“จุรินทร์” ชี้เลือดเก่าไหลออก ไม่ใช่ความผิดพรรค

เชียงใหม่ 19 มี.ค.-“จุรินทร์” มั่นใจ ปชป. ขาขึ้นไม่ใช่ขาลง ชี้ไม่ใช่ความผิดพรรค หลังเลือดเก่าไหลออก

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการสัมมนา ส.ส. เป็นกิจกรรมที่ทำในช่วงปิดสมัยประชุม เพื่อเตรียมพร้อม เพราะ ไม่มีใครทราบว่าจะยุบสภาเมื่อใด แต่ต้องยอมรับว่าสภาเก้าสู่ปีที่4 หากอยู่ครบเทอม ต้องมีการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคเตรียมผู้สมัครคืบหน้ามากกว่าร้อยละ 70-80 ส่วนปัญหาพื้นที่ซ้ำซ้อนของผู้สมัคร นายจุรินทร์ กล่าวว่าเป็นเพราะคะแนนนิยมของพรรคดีขึ้น คนสนใจลง จากหาคนลงไม่ได้ เป็นการแย่งกันลงจึงมีกระบวนการพิจารณา ย้ำว่าทุกคนมีความสำคัญ ไม่ได้อยากให้คนที่ไม่ได้รับเลือกลงสมัครย้ายไปอยู่พรรคอื่น แต่ต้องยอมรับว่าลงสมัครได้คนเดียว แต่ก็มีช่องทางขยับขยายให้ไปทำงานทางการเมืองด้านอื่นแทน และการพิจารณาตัดสินบางพื้นที่ต้องทำโพล ซึ่งเป็นโพลที่ยุติธรรม ซื่อตรว แม่นยำ แต่ไม่ต้องทำทุกเขต เขตที่มีตัวแล้วไม่ทำ ทำเฉพาะเขตที่ก้ำกึ่งและจำเป็น

นายจุรินทร์ ยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงสาเหตุที่มีคนลาออกจากพรรคหรือเลือดไหลออกจากประชาธิปัตย์ ว่าเกิดจากอะไร เพราะในฐานะหัวหนเาพรรคไม่ควรพูด แต่ทั้งหมดไม่ใช่ความผิดพรรคเสมอไป เพราะแต่ละคนมีเงื่อนไข และที่มาที่ไป ซึ่งเราต้องเคารพ แต่สิ่งที่พรรคต้องทำคือคนที่อยู่ต้องทำหน้าที่ต่อไป หาคนมาเติมเต็ม ดีงที่พรรคทำมาตลอด 70 กว่าปีจึงเดินหน้าไปได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องยึดมั้นในอุดมการณ์ และเดินหน้าไปสู่สถาบันการเมือง ซึ่งถ้าไม่เปลี่ยน พรรคก็เดินหน้าได้

พร้อมกันนี้ไม่ขอแสดงความเห็นประเด็นวาทกรรมที่ว่าคนที่ออกไปไม่ใช่เลือดแท้ แต่ย้ำว่ามีหน้าที่ขับเคลื่อนพรรคร่วมกับทุกคนที่ยังแน่นเหนียว ยึดมั่นใจอุดมการณ์ร่วมกับพรรค และส่วนตัวมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์เดินขึ้นไม่ได้เดินลง พร้อมย้ำไม่ขอออกความเห็นเรื่องเลือดแท้ เลือดเทียม เพราะให้ความสำคัญและเคารพทุกคน เพราะทุกคนมีความสำคัญกับพรรค และไม่ขอพูดกรณีที่คนออกไประบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะได้ชี้แจงไปหมดแล้ว

ด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์เปิดเผยว่าในวันที่ 25 มีนาคมนี้จะจัดดินเนอร์ทอล์คเพื่อเป็นการระดมทุนของพรรคที่ โรงแรมเซ็นทาราเซ็นทรัลลาดพร้าว โดยมีนายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก โดยจัด ที่นั่งโต๊ะละ5 คน จำนวน 100 โต๊ะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมพร้อมทั้งเรื่องคนนโยบายและยุทธศาสตร์ในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป.-สำนักข่าวไทย