเหยื่อแบบหลานของตนเกิดขึ้นอีก. – สำนักข่าวไทย