fbpx

อัยการยัน กมธ.ผลคำนวณความเร็วรถไม่อยู่ในสำนวน

รัฐสภา 5 ส.ค.-“เนตร นาคสุข” ไม่มาชี้แจงกรรมาธิการฯ คดีไม่สั่งฟ้อง “บอส” ด้าน “ประยุทธ” ยันความเห็นผลคำนวณความเร็ว “สธน” ไม่อยู่ในสำนวน ส่วน “สายประสิทธิ์” อ้างคลิปเก่า เป็นมุมเฉียง ไม่การันตีผลคำนวณ


คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ที่สั่งไม่ฟ้องในคดีของนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา และคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำคดีนี้ของฝ่ายอัยการ นำโดย นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม นายประยุทธ เพชรคุณ และ นายฤชา ไกรฤกษ์อธิบดีอัยการ เจ้าของสำนวน รวมทั้งนายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือที่ตรวจวัดความเร็วรถของนายวรยุทธได้กว่า 76 กม./ ชม. มาชี้แจงข้อเท็จจริงการทำคดี ซึ่งวันนี้(5 ส.ค.) นายเนตร นาคสุข ไม่มาชี้แจง

นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา ชี้แจงว่า การสั่งไม่ฟ้องของนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุดครั้งนี้มีอำนาจตามกฎหมาย ซึ่งเหตุผลที่สั่งไม่ฟ้องเป็นไปตามพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งนายวรยุทธร้องขอความเป็นธรรมอยู่หลายครั้ง รวมถึงร้องต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ทำให้มีพยานยืนยันสอดคล้องตรงกันว่าความเร็วรถของนายวรยุทธไม่ถึง 80 กม./ชม. รวมทั้งนายจารุชาติ มาดทอง โดยเฉพาะผลการคำนวณของนายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้า พระนครเหนือ ประกอบกับตำรวจพิสูจน์หลักฐานที่ตรวจวัดความเร็วครั้งแรกว่า 177 กม./ชม. ยอมรับในการสอบสวนเพิ่มเติมว่าการตรวจวัดความเร็วคลาดเคลื่อน และยืนยันว่าความเห็นของนายสธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ร่วมคำนวณความเร็วในที่เกิดเหตุและระบุความเร็วที่ 177/ชม. ไม่มีอยู่ในสำนวนอย่างแน่นอน เพราะหากมี อัยการไม่มีเหตุผลที่จะไม่สั่งฟ้อง


ด้านนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม กล่าวว่า จากการตรวจสำนวนทั้งหมดตามข้อเท็จจริงอัยการเชื่อว่าที่ว่าเมื่อรถชนแล้วลากศพไป 200 เมตร นั้นไม่เป็นความจริง แต่ศพกระเด็นบนรถ แล้วรถยังไปต่อก่อนรถจะล้มลง ส่วนข้อมูลความเร็ว 177 กม./ชม. แต่แรกนั้นไม่มีผลการคำนวณยืนยัน เป็นเพียงเอกสารแผ่นเดียว ส่วนข้อเสนอจากการพิจารณาของกรรมาธิการ สนช.ยอมรับว่าอัยการต้องรับฟังเพราะถือเป็นผู้แทนของประชาชน

ส่วนพล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่มีคำสั่งฟ้องนายวรยุทธ กล่าวว่า คำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนดกรอบเวลาทำงาน 15 วัน ซึ่งภายในสัปดาห์หน้าจะครบกำหนด ทางคณะกรรมการจะรวบรวมข้อเท็จจริงในส่วนของตำรวจ โดยวางกรอบการทำงานไว้แล้ว รวมถึงขั้นตอนที่ไม่เห็นแย้งของผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรณีอัยการไม่ฟ้องคดีนี้ด้วย ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างการตรวจสอบและอยู่ระหว่างการสอบสวน ดังนั้น ภายในสัปดาห์หน้าน่าจะสามารถชี้แจงให้ประชาชนผู้เกี่ยวข้องรับทราบ

นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ซึ่งตรวจวัดความเร็วรถของนายวรยุทธได้กว่า 76 กม./ ชม. กล่าวว่า เป็นการคำนวณตามหลักการทางวิชาการ โดยวิเคราะห์จากภาพที่เกิดขึ้น ตรวจสอบความเร็วจากหน้าปัดนาฬิกาที่โชว์บนคลิป และใช้สูตรปกติคือระยะทางหาด้วยเวลา แต่ภาพที่ได้มาเป็นลักษณะมุมเฉียงและเกิดขึ้นหลายปี ที่สำคัญการคำนวณความเร็วจากภาพไม่ได้ยืนยันความเร็วที่เกิดขึ้นจริง แต่อยู่บนสมมติฐานและความเร็วการถ่ายภาพเฟรม 25 เฟรม ซึ่งไม่ได้ยืนยันความเร็วของรถที่แท้จริง ทั้งนี้ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ เวลาคำนวณการใช้ถุงลมนิรภัยจะใช้กล้องความเร็วสูงประมาณ 500 เฟรมต่อวินาที ดังนั้น สมมติฐานที่เกิดขึ้นเป็นการทำตามหลักการ ส่วนจะใช่หรือไม่ ขึ้นอยู่ดุลพินิจของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ


นายสายประสิทธิ์ ยอมรับว่า ใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพจากสภาวิศวกรรมหมดอายุตั้งแต่ปี 2559 และไม่ได้ต่ออายุ เนื่องจากเห็นว่า มีขั้นตอนยุ่งยากและต้องเสียค่าใช้จ่าย อีกทั้งตนไม่ได้ใช้ในวิชาชีพอาจารย์ ซึ่งนายสิระ เจนจาคะ คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ตั้งคำถามว่าความเห็นของนายสายประสิทธิ์ที่คำนวณระยะความเร็วของรถนายวรยุทธ นำไปใช้อ้างอิงได้หรือไม่ หากทำไม่ได้จะต้องรับผิดชอบ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Made in Thailand แดนไทยเท่ : เสน่ห์ผ้าทอชาวเขา สู่แบรนด์แฟชั่นชั้นนำของเชียงใหม่

ผ้าทอชาวเขาและเครื่องแต่งกายชนเผ่าต่างๆ ของไทยที่มีลวดลายสวยงามแปลกตาไม่เหมือนใคร ทำให้ดีไซเนอร์ชาวเชียงใหม่ นำมาออกแบบตัดเย็บ กลายเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นที่ทันสมัย

ศาลปกครองอุบลราชธานี ไม่รับฟ้องกรณีนักศึกษาไม่ได้รับเงิน

กรุงเทพฯ 3 พ.ค.-ศาลปกครองอุบลราชธานี ไม่รับฟ้อง กรณีนักศึกษา ไม่ได้รับเงิน ยืนยันโอนเงินให้เแล้ว 

พายุฤดูร้อนถล่ม 31 จังหวัด ฝนฟ้าคะนอง-ลมแรง

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 5 ฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง วันนี้ (3 พ.ค.) ได้รับผลกระทบ 31 จังหวัด ในภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยประเทศไทยมีพายุฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง

กรุงเทพฯ 7 พ.ค. – กรมอุตุฯ เผยบริเวณประเทศไทยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง 30%

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า แนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และด้านตะวันออกของภาคเหนือและภาคกลาง ขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่อาจจะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย

สำหรับลมตะวันตกเฉียงเหนือและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนชาวเรือควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 8-10 พ.ค. 67 แนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้ยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง รวมทั้งมีฝนตกหนักบางพื้นที่

กรุงเทพฯ และปริมณฑล อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 27-30 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

จ่อหมายจับเพิ่มอีก 3 คน ผู้ร่วมขบวนการรีดทรัพย์ชาวจีน

เร่งล่าตัว “จ่าแจ๊ค” แก๊งตำรวจอุ้มรีดทรัพย์นักธุรกิจจีน และชาวจีนที่หลบหนี พร้อมจ่อหมายจับเพิ่มผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน

เปิดโกดังข้าวโครงการรับจำนำ เล็งประมูลสัปดาห์หน้า

“ภูมิธรรม” พาสื่อเปิดโกดังข้าวโครงการรับจำนำรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พิสูจน์ข้าว 10 ปี ยังกินได้ เป็นที่ต้องการแถบแอฟริกา พร้อมจัดเมนูพิเศษตามคำขอ ข้าวกะเพราไข่เจียว ให้ผู้สังเกตการณ์ทดสอบ เล็งเปิดประมูลสัปดาห์หน้า

นายกฯ ปัดแนวคิดแก้ พ.ร.บ. ลดอำนาจผู้ว่าฯ ธปท.

นายกฯ ยันเสียงแข็ง ไม่เคยคิดปลดผู้ว่าฯ ธปท. ยังไงท่านก็ยังอยู่ตรงนี้ รับเห็นต่างเรื่องลดดอกเบี้ย มองเป็นเรื่องธรรมดา โนคอมเมนต์ #saveผู้ว่าแบงก์ชาติ ย้ำชัดไม่เคยมีแนวคิดแก้ พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย