นายกฯ ร่ายยาวแจงแก้ปัญหาเศรษฐกิจ วิกฤติพลังงาน ยันไทยไม่เป็นเหมือนศรีลังกา

รัฐสภา 21 ก.ค.-นายกฯ ร่ายยาวชี้แจงแก้ปัญหาเศรษฐกิจ วิกฤติพลังงาน ยันไทยไม่เป็นเหมือนศรีลังกา เร่งฟื้นการท่องเที่ยว ไม่มีเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน ขออย่าสร้างเรื่องอื่นมาขัดแย้งกันอีก เตือนจะยิ่งหนักกว่าโควิด


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงภายหลังสมาชิกฝ่ายค้านได้อภิปรายไม่ไว้วางใจในหลายประเด็น โดยในเรื่องการเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าเข้ามาตามกระบวนการของสภาฯ และมีพรรคการเมืองเสนอชื่อตามขั้นตอน ส่วนอนาคตกติกาจะว่าอย่างไรก็ว่ากันต่อไป ตนเองไม่ขอก้าวล่วงในทางการเมือง ไม่สามารถไปสั่งการทางการเมืองได้ ไม่ว่าจะพรรคไหนก็ตาม ถือเป็นความเห็นร่วมกันและเป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่ฟังมาตั้งแต่วันแรกคือการกล่าวหาว่า เศรษฐกิจพังพินาศ ไม่สามารถสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และอยู่รั้งท้ายในภูมิภาค โดยยืนยันว่าประเทศไทยไม่ได้ป่วยรั้งท้ายของภูมิภาค ดูจากจีดีพีของไทยถือว่ามีจีดีพีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของอาเซียน แม้ไทยจะได้รับผลกระทบจากโควิด แต่เศรษฐกิจก็ยังคงเดินหน้าได้ และหลังจากโควิด-19 จีดีพีได้ฟื้นกลับมาเป็นบวกและเติบโตขึ้นมา ซึ่งในปีหน้ามีแนวโน้มขยายตัวได้สูงขึ้นถึงร้อยละ 3.3


นายกรัฐมนตรียืนยันประเทศไทยไม่เกิดเหตุเหมือนเช่นประเทศศรีลังกาอย่างแน่นอน เศรษฐกิจของไทยยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ยืนยันมีเงินสำรองระหว่างประเทศในระดับที่สูงและมีหนี้ต่างประเทศต่ำ อัตราเงินเฟ้อในปีหน้าคาดว่าจะปรับตัวลดลง ไทยได้เตรียมความพร้อมเพื่อให้นักลงทุนย้ายฐานการผลิต ซึ่งมีนักลงทุนได้ย้ายฐานการผลิตเข้ามาและเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างประเทศ สะท้อนจากยอดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 จากปี 2564 และตัวเลขขอรับการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอดีขึ้น โดยมีมูลค่ากว่า 219 ล้านบาท จาก 784 โครงการซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนโควิด แสดงให้เห็นว่าไทยยังมีศักยภาพอยู่ในการลงทุนจากต่างประเทศ แม้ว่าเราจะยังมีความยากลำบากในขณะนี้ รัฐบาลได้เตรียมการว่าจะอยู่อย่างไรในอนาคต ซึ่งได้มีการวางแผนโครงการไว้แล้ว แต่คาดว่าจะได้รับผลตอบแทนกลับมาชดเชยในส่วนที่เราได้กู้เงินไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องพยายามฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจของเรา ทั้งเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชน ซึ่งสถิติการจดทะเบียนกิจการตั้งใหม่ ในเดือนเมษายน 2565 เพิ่มขึ้นจากปี 2564 กว่า 700% สอดคล้องกับที่เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ในเดือนพฤษภาคม 2565 เพิ่มขึ้น 6.3% จากปีก่อน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ฝ่ายค้านระบุว่าการท่องเที่ยวของไทยล่มจมเข้าขั้นวิกฤติ มูลค่าลดลงจาก 3 ล้านล้านบาท เหลือ 0.33 ล้านล้านบาทนั้น เป็นเพราะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และจากนี้ไปรัฐบาลได้มีการวางแผนและเตรียมการเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยว พร้อมระบุถึงการจัดหาวัคซีน การล็อกดาวน์ในช่วงที่มีโควิด-19 ดังนั้นจากนี้ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ขอให้นึกถึงเรื่องในอดีตด้วย ที่กว่าจะมาถึงวันนี้ จึงอยากให้นำปัญหามาแก้ไข ไม่ใช่มาทะเลาะขัดแย้งกัน และขณะนี้ไทยได้เปิดการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบแล้ว ซึ่งในปี 2565 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยว 2-3 ล้านคน แต่จากสถานการณ์ตอนนี้อาจจะทำได้ถึง 7-10 ล้านคน


ส่วนที่ระบุว่าไทยมีการเรียกเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน นายกรัฐมนตรียืนยันเรื่องนี้ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ขณะนี้ยังไม่มีการเรียกเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน และเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด ซึ่งต้องศึกษาว่าเราจะจัดเก็บไปทำไม และจะนำเงินไปทำอะไร รวมถึงตนได้ให้แนวนโยบายไปว่าเราจะหาทางตั้งกองทุนเพื่อนำเงินไปช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้อย่างไร ช่วงเวลานี้ไม่ได้เป็นช่วงเวลาที่เราจะมีรายได้เข้ามาอย่างมหาศาลและเกิดความร่ำรวยได้ แต่เป็นช่วงเวลาที่จะทำอย่างไรให้ประชาชนอยู่รอดปลอดภัยจากโควิด มีสุขภาพที่ดีและนำไปสู่ความยั่งยืนที่มีรายได้เพียงพอควบคู่ไปกับเทคโนโลยีต่างๆ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วิกฤติด้านพลังงานและ ค่าของชีพที่สูงขึ้น เกิดขึ้นกับทุกประเทศในโลกนี้ ไม่ใช่เฉพาะกับไทย เป็นผลพวงจากโควิดและสงคราม ทำให้เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจทั่วโลก ไม่ว่าจะค่าเงินและเงินเฟ้อ ยืนยันไม่ใช่ข้อแก้ตัวแต่เป็นตามหลักการทางด้านเศรษฐศาสตร์

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในช่วงวิกฤติโควิด ราคาเคยลดลงต่ำในช่วงปี 2563 ในช่วงที่มีการปิดประเทศ แต่เมื่อเปิดประเทศและเกิดสงครามราคาก็กลับมาพุ่งสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนน้ำมันของไทยที่ต้องนำเข้าสูงขึ้น ยืนยันรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอะไรที่ทำได้ ก็ทำให้ แต่อะไรที่ยังมีความเสี่ยงก็ต้องค่อยๆ ทำไป ส่วนปัญหาเงินเฟ้อของไทยธนาคารแห่งประเทศไทยก็กำลังดูอยู่ ไทยเดินหน้าให้เกิดความสมดุลระหว่างสุขภาพและเศรษฐกิจ ยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ใช้มาตรการควบคุมเท่าที่จำเป็น และไม่ได้ใช้เรื่องนี้ มาเพื่อควบคุมการชุมนุมแต่อย่างใด เพียงแต่ไม่ต้องการให้มีการแพร่ระบาดของโควิด เพราะจะทำให้เกิดปัญหาตามมา

“สังคมไทยก็บ่นกันว่าตึงเครียดเหลือเกิน ถูกบังคับ แต่อย่าลืมว่า เราก็ไม่ตาย เราก็เจ็บน้อยและตายน้อยกว่าคนอื่น ผมเสียใจไม่ว่าจะมีคนป่วยคนเจ็บและคนตาย เพราะทุกคนคือคนไทย ในห้องนี้ทุกคนก็เป็นคนไทย และผมจะไปทำลายท่านได้อย่างไร จะเกลียดท่านได้อย่างไร และทำทุกอย่างก็นึกถึงประเทศทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจะผิดจะถูก ผมก็รับในสิ่งที่ท่านพูดมา เพื่อจะไปแก้ไขปรับปรุงตรวจสอบให้ดีขึ้น ก็แค่นั้น ระบบการทำงานก็เป็นแบบนั้น แล้วเราต้องรักษาทางสายกลาง ความสมดุลให้ได้ ทำอย่างไรจะไม่เครียด และจะไม่สร้างปัญหาอื่นขึ้นมา เพราะมีทั้งเรื่องโควิด เศรษฐกิจอยู่แล้ว และจะไปขัดแย้งในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องอีก มันไม่สมควร ผมว่ามันจะยิ่งหนักไปอีก จะหนักยิ่งกว่าโควิด ผมเตือนไว้ก่อน ผมไม่อยากจะเจอสภาพนั้น ไม่อยากเป็นรัฐบาลที่มาแก้ไขปัญหาแบบนั้นอีก สังคมต้องไม่เครียดจนเกินไป กิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงก็ต้องควบคุม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงถึงโครงการก่อสร้างด้านคมนาคม ที่รัฐบาลได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา อย่าง รถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟฟ้ารางคู่ ที่ฝ่ายค้านระบุว่า เป็นโครงการซ้ำซ้อน โดยยืนยันว่าไม่ได้ทำพร้อมกันทั้งหมด เป็นเพียงแผนงาน ตามเม็ดเงินและช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่บอกว่าทำซ้ำซ้อน ก็เห็นว่าท่านก็ยังใช้ที่ตนทำมาทั้งหมด แต่ถ้าหากเห็นว่าสิ้นเปลือง ก็อย่าใช้ ให้คนอื่นใช้ เพราะคนที่พอใจมีอีกมาก และขออย่ากังวล เพราะรัฐบาลไม่เคยผิดการชำระหนี้แม้แต่ครั้งเดียว สถานะทางการเงินยังคงแข็งแกร่ง

หลังจากนายกรัฐมนตรีใช้เวลาชี้แจงนานกว่าชั่วโมง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า นายกรัฐมนตรีตอบข้อซักถามวนเวียน แต่เข้าใจว่าข้าราชการเขียนมาให้อ่าน ทำให้นายกรัฐมนตรีตอบกลับว่า ขอให้ทนฟัง เพราะตนก็ทนฟังฝ่ายค้านมาหลายวันแล้ว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ผลักดัน “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว 7 คน กลับกัมพูชา

จันทบุรี 12 ก.ย. – ตม.ศรีสะเกษ ประสาน ตม.จันทบุรี ส่งตัว “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว รวม 7 คน กลับกัมพูชา หลังถูกกล่าวหาเป็นไส้ศึก และถูกชาวบ้านรวมตัวขับไล่ ทั้งยังพบอาศัยอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ นำตัวนางเขื่อน ชาวกัมพูชา และสมาชิกครอบครัว รวมทั้งหมด 7 คน เดินทางไปที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านแหลม จ.จันทบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รอรับตัวอยู่ก่อนแล้ว เพื่อผลักดันกลับประเทศกัมพูชา เนื่องจากที่ผ่านมา นางเขื่อน ถูกชาวบ้านในพื้นที่ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ รวมตัวกันขับไล่ หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็น “ไส้ศึก” คอยส่งข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทหารไทยให้กับฝ่ายกัมพูชา และยังพบว่าทั้งหมดอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย จึงดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายและระเบียบการต่างประเทศ เพื่อส่งตัวกลับภูมิลำเนา. – สำนักข่าวไทย

“ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – “ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ งบปี 69 เน้นเส้นเลือดฝอยคู่เส้นเลือดใหญ่ สถานการณ์น้ำตอนนี้ เตรียมรับน้ำเหนือ-พายุ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2568 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า วันนี้เป็นการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระที่สองและวาระที่สาม ซึ่งจะมีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างเข้มข้น เนื่องจากกว่า 30 วันที่ผ่านมา น่าจะได้ข้อสรุปว่าจะเพิ่มหรือลดงบประมาณอย่างไร ในจุดไหนบ้าง โดยผ่านกระบวนการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน สำหรับงบประมาณส่วนใหญ่ได้ตามที่ตั้งเสนอของบฯ ไว้ โดยจะเน้นงบประมาณลงพื้นที่เขตมากขึ้น เช่น การก่อสร้างและปรับปรุงถนน การก่อสร้างฝายถนน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเส้นเลือดฝอย รวมถึงงบประมาณที่จะพัฒนาเส้นเลือดใหญ่ เช่น ก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ การติดตั้งเซ็นเซอร์วัดการสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่จะติดตั้งบนอาคารสูงของโรงพยาบาลแห่งใหม่ ก็ได้ตามที่เสนอของบประมาณไว้ […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

เขื่อนเจ้าพระยาระบายแตะ 2,000 ลบ.ม./วินาที หน่วงน้ำเขื่อนป่าสักฯ

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – กรมชลประทานจะระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 2,000 ลบ.ม./วินาที ช่วงบ่ายวันนี้ ห่วงผลกระทบพื้นที่ด้านท้าย จึงปรับลดการระบายจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อให้น้ำเหนือระบายสู่อ่าวไทยได้มีประสิทธิภาพขึ้น ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ กรมชลประทาน ระบุว่า เช้าวันนี้ที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,101 ลบ.ม./วินาที และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเมื่อคืนที่ผ่านมากรมชลประทานได้ปรับเพิ่มการระบายจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จาก 1,900 ลบ.ม./วินาที เป็น 1,950 ลบ.ม./วินาที ทั้งนี้บริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ด้วยการหน่วงน้ำไว้ด้านเหนือ พร้อมรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งตามศักยภาพของคลอง แต่เนื่องจากปริมาณน้ำที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นดังกล่าว จะทำให้มีพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำบริเวณด้านเหนือเขื่อนที่ได้รับผลกระทบได้แก่ กรมชลประทานจำเป็นต้องทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาตั้งแต่ 10.00 น. เป็นต้นไป จากอัตรา 1,950 ลบ.ม./วินาที ให้เป็น 2,000 ลบ.ม./วินาที ภายในเวลา 15.00 น. ของวันนี้ (12 ก.ย.) และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำทางตอนบนและฝนที่ตกในระยะนี้ […]