ผบ.ทอ.เผยเมียนมาขอโทษ-ล้ำน่านฟ้า

1 ก.ค.- ผบ.ทอ.โต้คำวิจารณ์เอฟ-16 บินรักษาเขตแดนช้า ยันระบบป้องกันทางอากาศดีมาก ผู้บังคับบัญชาระดับสูงตัดสินใจที่ดี ไม่ได้วัดกันที่ความเร็ว ต้องสุขุม รอบคอบ มีเหตุผล พอเหมาะพอควรกับสถานการณ์ ยอมรับตอนแรกเดือดเหมือนกัน รับรู้ความรู้สึกคนไทย ไม่ยอมให้เกิดเหตุซ้ำ ลั่นดำเนินการขั้นเด็ดขาด หลังขึ้นสถานีเรดาร์ฟังรายงานเหตุวานนี้ เผย ทอ.เมียนมา ขอโทษแล้ว


พลอากาศเอก นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ขึ้นสถานีเรดาร์ ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ ท่ามกลางสายฝน และอากาศเย็น 13 องศาฯ โดยมี พลอากาศเอก ธนศักดิ์ เมตะนันท์ รอง ผบ.ทอ. พลอากาศเอก อลงกรณ์ วัณณรถ ผช.ผบ.ทอ.  ร่วมคณะ และ พลอากาศเอก คงศักดิ์ จันทรโสภา ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการควบคุมปฏิบัติการทางอากาศ (ผบ.คปอ.) ที่รับผิดชอบสถานีเรดาร์ทั่วประเทศ

โดยได้รับทราบรายงานการปฏิบัติหน้าที่เฝ้าตรวจชายแดน หลังจากวานนี้ (30 มิ.ย.) สถานีเรดาร์ที่นี่ก็สามารถจับความเคลื่อนไหวของเครื่องบิน Mig29 ของเมียนมา ที่ใช้อาวุธโจมตีชนกลุ่มน้อย แนวชายแดนไทย-เมียนมา และบินล้ำแดนไทย เข้ามาด้วยเช่นเดียวกับสถานีเรดาร์ที่กาญจนบุรี จึงได้รายงานไปยังศูนย์ปฏิบัติการกองทัพอากาศดอนเมือง ก่อนที่จะสั่งการให้เครื่องบินเอฟ-16 จากกองบิน 4 ตาคลี นครสวรรค์ ขึ้นทำการบินสกัดกั้น และลาดตระเวนรบทางอากาศ


จากนั้น พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้สัมภาษณ์ถึงการวิจารณ์การปฏิบัติงานของกองทัพอากาศที่ปล่อยเครื่องบินรบประเทศเมียนมา ล้ำน่านฟ้าว่า สิ่งที่เกิดขึ้น มีประชาชนและแฟนคลับแสดงความคิดเห็น และวิพากษ์วิจารณ์กันว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศดีหรือไม่ หรือเครื่องบินของ ทอ.มีไว้ใช้ในการแสดงวันเด็กหรือเปล่า หรือกระทั่งพูดว่าผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพอากาศมีวิจารณญาณในการตัดสินใจช้าเกินไปหรือไม่ ที่ท่านแสดงความเห็นก็มีส่วนถูกต้อง แต่ขอบอกว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศของเราดีมาก ไม่ใช่อย่างที่หลายคนแสดงทัศนะ เครื่องบินและนักบินของเราดี มีความรู้ มีประสบการณ์ และสุดท้ายการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชาระดับสูงก็มีการตัดสินใจที่ดี ซึ่งการตัดสินใจที่ดีไม่ได้วัดกันที่ความรวดเร็ว

“ผมจะบอกตามตรงว่า ผมก็เหมือนกับทุกท่าน ผมก็เดือดเหมือนกัน บางทีอาจจะเดือดกว่าพี่น้องประชาชนอีกด้วย สิ่งที่เราดำเนินการไปแล้ว เราได้ประสานติดต่อกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพอากาศเมียนมา เพื่อขอให้กำกับดูแล ให้การปฏิบัติการอะไรก็แล้วแต่ในเขตแดนของท่าน ขอให้อยู่ในขอบเขต อย่าได้ล่วงล้ำเข้ามา ซึ่งผมก็ได้รับทราบถึงคำขอโทษ และเหตุผล จริงเท็จอย่างไรก็ให้ว่ากันไปก่อน เขาให้เหตุผลว่า เมื่อวานช่วงนี้สภาพอากาศไม่ดีจริงๆ และเป็นการเกิดขึ้นครั้งแรก ที่ผ่านมาเขาก็ระมัดระวัง ประกอบกับภูมิประเทศ หากมองจากคนที่อยู่บนฟ้า บางทีอาจจะมองไม่เห็นว่าได้ผ่านล้ำ หรือตัดผ่านเข้ามาในบ้านของคนอื่น ซึ่งเขตแดนไทย เมียนมา ไม่ใช่สั้นๆ การข่าวของเราที่ดี เราก็รู้ล่วงหน้า แต่ไม่ว่าเราจะรู้ล่วงหน้า หรือรู้เฉพาะหน้าจากเรดาร์ เราก็ส่งเครื่องบินขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ภาพที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกร่วมกันของประชาชนชาวไทยที่ไม่ชอบ ถ้าผมเป็นเขาก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น “ พล.อ.อ.นภาเดช  กล่าว

พลอากาศเอก นภาเดช ยืนยันว่าเรามีระบบเรดาร์ตรวจจับและมีสายข่าวที่ดี สามารถรู้ได้ว่าเขาจะปฏิบัติการเมื่อใด ในพื้นที่ไหน หากรู้ล่วงหน้าก็จะส่งเครื่องบินขึ้นไปปฎิบัติการ Combat air patrol เพื่อแสดงท่าทีว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ของเรา หรือหากตรวจพบก็จะส่งเครื่องบินขึ้นไปลาดตระเวนรบรักษาเขต และ air interception


“ขอให้พี่น้องประชาชนได้เชื่อมั่นในกองทัพอากาศอย่างเช่นที่เคยเชื่อมั่นมาตลอด และโปรดไว้วางใจเรา ผมก็เป็นเหมือนทุกท่านนั่นแหละ ที่รักชาติ จึงขอให้ความเชื่อมั่นว่าเครื่องบินที่เราส่งขึ้นไป การขึ้นไปของนักบินของเรา ยังพบว่าทางโน้นยังมีความพลั้งพลาด ด้วยเจตนาจงใจหรือไม่ก็ตาม เราจะดำเนินการในขั้นเด็ดขาด แต่ต้องคำนึงถึงสถานการณ์ใหญ่ ไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ และไม่ทำให้เรื่องใหญ่ ให้ใหญ่ขึ้นไปอีก” พล.อ.อ.นภาเดช  กล่าว

เมื่อถามว่า หากมีอีกครั้งจะดำเนินการอย่างไร พลอากาศเอก นภาเดช กล่าวว่า โดยปกติการป้องกันภัยทางอากาศมี 3   ลำดับ คือ พิสูจน์ฝ่าย สกัดกั้น ทำลาย แต่เมียนมาคือเพื่อน ถ้าเพื่อนพลั้งเผลอเดินตัดสนามหน้าบ้านแล้วเราจะไปยิงเขาตายเลยก็เกินไป เพราะฉะนั้นการปฏิบัติการที่เหมาะสม จึงอยู่บนพื้นฐานเพื่อนปฏิบัติต่อเพื่อน ตนเชื่อว่าขณะนี้เขาตระหนักในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

เมื่อถามว่าในโซเชียลมีเดียได้พูดถึงเอฟ-35 หากมีประจำการในกองทัพอากาศไทย จะทำให้เมียนมาระมัดระวังการปฏิบัติการต่างๆ กว่านี้หรือไม่ พล.อ.อ.นภาเดช กล่าวว่า ถ้าเราคิดจะมีของดี ตนไม่อยากให้คนไทยขัดขากันเอง เพราะจะพลาด ดังนั้น ร่วมสนับสนุนให้ได้มาจะดีกว่า ถึงแม้จะพลาด หรือไม่ได้ ก็ขอให้เป็นขั้นตอนที่สหรัฐไม่ขายให้จะดีกว่า ไม่ใช่ไปขัดขากันไปมา  เราพลาดในการต่อสู้ในยกแรก แทนที่จะเป็นในยกสุดท้าย อยากให้คนไทยสามัคคีกันในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมือง ขออย่าโยงเรื่องเหล่านี้ เพราะไม่เกี่ยวอะไรกัน

เมื่อถามว่า ในช่วงเดือนนี้จะมีการประชุมชั้นกรรมาธิการ พิจารณางบประมาณ รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ   พล.อ.อ.นภาเดช กล่าวว่า คุณสมบัติดีเด่น และข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างเครื่องบิน Generation ที่ 5 คือ F-35 กับ เครื่องบิน Generation ยุคที่ 4 ที่กองทัพอากาศมีข้อแตกต่างดังนี้ 1.ล่องหนหายตัวได้ เปรียบเสมือนการมีผ้าคลุมวิเศษของแฮร์รี่ พอตเตอร์ คลุมแล้วไม่มีใครเห็น ระบบเรดาร์มองไม่เห็น ซึ่งคุณสมบัติตัวนี้น่าสนใจ ถ้ามีไว้ใช้งาน เราจะได้เรียนรู้เทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงมีไว้ป้องกัน เพราะประเทศใกล้บ้านเรามีแล้ว

2.การบินในท่าพิสดาร หรือขีดความสามารถบินได้หลากหลาย นำมาซึ่งยุทธวิธีและชัยชนะต่างๆ 3.มีระบบเซ็นเซอร์รอบตัว เช่น นักบินสามารถก้มมองทะลุถึงพื้นดินในขณะบินได้ 4. สามารถบินเดินทางระยะไกลด้วยความเร็วเสียง เพราะความเร็วเป็นปัจจัยสำคัญของเครื่องบินรบ และ 5.สามารถเชื่อมโยงข้อมูลในอนาคต ที่เปรียบเสมือนยานอวกาศที่มียานลูก และถูกควบคุมด้วยยานแม่ นอกจากนี้เครื่องบินใน Generation ที่ 5 สามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างเครื่องบินรบด้วยกันเองรวดเร็ว เป็นประโยชน์ก่อให้เกิดพลังอำนาจการรอบรู้มหาศาลจะส่งผลให้การดำเนินการใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวกับการรบ ทำได้ง่าย มีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จ

“การที่เรามีเครื่องบินที่มีเทคโนโลยีใหม่ ที่เราไม่เคยมีมาก่อน ทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน และนั่นจะทำให้กองทัพอากาศของท่านหลุดพ้นจากภัยคุกคาม คือ ความล้าสมัย ไปสู่ความทันสมัย นั่นคือสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องการใช่หรือไม่ ขอให้ช่วยกันร่วมจิตร่วมใจ เพื่อให้ได้มีของดีใช้” พล.อ.อ.นภาเดช กล่าว .- สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ผลักดัน “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว 7 คน กลับกัมพูชา

จันทบุรี 12 ก.ย. – ตม.ศรีสะเกษ ประสาน ตม.จันทบุรี ส่งตัว “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว รวม 7 คน กลับกัมพูชา หลังถูกกล่าวหาเป็นไส้ศึก และถูกชาวบ้านรวมตัวขับไล่ ทั้งยังพบอาศัยอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ นำตัวนางเขื่อน ชาวกัมพูชา และสมาชิกครอบครัว รวมทั้งหมด 7 คน เดินทางไปที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านแหลม จ.จันทบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รอรับตัวอยู่ก่อนแล้ว เพื่อผลักดันกลับประเทศกัมพูชา เนื่องจากที่ผ่านมา นางเขื่อน ถูกชาวบ้านในพื้นที่ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ รวมตัวกันขับไล่ หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็น “ไส้ศึก” คอยส่งข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทหารไทยให้กับฝ่ายกัมพูชา และยังพบว่าทั้งหมดอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย จึงดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายและระเบียบการต่างประเทศ เพื่อส่งตัวกลับภูมิลำเนา. – สำนักข่าวไทย

“ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – “ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ งบปี 69 เน้นเส้นเลือดฝอยคู่เส้นเลือดใหญ่ สถานการณ์น้ำตอนนี้ เตรียมรับน้ำเหนือ-พายุ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2568 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า วันนี้เป็นการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระที่สองและวาระที่สาม ซึ่งจะมีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างเข้มข้น เนื่องจากกว่า 30 วันที่ผ่านมา น่าจะได้ข้อสรุปว่าจะเพิ่มหรือลดงบประมาณอย่างไร ในจุดไหนบ้าง โดยผ่านกระบวนการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน สำหรับงบประมาณส่วนใหญ่ได้ตามที่ตั้งเสนอของบฯ ไว้ โดยจะเน้นงบประมาณลงพื้นที่เขตมากขึ้น เช่น การก่อสร้างและปรับปรุงถนน การก่อสร้างฝายถนน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเส้นเลือดฝอย รวมถึงงบประมาณที่จะพัฒนาเส้นเลือดใหญ่ เช่น ก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ การติดตั้งเซ็นเซอร์วัดการสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่จะติดตั้งบนอาคารสูงของโรงพยาบาลแห่งใหม่ ก็ได้ตามที่เสนอของบประมาณไว้ […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

เขื่อนเจ้าพระยาระบายแตะ 2,000 ลบ.ม./วินาที หน่วงน้ำเขื่อนป่าสักฯ

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – กรมชลประทานจะระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 2,000 ลบ.ม./วินาที ช่วงบ่ายวันนี้ ห่วงผลกระทบพื้นที่ด้านท้าย จึงปรับลดการระบายจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อให้น้ำเหนือระบายสู่อ่าวไทยได้มีประสิทธิภาพขึ้น ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ กรมชลประทาน ระบุว่า เช้าวันนี้ที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,101 ลบ.ม./วินาที และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเมื่อคืนที่ผ่านมากรมชลประทานได้ปรับเพิ่มการระบายจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จาก 1,900 ลบ.ม./วินาที เป็น 1,950 ลบ.ม./วินาที ทั้งนี้บริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ด้วยการหน่วงน้ำไว้ด้านเหนือ พร้อมรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งตามศักยภาพของคลอง แต่เนื่องจากปริมาณน้ำที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นดังกล่าว จะทำให้มีพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำบริเวณด้านเหนือเขื่อนที่ได้รับผลกระทบได้แก่ กรมชลประทานจำเป็นต้องทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาตั้งแต่ 10.00 น. เป็นต้นไป จากอัตรา 1,950 ลบ.ม./วินาที ให้เป็น 2,000 ลบ.ม./วินาที ภายในเวลา 15.00 น. ของวันนี้ (12 ก.ย.) และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำทางตอนบนและฝนที่ตกในระยะนี้ […]