“ชัยชนะ” ชี้เรื่องการพนันต้องปฏิรูปทุกมิติ-สร้างสมดุล

กรุงเทพฯ 12 ธ.ค. – “ชัยชนะ” เผยเรื่องการพนันจะต้องมีการปฏิรูปในทุกมิติ ชี้ทุกวันนี้ไม่ไปบ่อนก็เล่นพนันได้ รวมทั้ง พ.ร.บ.การพนัน ล้าสมัย ไม่ทันต่อสภาพสังคมและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี รับต้องมีความสมดุลระหว่างผลประโยชน์ของชาติกับศีลธรรมของประชาชน ที่สุดแล้วหากต้องมีการตัดสินใจสร้าง Entertainment Complex ก็ต้องให้มีการออกเสียงประชามติ


นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ในรูปแบบ Entertainment Complex เพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ กล่าวถึงการทำงานของคณะ กมธ.วิสามัญฯ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและศึกษาเกี่ยวกับการพนันว่า ตนมองว่าขณะนี้เรื่องการพนันมีความจำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูปในทุกมิติ เนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและรูปแบบของการพนัน ทำให้ประชาชนทุกวันนี้ไม่จำเป็นจะต้องไปบ่อนการพนัน แต่สามารถทำให้รายได้หายไปในพริบตา เพราะการพนันออนไลน์ในหลายล้านเว็บไซต์จากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งปรากฏเป็นข่าวอยู่เนืองๆ ว่า ประชาชนและเยาวชนจำนวนหนึ่งต้องตกเป็นเหยื่อของการพนันออนไลน์ ซึ่งจำเป็นจะต้องหามาตรการป้องกัน เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ

ในส่วนของกฎหมายที่ควบคุมดูแลเกี่ยวกับการพนันโดยตรงก็คือ พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมล่าสุด พ.ศ. 2505 นั้น ได้ล้าสมัยและไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยี รวมทั้งยังไม่มีบทบัญญัติที่เหมาะสมในการแบ่งปันผลประโยชน์หรือจัดเก็บภาษีให้กับประเทศและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และขณะนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด- 19 ซึ่งรัฐบาลได้มีการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินเพื่อนำมาดูแลประชาชนให้ผ่านพ้นวิกฤติดังกล่าว ซึ่งภายหลังจากสถานการณ์ผ่านพ้นไป ก็จะต้องหาวิธีการนำเงินมาชดใช้คืน เพื่อรักษาสมดุลทางการเงินของประเทศ ดังนั้น วิธีการเปิดสถานบริการในรูปแบบ Entertainment Complex ที่ภาครัฐเข้าไปควบคุมดูแลเหมือนกับในหลายๆ ประเทศนั้น ก็ถือเป็นอีกวิธีการหนึ่งในการหารายได้เข้าประเทศ ในสถานการณ์ที่ต้องการหารายได้อย่างรวดเร็วในการฟื้นฟูประเทศจากสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งจะได้มีการหารือกันในชั้น กมธ.ต่อไป


“ผมมีข้อเสนอเกี่ยวกับเรื่องการบริหารจัดการเรื่องการพนัน โดยผมคิดว่า ในขั้นแรกจะต้องมีการควบคุมกำกับดูแลโดยหน่วยงานของรัฐ ซึ่งอาจจะใช้หน่วยงานที่มีอยู่แล้ว เช่น กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในการวางกฎเกณฑ์และวิธีการขอใบอนุญาตการเล่นการพนัน โดยให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและเทคโนโลยีในปัจจุบัน กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ก็สามารถวางพิกัดอัตราภาษีได้ เพราะสถานบริการแบบ Entertainment Complex นั้น เข้าข่ายเป็นบริการที่มีความฟุ่มเฟือย และสร้างผลกระทบต่อศีลธรรมอันดีและความสงบเรียบร้อยของประชาชน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) จะต้องมีมาตรการและวางหลักเกณฑ์ในการเปิดเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการพนัน หรือควบคุมไม่ให้มีการส่งลิงก์ที่เกี่ยวข้องในช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อสร้างความเดือดร้อนรำคาญต่อประชาชน ต่อมาจะต้องกำหนดสัดส่วนการลงทุนในการจัดสร้างสถานที่ที่เหมาะสมในการเกิดสถานบริการรูปแบบดังกล่าว โดยอาจจะให้ภาคเอกชนเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด และแบ่งสัดส่วนผลประโยชน์ตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับเป็นสำคัญ อย่างเช่น ผลกำไรจากการประกอบกิจการ จะต้องแบ่งออกเป็นผลประโยชน์เข้าภาครัฐเป็นจำนวนร้อยละ 49 และสัดส่วนร้อยละ 51 เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ จากนั้นจะต้องกำหนดคุณสมบัติสำหรับผู้เข้าใช้บริการ โดยพื้นฐานจะมีการจำกัดอายุผู้เล่น กำหนดรายได้ที่เหมาะสม จำกัดเวลาการเล่น รวมทั้งวางกฎระเบียบเพื่อควบคุมไม่ให้มีเหตุการณ์ร้ายแรง หากเข้าไปใช้บริการ ทั้งนี้ ผมอยากให้มีการทดลองในพื้นที่ที่มีศักยภาพความเป็นเมืองและการท่องเที่ยวสูง โดยอาจจะแบ่งเป็นภาคละ 3 แห่ง และมีการประเมินกิจการในทุกๆ 3 เดือน ในส่วนของการพนันที่เกี่ยวข้องกับวิถีชาวบ้านและงานมหรสพต่างๆ นั้น ก็จะต้องมีการกำหนดให้ชัดเจนถึงกฎเกณฑ์ในการขอใบอนุญาต รูปแบบการเล่น และจำนวนคนที่เข้าร่วม ซึ่งผมคิดว่า การตั้ง Entertainment Complex ภายในประเทศไทยนั้น ถือว่าเป็นการลดปัญหาการนำเงินไหลออกนอกประเทศ และเป็นการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยว ร้านอาหาร และโรงแรมที่พัก ให้กลับมาคึกคัก และมีเงินหมุนเวียนภายในประเทศอีกเป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้จะต้องฟังเสียงประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย และเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงอีกด้วย” นายชัยชนะ กล่าว

นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการตั้ง กมธ.วิสามัญในเรื่องดังกล่าวนี้ ก็มีเสียงสะท้อนอย่างหลากหลาย โดยแต่ละฝ่ายมีความคิดเห็นที่ตั้งอยู่บนความปรารถนาดีของประเทศ ทั้งฝ่ายสนับสนุนที่ต้องการเอาสิ่งที่ผิดกฎหมายและศีลธรรม นำมาเป็นผลประโยชน์ให้กับประเทศ เหมือนกับสลากกินแบ่งรัฐบาล และฝ่ายคัดค้านที่มองว่าจะเป็นการมอมเมาและสร้างทัศนคติที่ไม่ดีต่อการดำรงชีวิตของประชาชน ดังนั้น การทำงานของคณะ กมธ.วิสามัญคณะนี้ จึงจะต้องมีความละเอียดรอบคอบในการทำงาน โดยจำเป็นจะต้องมีการเชิญแต่ละฝ่ายมาให้ข้อมูลและข้อคิดเห็นว่าจะเดินหน้ากันอย่างไร เพราะจะต้องมีการชั่งน้ำหนักถึงข้อดี ข้อเสีย และผลกระทบ หากมีการดำเนินการเปิด Entertainment Complex ไปแล้ว โดยท้ายที่สุด หากจำเป็นจะต้องตัดสินใจจริงๆ แล้ว ตนก็เห็นว่ากรณีแบบนี้ ถือว่าเข้าข่ายตามมาตรา 166 ของรัฐธรรมนูญฯ และมาตรา 9 วรรคสอง (4) ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 ซึ่งจะต้องให้ประชาชนทั้งประเทศตัดสินใจว่า จะให้มีการเกิด Entertainment Complex หรือไม่อีกด้วย. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็คความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]

คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำ ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัว

มุกดาหาร 13 ส.ค.- คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 26 ปี คดีน้องชมพู่ จากกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาเพิ่มโทษให้จำคุก “ลุงพล” 26 ปี ฐานเจตนาฆ่าเด็ก พรากผู้เยาว์ และอำพรางศพ ขณะที่ “ป้าแต๋น” พิพากษายืนยกฟ้อง ในคดีฆาตกรรม น้องชมพู่ ทั้งนี้ภายหลัง ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “ลุงพล” ได้ยื่นขอประกันตัว โดยศาลจังหวัดมุกดาหาร เสนอไปยังศาลฎีกา ล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลฎีกายังไม่มีคำตอบลงมาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ทำให้ “ลุงพล” ถูกคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา ย้อนไปคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภาย ในหมู่บ้านกกกอก ทำให้ชาวบ้านมากกว่า 200 ชีวิต รวมถึง ตัวลุงพล ช่วยกันออกตามหา […]