ทัพเพื่อไทยบุกเชียงราย จัดปราศรัยหาเสียง

เชียงราย 7 ส.ค.- “แพทองธาร” นำทัพพรรคเพื่อไทย จัดปราศรัยหาเสียง จ.เชียงราย พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สู้ศึกเลือกตั้ง


ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS เชียงราย ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย พรรคเพื่อไทยจัดปราศรัยหาเสียงและเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.เชียงราย โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำว่าที่ผู้สมัครเข้าร่วม โดยมีมวลชนเดินทางไปรับฟังประมาณ 4,000 คน จนล้นสถานที่ปราศรัย ขณะที่ในปัจจุบัน จ.เชียงราย มี ส.ส.จำนวน 7 คน โดยมาจากพรรคเพื่อไทย 6 คนและพรรคก้าวไกล 2 คน ส่วนสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กำหนดจำนวน ส.ส.เพื่อการเลือกตั้งปี 2566 สำหรับ จ.เชียงราย ที่จำนวน 8 คน

โดยบนเวทีมี ส.ส.จากเขต 2 คือนายวิสิษฐ์ เตชะธีราวัฒน์ เขต 3 นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ เขต 4 นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน เขต 5 นายรังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ เขต 7 น.ส.ละออง ติยะไพรัช และมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครคนใหม่คือนายธนรัช จงสุทธานามณี บุตรชายของนายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย และนางรัตนา จงสุทธนามณี อดีตนักการเมืองชื่อดังโดยนายธนรัชจะลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตที่ 1 นายวิกรม เตชะธีราวัฒน์ บุตรชายของนายวิสิษฐ์ซึ่งจะลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตที่ 2 แทนบิดา น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ อดีต ส.ส.เชียงราย เขต 3 บุตรสาวของนายวิสารซึ่งจะกลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเดิมแทนบิดา นายอิทธิเดช แก้วหลวง อดีต ส.ส.เขต 6 ซึ่งจะลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเดิม นอกจากนี้ยังมีนายมงคลชัย ดวงแสงทอง อดีตประธานสภาอุตสาหกรรม จ.เชียราย และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จ.เชียงราย ที่จะลงรับสมัครแบบบัญชีรายชื่อ แต่ยังไม่มีการประกาศตัวว่าที่ผู้สมัครในเขตที่ 8


สำหรับเนื้อหาบนเวทีส่วนใหญ่ว่าที่ผู้สมัครมีการแถลงถึงแนวทางการพัฒนาของตัวเองและเรียกร้องให้ประชาชนกลับมาเลือกพรรคเพื่อไทยให้ครบทุกเขตเหมือนเดิมหรือแลนด์สไลด์ หลังจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเสียเก้าอี้ ส.ส.ให้พรรคอนาคตใหม่หรือพรรคก้าวไกลในปัจจุบันจำนวน 2 เขตเลือกตั้งคือเขตที่ 1 และเขตที่ 6 รวมทั้งโจมตีการปฏิวัติรัฐประหารปี 2557 ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา อดีต ผบ.ทบ.และนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน และระบุว่ารัฐบาลทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น

จากนั้นนายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่มีมือที่ 3 ของ จ.เชียงราย แต่จะมีมือที่ 1 คือ ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยเท่านั้น สำหรับครั้งนี้นอกจากเดินหน้าแบบคู่ขนานระหว่างพรรคและครอบครัวเพื่อไทย หากว่าไม่แลนด์สไลด์จะถูก พล.อ.ประยุทธ์ โลภเอาไปประชาชนจึงไม่ควรให้ถูกโลภไปอีกโดยให้ได้ ส.ส.จำนวน 250 คนขึ้นไป การจัดตั้งรัฐบาลก็ง่ายและ ส.ว.ก็ไม่กล้าคัดค้าน หรือถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาลก็จะทำให้สภาผู้แทนราษฎรเปิดประชุมกันไม่ได้แล้วจะเกิดโกลาหลขึ้นแน่นอน

นายธนรัช หรือ “ต้นน้ำ” กล่าวว่าที่ผ่านมาภาพยนตร์จากต่างประเทศถือว่ามีอิทธิพลต่อสังคมไทยเราอย่างมาก ต่อมาช่วง 10 ปีหลังมานี้ก็ปรากฏซีรีส์เกาหลีมากขึ้น ตนจึงมีแนวคิดว่าประเทศไทยเราก็สามารถทำได้และพรรคเพื่อไทยเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพ ตนจึงเสนอให้มีการจัดตั้งเขตเศรษฐพิเศษภาพยนต์ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย เพราะมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมีต้นทุนที่ดีอยู่แล้ว จึงพร้อมรับนักท่องเที่ยว กองถ่ายทำภาพยนตร์ รวมทั้งยังมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง แม้ไม่ง่ายในการพัฒนาเรื่องนี้แต่ก็ต้องเตรียมการ เพราะที่ผ่านมาการจะขออนุญาตถ่ายทำภาพยนต์ในบางพื้นที่ต้องขออนุญาตจากหลายหน่วยงาน หากเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว ก็จะผลักดันให้การขออนุญาตทำได้จุดเดียวหรือวันสตอปเซอร์วิส มีการยกเว้นภาษีสำหรับบริษัทภาพยนต์ที่ไปสร้างสำนักงานใหญ่ในพื้นที่ซึ่งจะสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ให้คนไทยเราได้อีกด้วย


นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าปัจจุบันพรรคการเมืองต่างๆ ลงพื้นที่พบประชาชนส่วนรัฐบาลจะแจกจะทำอย่างไรไม่มีใครสนใจ ล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไปลงพื้นที่ จ.หนองคาย ประกาศจะล้มเพื่อไทยแต่พวกเรากลัวว่า พล.อ.ประวิตร จะล้มเสียก่อนมากกว่า ขณะที่ประเทศเรากลับมาประสบปัญหายาเสพติดและยังมีความยากจน รัฐบาลชุดนี้เอาแต่คบกับรัฐบาลทหารเมียนมา สำหรับ จ.เชียงราย ถือว่ามีศักยภาพทุกอย่างดีหมดเสียเพียงมีนายกรัฐมนตรีชื่อ พล.อ.ประยุทธ เท่านั้น ดังนั้นทางเดียวที่จะรอดคือต้องเลือกพรรคเพื่อไทยเท่านั้น

ด้าน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่าตนเพิ่งเดินทางไปเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร บิดาของตนและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาของตนมา ซึ่งทั้ง 2 ท่านได้ฝากความคิดถึงมาถึงชาวเชียงราย และบิดาของตนตั้งใจมากว่าหากได้กลับประเทศไทยอยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันและไม่เป็นศัตรูกันเพราะประชาชนกำลังประสบปัญหาใหญ่คือเศรษฐกิจที่กำลังถาโถมเข้ามา จึงต้องก้าวไปข้างหน้าเพื่อให้ประชาชนพ้นจากความทุกข์ยาก ทั้งนี้ในการเลือกตั้งนั้นเมื่อแล้วเสร็จแล้วย่อมมีฝ่ายชนะและแพ้แต่หลังจากนั้นควรกลับมาจับมือกันได้ ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยพร้อมรับการเลือกตั้งแม้จะมีการเปลี่ยนกฎกติกาอย่างไรก็ตามเนื่องจากมีคำตอบให้กับประชาชนทั้งประเทศ

น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่าปัจจุบันอำนาจอยู่ในมือของผู้ที่ไม่มีวิสัยทัศน์ และมีระบบราชการที่ไม่ตอบโจทย์ของประชาชน หากได้เป็นรัฐบาลจะมีการแก้ไขและให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน เข้าถึงแหล่งหากินใหม่ๆ ทันกับโลก ให้คนทุกรุ่นทุกวัยสามารถหารายได้ได้ด้วยตัวเอง และจะมีการส่งรัฐมนตรีไปทำงานกับผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัด มีการให้ปราชญ์ผู้รู้เข้ามามีส่วนร่วม สำหรับ จ.เชียงราย มีศักยภาพของชายแดนและกำลังพัฒายุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถูกปฏิวัติเสียก่อน

“ดิฉันได้ไปเยี่ยมคุณพ่อที่ดูไบมา ท่านมักจะเล่าเสมอว่าดูไบในอดีตไม่เคยมีอะไรเลย 50 ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้เขาเป็นประเทศที่มีทุกอย่าง และเป็นหนึ่งในประเทศที่คนอยากไปเที่ยวและลงทุน แล้วเชียงรายของเราล่ะจะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด” น.ส.แพทองธาร กล่าวและว่าอีก 6 เดือนหลังจากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลตนจะกลับมาร่วมกันระดมความคิดให้ จ.เชียงราย เป็นเมืองที่พัฒนาต่อไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย