คุมทำแผนฯ พ่อเมาทำร้ายลูกชาย 6 ขวบดับ โยนร่างทิ้งแม่น้ำปิง

กำแพงเพชร 20 ก.ย.- พ่อแท้ๆ ทำร้ายลูกชายวัย 6 ขวบ เสียชีวิต ก่อนนำร่างใส่รถจักรยานยนต์มาโยนทิ้งแม่น้ำปิง อ้างโมโหลูกเกเรทำร้ายลูกชาวบ้าน ประกอบกับเมาเหล้า ล่าสุดตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาทำแผนฯ


ตำรวจคลองขลุง จ.กำแพงเพชร ได้รับแจ้งเหตุพ่อทำร้ายลูกจนเสียชีวิตแล้วนำศพทิ้งในแม่น้ำปิง โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีมาแจ้งตำรวจว่า มีเด็กหายไป ตำรวจจึงให้ชายอายุ 33 ปี พ่อเด็ก เข้าให้ข้อมูลเพิ่ม ก่อนที่พ่อเด็กจะสารภาพ ทำร้ายลูกเสียชีวิต แล้วนำศพทิ้งแม่น้ำปิง

เหตุเกิดขึ้นตั้งแต่วันเสาร์ที่ 17 กันยายน ในช่วงค่ำพ่อเด็กเมาสุรากลับมาที่บ้าน จากนั้นลงมือทุบตีทำร้ายร่างกายลูกชายจนบาดเจ็บอย่างหนัก จากนั้นเช้าวันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน เขาไปปลุกลูกพบว่าเสียชีวิตตัวแข็งแล้ว จึงนำลูกขึ้นรถจักรยานยนต์มาทิ้งริมแม่น้ำปิง ซึ่งมีพยานพบเห็นว่าพ่อเด็กเป็นผู้นำร่างลูกนั่งหน้ารถจักรยานยนต์ออกไป


ตำรวจให้พ่อเด็กพาไปชี้จุดทิ้งศพที่บริเวณเชิงสะพานคลองขลุงเก่า ฝั่งท่ามะเขือ โดยเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยสว่างกำแพงเพชรธรรมสถานระดมกำลังค้นหาร่างเด็กกว่า 30 คน เดินเรียงหน้ากระดานค้นหาจุดที่บอกว่านำศพมาทิ้ง ซึ่งใช้เวลาหานานกว่า 2 ชั่วโมง แต่ก็หาร่างเด็กไม่พบ เจ้าหน้าที่จึงยกเลิกการค้นหาชั่วคราว ตำรวจจึงสอบสวนอีกครั้ง จนรับยอมรับว่าไม่ได้นำมาทิ้งจุดนี้ แต่เป็นอีกจุดหนึ่งซึ่งห่างจุดแรกประมาณ 2 กิโลเมตร เมื่อไปถึงก็พบศพเด็กลอยคว่ำหน้าอยู่ในน้ำ ตามตัวมีบาดแผลที่เกิดจากการถูกทำร้าย

พ่อเด็กให้การว่า ที่ตนเองลงมือทำร้ายร่างกายลูกชาย เนื่องจากโมโหที่มีเพื่อนบ้านมาฟ้องว่าลูกไปทำร้ายร่างกายเด็กคนอื่น จนได้รับบาดเจ็บ จึงต้องลงโทษ ประกอบกับตนเองเมาเหล้า จึงลงมือทุบตีและทุ่มลูกลงกับพื้นอย่างรุนแรง จนมารู้ว่าเสียชีวิตขณะเรียกปลุกลูกตอนเช้าอีกวัน

ด้าน พ.ต.อ.เอนก จันทร์ศร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร ยอมรับเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าที่ผู้ก่อเหตุลงมือทำร้ายลูก เพียงแค่ลูกไปทำร่างกายคนอื่น คาดว่ายังมีปมโมโหภรรยาที่ไปมีแฟนใหม่ จึงตีลูกประชด ซึ่งตำรวจให้น้ำหนักเรื่องนี้มากกว่า


ส่วนผู้ที่แจ้งเรื่องกับตำรวจเปิดเผยว่า ตนเองและแม่ของเด็กทำงานอยู่ที่เดียวกัน ที่ผ่านมาตนมักจะมาเล่นกับเด็กผู้เสียชีวิตและน้องชายวัย 5 ขวบ อยู่เป็นประจำเกือบทุกวัน โดยช่วยกันดูแลหาข้าวหาน้ำให้กิน จนกระทั่งวันที่ 18 กันยายน ตนไม่เห็นเด็ก จึงถามกับพ่อของเด็ก ว่าลูกหายไปไหน พ่อเด็กบอกว่า ก่อนจะออกมาทำงานในช่วงเช้ายังเห็นเด็กทั้งสองคนนอนอยู่ในบ้าน ตนไม่ได้เอะใจ จนกระทั่งในช่วงเย็น ก็ยังไม่เห็นเด็ก จึงได้เข้าไปดูที่บ้านและพบกับลูกคนเล็กของผู้ก่อเหตุ โดยน้องบอกกับตนว่า พ่อซ้อมพี่ชาย พ่อจับพี่ทุ่มพื้น และพาตนเข้าไปดูรอยเลือดบนที่นอนและหมอนที่มีผ้าห่มปิดคลุมไว้ ทำให้ตนคิดว่าน่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจในวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา

ผู้แจ้งความยังเปิดเผยอีกว่า ที่ผ่านมาพ่อเด็กมีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายภรรยาและลูก ซึ่งตนเองมักจะเป็นคนคอยห้ามปรามอยู่เสมอ แต่ก็ไม่คิดว่าจะทำรุนแรงจนกระทั่งเสียชีวิต ส่วนสาเหตุที่พ่อเด็กลงมือทำร้ายร่างกายลูกจนเสียชีวิต ตนเองคาดว่าน่าจะเกิดจากความเครียดที่ภรรยาบอกเลิกแล้วหนีไป เพราะตั้งแต่ภรรยาไม่อยู่ผู้ก่อเหตุก็ดื่มเหล้าเมาทุกวัน ทำให้พลั้งมือซ้อมลูกจนถึงแก่ความตาย

ล่าสุด ตำรวจกำลังนำตัวผู้ต้องหามาทำแผนฯ แต่ยังไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ลิณธิภรณ์” แจงปมสะกดคำผิด ยอมรับผิดพลาดพร้อมแก้ไข

กระทรวงวัฒนธรรม 4 ก.ค.- “ลิณธิภรณ์” ยอมรับดรามาใช้ภาษาไทยสะกดคำผิด พร้อมแก้ไขปรับปรุงตัว รับปากจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก บอก บางครั้งรีบพิมพ์ไม่ได้ตรวจทาน ทำเกิดผลเสียทุกวันนี้ แจงมีปัญหาสุขภาพ อาจทำให้ออกเสียงควบกล้ำไม่ได้ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาเรื่องการใช้ภาษาไทยในโซเชียลมีเดีย ว่า ตนขอยอมรับอย่างซื่อตรง ว่าบางครั้งในการสะกดคำของตนเองก็มีความผิดพลาด ซึ่งบางครั้งใช้การพิมพ์ด้วยเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ และได้โพสต์ข้อความไปแล้ว ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง มันเป็นความผิดพลาด อันนี้ตนยอมรับด้วยความจริงใจ และวันนี้ตนก็เข้าใจดีว่าเมื่อมานั่งตำแหน่งตรงนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือต้องปรับปรุง และคิดว่าหลังจากนี้ความผิดพลาดเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะตนก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ของประเทศเหมือนกัน รวมถึงอีกสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือการออกเสียงควบกล้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบ จากปัญหาสุขภาพ แต่ส่วนหนึ่งตนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในภาพนโยบายใหญ่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยใน รายละเอียดที่ชัดเจน และจะเข้ากระทรวงพร้อมกันในวันที่ 8 กรกฎาคม สำหรับตนหากใครที่เคยติดตาม ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ พูดเรื่องการศึกษาในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าสอบทีแคส (TCAS) รวมถึงเรื่องการทำโครงการ ด้านสุขภาพภาวะจิต และอาจจะเป็นโครงการหนึ่งที่ตนจะสานต่อ […]

มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ที่บราซิล

ทำเนียบ 3 ก.ค.-มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 17 ที่บราซิล 6-7 ก.ค.นี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2568 ร่วมกับผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS และประเทศหุ้นส่วนจากหลากหลายประเทศ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยไทยเข้าร่วมในฐานะประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (Partner Country) สำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างความร่วมมือโลกใต้เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยบราซิลในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ปีนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 6 ด้าน ได้แก่ (1) สาธารณสุข (2) การค้า การลงทุน และการเงิน (3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (4) ธรรมาภิบาลของปัญญาประดิษฐ์ […]

Hun Sen, at event marking ruling party's 74th founding anniversary

ฮุน เซน เรียกร้องปั๊ม ปตท. งดนำเข้าน้ำมันจากไทย

พนมเปญ 3 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเรียกร้องให้เจ้าของปั๊ม ปตท.เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน สื่อของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน พูดถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมกับครูและนักเรียนที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมในจังหวัดไพรแวงในวันนี้ เรียกร้องให้เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.ทุกแห่งในกัมพูชาเลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นจากเวียดนาม  มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อปั๊ม แม้ว่า ปตท.จะเป็นรัฐวิสาหกิจของไทยก็ตาม นอกจากนี้นายฮุน เซนยังพูดถึงเรื่องที่ไทยเคยขู่ว่าจะตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ห้ามขายเชื้อเพลิง และอื่นๆ ให้กัมพูชาด้วยว่า เมื่อไทยขู่มากัมพูชาก็ตอบโต้ทันที กัมพูชาต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตเหมือนกับที่กำลังเผชิญจากไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากไทย แต่กัมพูชาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ของกัมพูชา ประธานวุฒิสภากัมพูชาเน้นย้ำว่า มาตรการทั้งหมดที่กัมพูชาได้ดำเนินไปนั้นเป็นการตอบโต้โดยตรงกับภัยคุกคามจากฝ่ายไทย รวมทั้งการที่ไทยปิดด่านพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า การเจรจากับไทยจะเริ่มขึ้นได้ ต่อเมื่อฝ่ายไทยจะต้องยอมเปิดด่านทุกจุดอย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่เคยทำก่อนวันที่ 7 มิถุนายนแล้วเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

เปิด 7 จุดยืน “ปชน.” ทางออกประเทศหาก “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “แพทองธาร” พ้นตำแหน่ง เปิดเงื่อนไขโหวตนายกฯ คนใหม่ พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “นายกฯ แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่ง เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชนทุกคน ดังนี้ 1.สิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง2.รัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี “การเลือกตั้งใหม่” โดยเร็ว3.รักษาการนายกฯ ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง4.หากรักษาการนายกฯ ไม่ทำ และมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ ที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา5.เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ “เงื่อนไข” ในการเป็นรัฐบาลชั่วคราว โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี 6.“เงื่อนไข” ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย6.1 การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี6.2 การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี […]

ข่าวแนะนำ

ปลัด อบต. ถูกหลอกลงทุน สูญ 4 ล้าน

บุรีรัมย์ 5 ก.ค. – ปลัด อบต.สาวชาวบุรีรัมย์ ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นหมอเกษียณ ทักมาจีบ แล้วหลอกร่วมลงทุนอ้างผลตอบแทนสูง หลงเชื่อสูญ 4 ล้าน นำที่ดินไปจำนอง รถเข้าไฟแนนซ์ นางสาวปลา ปลัด อบต.แห่งหนึ่งในจังหวัดศรีสะเกษ นำหลักฐานข้อความแชทสนทนา และรูปโปร์ไฟล์ของชายที่เชื่อว่าเป็นอดีตนายแพทย์ รพ.ดัง ร้องเรียนสื่อหลังถูกหลอกลวงฉ้อโกง โดยอีกฝ่ายทักเฟซบุ๊กมาจีบ พร้อมหยอดคำหวาน ทำให้หลงเชื่อ ก่อนหลอกล่อให้ร่วมลงทุนผ่านแพลตฟอร์มหนึ่ง อ้างว่าจะได้ผลตอบแทนสูง ยิ่งลงทุนมากยิ่งผลตอบแทนมาก แม้จะลงทุนได้ยอดเงินสูงถึง 28 ล้าน แต่เบิกมาไม่ได้ สุดท้ายสูญเงินไปถึง 4 ล้านบาท แล้วถูกบล็อกการติดต่อ ทำให้เดือดร้อนหนัก เพราะเงินที่นำไปลงทุน เป็นเงินเก็บสะสม นำรถยนต์ไปเข้าไฟแนนซ์ และนำที่ดินไปจำนอง แจ้งความตำรวจแล้ว พบบัญชีที่โอนเงินเป็นบัญชีม้า พร้อมฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ อย่าหลงเชื่อใครง่ายๆ.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

เด้ง 5 เสือ สน.บางเขน เซ่นจับบ่อนสะพานใหม่

กทม. 5 ก.ค. – สั่งเด้ง 5 เสือ สน.บางเขน เซ่นจับบ่อนสะพานใหม่ ขณะที่เช้านี้เจ้าหน้าที่คุมตัว 72 นักพนัน ไปฝากขังศาลแขวงดอนเมือง พบส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ สุภาอ้วน รอง ผบก.น.2 รรท.ผบก.น.2 ลงนามในคำสั่ง กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ที่ 183/2568 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ และแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเมื่อวันที่ 4 ก.ค.68 เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เข้าทำการสืบสวนสถานที่ต้องสงสัย ซึ่งคาดว่าเป็นบ่อนการพนัน บริเวณอาคารพาณิชย์ กลางซอยพหลโยธิน 52 แยก 3 แขวงคลงถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร และได้จับกุมผู้ต้องหากับพวกในข้อหา “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันไฮโล เพื่อพนันเอาทรัพย์สินกัน โดยไม่ได้รับอนุญาต”และ “ร่วมกันเข้าเล่นหรือเล่นการพนันโฮโลเพื่อพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งเหตุดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบของสน.บางเขน เพื่อให้การบริหารงานในภาพรวมของ กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเรียบร้อย […]

ค้นบ้านพักสีกา คนสนิท “ทิดอาชว์” พบจีวรหลายผืน

กทม. 5 ก.ค.-“บิ๊กเต่า” รับเมื่อวาน ปปป. พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหมายศาลค้นบ้านพักสีกา ก.ไก่ คนสนิท “ทิดอาชว์” อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ พบภายในบ้านมีจีวรหลายผืน เวลา 10.00 น. พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ บช.ก. เปิดเผยถึงความคืบหน้า การสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลและหลักฐาน ที่เกี่ยวข้องกับวัดตรีทศเทพ ว่าเมื่อวานที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่งในหมู่บ้านดังของสีกาไฮโซ อักษรย่อ ก.ไก่ หญิงสาวคนสนิทของทิดอาชว์ เพื่อค้นหาพยานหลักฐาน พร้อมสอบปากคำสีกาคนดังกล่าว จากการตรวจค้นภายในบ้านพัก พบพยานหลักฐานจำนวนหนึ่ง โดย 1 ในนั้นเป็นจีวรพระหลายพื้น แต่จะเป็นของพระรูปไหนอย่างไร ยังไม่ทราบ เพราะเจ้าตัวยังไม่เปิดเผย จากการสอบปากคำสีกา ก. ให้การเป็นประโยชน์เป็นที่น่าพอใจ สามารถขยายผลนำไปสู่การสืบสวนสอบสวนคดีทุจริตในอนาคตได้ นอกจากนี้ สีกาไฮโซ ก. ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ได้ ซึ่งถือว่าเป็นให้ความร่วมมือในทิศทางที่ดี อย่างไรก็ตาม หลังหมดเวลาตรวจค้น 18.00 น. เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว […]