รัฐสภา 17 ส.ค.-“พริษฐ์” ซัดรัฐบาลจัดงบ 66 เพื่อประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าประชาชน ยกกรณีซ่อมถนน-แหล่งน้ำ เอื้อ 2 พรรค “จิรายุ” ชี้ ทำงบฯ แบบทิ้งทวน
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท วาระสอง เป็นวันแรก เข้าสู่การพิจารณามาตรา 4 ว่าด้วยภาพรวมของงบประมาณ ที่กำหนดไว้เป็นวงเงินจำนวน 3.185 ล้านล้านบาท กมธ.และส.ส. อภิปรายขอปรับลดงบประมาณ พร้อมตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เป็นการจัดสรรงบประมาณที่มุ่งตอบโจทย์และผลประโยชน์ทางการเมือง โดยจัดสรรงบแบบกระจุกให้เฉพาะพื้นที่ เฉพาะจังหวัดที่มีรัฐมนตรี และส.ส.ของพรรครัฐบาลเท่านั้น
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สมาชิกพรรคก้าวไกล ในฐานะกมธ.ฯ อภิปรายให้ปรับลดงบประมาณ 5% พร้อมให้เหตุผลว่า งบประมาณ 3.185 ล้านล้านบาท พบว่าปัญหาใหญ่ คือ การใช้เงินผิดจุด ไม่ตอบโจทย์ ไม่จำเป็นและไม่เป็นธรรม เพราะตั้งงบประมาณที่ไม่ตอบโจทย์ภาพกว้าง ภาพใหญ่ ภาพไกล และภาพรวม โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณไม่มองภาพกว้างของคนทั้งประเทศ ผ่านการจัดสรรงบประมาณไปสู่โครงการต่างๆ อย่างเป็นธรรม เช่น โครงการถนนและโครงการน้ำกว่า 50% ของงบลงทุน พบว่างบกระจุกตัวบางจังหวัด งบซ่อมถนนของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท 7 จังหวัดที่ได้งบสูงสุด มียอดรวมถึง 25%ของงบทั้งประเทศ ขณะที่งบน้ำพบว่า 7 จังหวัดที่ได้งบสูงสุด มียอดรวม 36% ของงบทั้งประเทศ
“สำหรับงบซ่อมถนนนั้น แม้ว่าพรรคต้นสังกัดของรมว.คมนาคม จะมีส.ส.เขต 34% ของทุกจังหวัด แต่เมื่อดูใน 7 จังหวัดที่ได้งบสูงสุด มีส.ส.เขตที่คิดเป็น 100% ขณะที่งบปรับปรุงแหล่งน้ำนั้น แม้พรรคต้นสังกัดของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีส.ส.เขต 21% ของทุกจังหวัดทั่วประเทศ แต่เฉพาะ 7 จังหวัดที่ได้งบสูงสุด มีส.ส.เขต 43% มีคำถามว่ารัฐบาลจัดสรรงบประมาณคำนึงถึงความเดือดร้อนอย่างเป็นธรรม หรือจัดสรรงบบนพื้นฐานของผลประโยชน์ทางการเมือง ทั้งนี้การจัดสรรงบทำแบบเบี้ยหัวแตก จัดสรรงบให้โครงการเล็กๆ ที่ได้ทำมากกว่าทำแล้วแก้ปัญหา โดย 70% เป็นโครงการที่ใช้เงินลงทุนน้อยกว่า 100 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังพบว่าเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น เพิ่มหนี้สาธารณะและไม่คำนึงถึงปัญหาในอนาคต เช่น การเพิ่มเงินประกันสังคมให้ 1.6% ทั้งที่จะมีผู้ประกันตนเพิ่ม 3.6%” นายพริษฐ์ กล่าว
ขณะที่พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ อภิปรายให้ปรับลดงบประมาณ เนื่องจากพบว่ามีการจัดสรรงบที่กระจุกตัวในพื้นที่ที่รัฐมนตรีของรัฐบาล และส.ส.ในสังกัดรัฐบาลเท่านั้น ส่วนพื้นที่ที่ไม่มีส.ส.อยู่ตามยถากรรม
ส่วนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายพร้อมเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออกจากตำแหน่ง ก่อนถึงวันครบวาระ 8 ปีที่ดำรงตำแหน่ง ในวันที่ 24 สิงหาคม เพราะที่ผ่านมาสร้างความเสียหายให้ประเทศ และเป็นรัฐบาลที่ก่อหนี้สูงสุด ส่วนรัฐบาลที่จะมาบริหารราชการแผ่นดินต่อ เป็นความน่าสงสาร เพราะต้องกู้เงินเพื่อมาชดใช้หนี้ของคณะรัฐประหาร
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ขอเสนอตัดงบประมาณแผ่นดิน 29% เพราะไม่ต้องการให้ไปกู้หนี้เพิ่ม เพราะสภาพรัฐบาลขณะนี้อยู่ในภาวะบักโกรก ไส้แห้ง ตูดขาด เตรียมตัวเก็บกระดูกลอยอังคารเศรษฐกิจไทย แต่เมื่อดูการจัดงบรายจ่ายปี2566 ไม่เคยเห็นอะไรน่าเกลียดเท่านี้มาก่อน เป็นการจัดงบแบบทิ้งทวน เทกระจาด อาทิ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดงบกระจุกตัวเป็นว่าเล่น อาทิ งบปรับปรังแหล่งน้ำ กรมชลประทาน ไปลงที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ มากเป็นพิเศษ หรือกรมการข้าว เดิมเคยได้งบต่อปีที่ 3,000 ล้านบาท แต่ปีนี้พุ่งไปที่ 17,000ล้านบาท แต่ข้าวไทยกลับสู้เวียดนามไม่ได้
“ขณะที่ภารกิจของแต่ละกรมมีหน้าที่ซ้ำซ้อนกัน เช่น กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ทำเรื่องน้ำทั้งคู่ กระทรวงพาณิชย์มีทั้งกรมการค้าต่างประเทศ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ 3กรม มีภารกิจคล้ายกันเรื่องเจรจาการค้ากับต่างประเทศ หากเป็นเช่นนี้จะปฏิรูปไปเพื่ออะไร” นายจิรายุ กล่าว-สำนักข่าวไทย