เพื่อไทย ชี้“ประยุทธ์”แจงเหมืองทองอัครา ไร้แก่นสาร

พรรคเพื่อไทย 21 ก.พ.- “จิราพร เพื่อไทย” เปิด 6 พฤติกรรม “ประยุทธ์” ชี้แจงประเด็นเหมืองทองอัคราไร้แก่นสาร ระบุ รัฐเลิกโยนความผิดรัฐบาลไทยรักไทย เหตุบริษัทเหมืองทองจัดตั้งในไทยก่อน รัฐบาลทักษิณ


น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญปี 2560 ถือเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านต่อรัฐบาลในการตรวจสอบถ่วงดุลของฝ่ายนิติบัญญัติต่อฝ่ายบริหารตามวิถีทางในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ฝ่ายค้านได้ซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี และเป็นโอกาสที่ประชาชนจะได้รับฟังคำชี้แจงเหตุผลในเรื่องที่ถูกอภิปราย โดยในประเด็นเรื่องเหมืองทองอัครา ได้ถูกนำมาเปิดเผยในสภาผู้แทนราษฎรมาแล้วอย่างน้อย 3 ครั้ง รวมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมี 6 พฤติกรรมที่การชี้แจงหรือตอบคำถามดังนี้ พฤติกรรมที่ 1 คือ ตอบเหมือนเดิม พรรคเพื่อไทยหยิบยกเรื่องนี้อภิปรายรวม 4 ครั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์และรัฐมนตรี ที่ลุกมาตอบคำถามแทน กลับยังใช้ข้อมูลชุดเดิมที่ไม่ฟังขึ้น มาชี้แจงซ้ำซาก เช่น เมื่อถูกตั้งคำถามถึงความชอบธรรมของการใช้ ม.44 ก็จะตอบแบบแผ่นเสียงตกร่องว่า การใช้ ม.44 เพื่อปกป้องประชาชนในเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้เคยย้ำถึงจุดยืนของเราหลายครั้งแล้วว่า เราเห็นด้วยที่รัฐบาลจะเข้าไปดูแลปกป้องประชาชนในเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แต่ต้องใช้กฎหมายปกติ เราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการใช้ ม.44 เข้าไปจัดการ เพราะได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศเพิ่มขึ้น สุดท้ายต้องเปิดเหมืองคืนให้กับบริษัทอัคราฯ และยังให้พื้นที่สำรวจแร่ทองคำเพิ่มอีกมหาศาล ประชาชนที่เคยเรียกร้องให้ปิดเหมืองวันนี้ก็คงจะงงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดีใจได้เพียง 5 ปีเศษ นึกว่าจะไม่มีการทำเหมืองแล้ว กลับกลายเป็นว่าตอนนี้มีแนวโน้มที่พื้นที่ทำเหมืองจะเยอะกว่าเดิมหลายเท่าตัว พฤติกรรมที่ 2 เลือกตอบบางคำถามแต่ตอบไม่ตรงคำถาม ซึ่ง ตนเองได้ซักถามว่าเหตุใดถึงมีการเลื่อนออกคำชี้ขาดไปหลายครั้ง ได้รับคำตอบโดยอ้างว่าเพราะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ข้อเท็จจริงคือ การไต่สวนและสืบพยานหลักฐานของคดีเหมืองทองอัครา จบไปตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 คณะอนุญาโตตุลาการพร้อมอ่านคำชี้ขาดแล้ว แต่มีการขอเลื่อนการอ่านคำชี้ขาดจึงยังไม่ได้มีการตัดสิน และบริษัทคิงส์เกตฯ ยังแจ้งในแถลงการณ์ต่อตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลียเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 เองว่า ไทยกับคิงส์เกตฯ ขอเลื่อนการออกคำชี้ขาดไปเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาหาข้อยุติข้อพิพาทกัน และยังระบุด้วยว่ากำลังเจรจาต่อรองกันทั้งหมด 11 รายการ อีกด้วย จะเห็นว่าทั้งๆ ที่มีหลักฐานเอกสารชัดเจนแต่ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีที่ลุกขึ้นชี้แจงแทนก็ยังยืนยันเสียงแข็งปฏิเสธ แบบนี้ถือว่าเป็นการพูดเท็จกลางสภาฯ หรือไม่ พฤติกรรมที่ 3 ไม่ตอบคำถาม เนื่องจากสิ่งที่คนไทยอยากรู้มากที่สุดคือ ไทยถูกบริษัทคิงส์เกตฯ ฟ้องร้องในประเด็นใดบ้างและเรียกร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ และถ้าไทยแพ้คดีใครต้องเป็นคนรับผิดชอบ พล.อ.ประยุทธ์ หรือ ประเทศ ซึ่งคนไทยทั้งประเทศอยากฟังจากปากพล.อ.ประยุทธ์ แต่การเปิดเผยคำฟ้อง ซึ่งเป็นเอกสารปกติ ไม่ใช่ความลับ พล.อ.ประยุทธ์ กลับไม่มีความกล้าหาญมากพอที่จะเปิดเผยกับประชาชน เหตุที่ปิดเพราะละอายต่อสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาดมหันต์ ใช่หรือไม่ แต่ถึงแม้พล.อ.ประยุทธ์ จะละอายต่อความผิดพลาดตัวเอง แต่ก็ไม่ได้เกรงกลัวต่อบาป ยังจะมีพฤติการณ์เอาทรัพย์สมบัติชาติไปแลกให้มีการถอนฟ้อง ซึ่งเดิมมีคดีพิพาทในพื้นที่แค่ 3,000 กว่าไร่ แต่ตอนนี้พอเกิดคดีพิพาทและคดียังไม่จบ แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กลับรีบอนุมัติคืนพื้นที่ 3,000 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นของกลางอยู่ ให้บริษัทอัคราฯ กลับไปดำเนินการได้แล้ว และยังได้พื้นที่สำรวจเพิ่มกว่า 400,000 ไร่ และจ่อจะอนุญาตคำขอประทานบัตรทำเหมืองแร่อีก 600,000 ไร่ รวมเป็นกว่า 1 ล้านไร่ ซึ่งในห้วง 1 ปีที่ผ่านมาตรวจสอบแล้วพบว่า บริษัทอัคราฯ เป็นบริษัทเดียวที่ได้รับการอนุญาตให้สำรวจแร่ในพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย พฤติกรรมพฤติการณ์แบบนี้ทำให้ยิ่งน่าสงสัยจนไม่มีใครเชื่อสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงแล้ว ทั้งยังมีอีกประเด็นในเรื่องของที่ดินที่รออนุมัติคำขอประทานบัตร 600,000 ไร่ ยังมีพื้นที่ทับซ้อนกับเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง และเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย จ.พิษณุโลก อีกด้วยน.ส.จิราพร ยังกล่าวว่า พฤติกรรมที่ 4 คือ ให้คนอื่นตอบคำถามแทน ซึ่งพฤติกรรมนี้ คล้ายกับเหตุการณ์เมื่อครั้งมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุดกรณีการทุจริตวัคซีนซิโนแวค พล.อ.ประยุทธ์ใช้วิธีให้ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขออกมาแถลงข่าวตอบคำถามแทนรัฐบาล ส่วนรอบนี้ ให้ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐมาอภิปรายชี้แจงแทน ซึ่งตามหลักการแล้วการยื่นญัตติ ม.152 เป็นการยื่นญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่ออภิปรายซักถามและเสนอแนะปัญหาต่อนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ซึ่งวันนั้นปรากฏว่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นอภิปรายชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งตามมารยาทต้องให้นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้ตอบ เพราะประชาชนต้องการฟังนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 และเป็นผู้รับผิดชอบต่อคดีนี้โดยตรง พฤติกรรมที่ 5 คือ กล่าวโทษทุกคนยกเว้นตัวเอง ทุกครั้งที่พลเอกประยุทธ์ ลุกขึ้นชี้แจงจะโทษทุกคน โทษฝ่ายค้าน โทษประชาชน แต่ไม่เคยโทษตัวเอง ล่าสุดมอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลุกขึ้นชี้แจงโดยใช้วิธีเหมือนจะโยนความผิดเรื่องเหมืองทองอัคราให้กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเอาภาพตอน ดร.ทักษิณ ไปเปิดเหมืองทองอัคราในปี 2544 มาแสดงต่อสภาฯ ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ เพราะแม้เหมืองทองอัคราฯ ได้สิทธิส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และเริ่มดำเนินการผลิตทองคำเชิงพาณิชย์ในปี 2544 ตรงกับยุครัฐบาลไทยรักไทยพอดี แต่แท้จริงแล้วเหมืองอัคราฯ จดทะเบียนในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2536 และได้เริ่มสำรวจแร่ในประเทศไทยปี 2537 และได้รับประทานบัตรทำเหมือง รวมเหมืองชาตรีใต้ในปี 2543 ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่จะมีรัฐบาลพรรคไทยรักไทย นายทักษิณ ทำพิธีเปิดเหมืองตามตำแหน่งหน้าที่ในตอนนั้น แต่จุดศูนย์กลางของปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นในตอนนั้นแต่อย่างใด พล.อ.ประยุทธ์คิดอะไรไม่ออกก็โทษตระกูลชินวัตรพฤติกรรมที่ 6 ข่มขู่ผู้อภิปราย ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ มีการเบี่ยงเบนประเด็นด้วยการข่มขู่ว่าจะฟ้องร้องฝ่ายค้าน ในการอภิปรายมาตรา 152 ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ข่มขู่ตนให้ระวังการนำเสนอข้อมูล ซึ่งตนยืนยันว่าไม่กลัว เพราะเอกสารหลักฐานที่นำมาแสดงต่อสภาฯ เผยแพร่อยู่ในเวปไซต์ บริษัทคิงส์เกตฯ ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ หากเชื่อว่าเอกสารมีเนื้อหาเป็นเท็จ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องไปฟ้องร้องบริษัทคิงส์เกตฯ เอง หากท่านไม่ฟ้องร้องก็แสดงว่าข้อมูลทุกอย่างที่ดิฉันนำเสนอนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด

น.ส.จิราพร กล่าวอีกว่า หากไทยมั่นใจว่าจะชนะคดี เหตุใดจึงมีการเจรจาประณีประนอมยอมความระหว่างไทยกับคิงส์เกตฯ แต่ได้รับคำตอบว่าทำตามคำแนะนำคณะอนุญาโตตุลาการ เพื่อประโยชน์สูงสุดของทั้งสองฝ่าย แต่อย่าลืมว่าคิงส์เกตฯ ฟ้องร้องประเทศไทย ประเทศไทยตกเป็นจำเลย ถูกเรียกร้องใช้ชดใช้ค่าเสียหาย ถ้าไทยยืนยันว่าที่ใช้ ม.44 เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และมั่นใจว่าจะชนะคดีแน่นอนเหมือนที่ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เคยตอบคำถามสภาไว้ ก็ต้องยืนยันที่จะสู้คดีจนถึงที่สุด ถ้าชนะไทยไม่ต้องเสียอะไร และได้ค่าชดเชยคืนมาด้วยซ้ำ และพล.อ.ประยุทธ์ยังยืนยันหนักแน่นว่า การอนุมติให้นำผงเงินผงทองคำที่ถูกอายัดไว้ออกขาย การอนุญาตให้สำรวจแร่ทองคำที่ในพื้นที่จำนวน 400,000 ไร่ และการต่อประทานบัตรทำเหมืองทองชาตรี 4 แปลง ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการประนีประนอมยอมความ หากไม่ใช่แล้วไทยเอาอะไรไปเจรจาต่อรองกับเขา เขาถึงยอมเจรจาด้วย มันมีมีจริงหรือไม่ที่จะมีการเจรจายอมความกันโดยที่ฝ่ายโจทก์ไม่ได้ประโยชน์ที่สมน้ำสมเนื้อกลับไป แต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ก็บ่ายเบี่ยงไม่มีคำตอบในประเด็นนี้ ทำให้ประชาชนยิ่งเกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่าอาจมีดีลใหญ่เพื่อแลกกับการถอนฟ้องจริงหรือไม่


ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยไม่ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ ลอยตัวเหนือปัญหาและโยนบาป โยนความรับผิดชอบมาให้ประชาชนต้องรับภาระแทน ไม่อยากเห็นประเทศไทยแพ้คดี และต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนมหาศาล และไม่อยากเห็นพลเอกประยุทธ์เอาทรัพย์สมบัติประเทศไปชดใช้แทนความผิดของตนเอง ซึ่งถ้าคำนวณออกมาแล้วมันอาจมากมายมหาศาลมากกว่าที่ไทยต้องชดใช้ในกรณีแพ้คดีเสียอีก เราไม่มีปัญหาหากบริษัทอัคราฯ จะได้สิทธิการทำเหมืองคืนตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการและผ่านกระบวนการทางกฎหมายที่ถูกต้อง แต่เราไม่อยากเห็นการทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรมของประเทศของรัฐบาลโดยการไปเจรจาที่ไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายภายในประเทศ ซึ่งจะก่อปัญหาไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น สิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะจับตาต่อไปคือ เราจะติดตามว่าการเจรจาประนีประนอมยอมความนั้นถูกต้อง สุจริตหรือไม่ โดยใช้กลไกสภาผู้แทนราษฎรทุกช่องทาง และร่วมมือกับเครือข่ายภาคประชาชนที่มีอยู่ในการตรวจสอบรัฐบาล หากพบว่ามีความผิดปกติ และส่อทุจริต แน่นอนว่าเหมืองทองอัคราจะเป็นประเด็นสำคัญที่ใช้อภิปรายเป็นครั้งที่ 5 ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 ที่จะถึงนี้

“คำพูดของชายชาติทหารที่ไร้สัจจะ ไม่ทำให้ดิฉันหวั่นไหวและเกรงกลัวในการทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์แทนพี่น้องประชาชนเลยแม้แต่น้อย เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ชายชาติทหารที่บอกว่ารักชาติรักแผ่นดิน และจะรับผิดชอบคดีเหมืองทองอัคราเองคนนี้ กลับมีพฤติกรรมกลับกลอก ผิดคำพูดตัวเอง เอางบประมาณแผ่นดินกว่า 731 ล้านบาท ไปใช้ในการต่อสู้คดีที่ตัวเองก่อขึ้น โยนความรับผิดชอบให้เป็นภาระของประชาชน ถ้าพล.อ.ประยุทธ์มีความเป็นสุภาพบุรุษชายชาติทหารที่พูดแล้วไม่คืนคำ ก็ขอให้คืนเงิน 700 กว่าล้านบาท ก้อนนั้นเข้าคลังแผ่นดิน” น.ส.จิราพรกล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ระงับเดินทางเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม-บ้านผักกาด ชั่วคราว

จันทบุรี 7 มิ.ย. – หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ออกหนังสือราชการ ระงับนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว ยกเว้นแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า – ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง […]

มอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา – สุรนารี คุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย. – ทบ.ออกคำสั่งมอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ควบคุมจุดผ่านแดนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตามมติ สมช. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสามารถพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตามลำดับขั้นความเข้มงวดในแต่ละพื้นที่ การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ซึ่งมอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยหลักในการควบคุมการเปิด–ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด การออกมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยหลายครั้ง พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างเปิดเผย แม้ไทยจะใช้สันติวิธีและพยายามเจรจา แต่กัมพูชายังเสริมกำลังและจัดตั้งฐานทหารใกล้ชายแดน แสดงถึงความไม่ร่วมมือและเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามแนวชายแดน สำหรับรายละเอียดทั้งหมดในคำสั่งดังกล่าวสามารถติดตามได้ผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของกองทัพบกที่เว็บไซต์ www.rta.mi.th เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทางราชการ -313-สำนักข่าวไทย

ปปง. ร่วมสอบกรณีพบเงินต้องสงสัยถูกทิ้ง 12 ล้าน

7 มิ.ย.- ปปง. ร่วมตรวจสอบกรณีพบเงินสด 12 ล้าน วางทิ้งในกล่องข้างถังขยะคอนโดเมืองทองฯ ชี้ผู้อ้างเป็นเจ้าของเงินต้องชี้แจงรายละเอียดที่มาให้ได้ จากกรณีที่พลเมืองดี พบธนบัตรเงินสด 12 ล้านบาท ในกล่องพลาสติกสีเทา บริเวณคอนโดเมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และซองจดหมายเกี่ยวกับสำนักงาน กสทช. ซึ่งปรากฏชื่อในเอกสารดังกล่าว คือ นายทวีวัฒน์ และนายทวีวัฒน์ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วระบุเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้านดังกล่าว นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะโฆษก ปปง. กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ขั้นตอนตามปกติหากพบเหตุสงสัย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดย ปปง. ได้ประสานการทำงานร่วมกับตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งต้องสอบสวนคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเงิน กับผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ทั้งธนาคาร และส่วนงานที่ผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของเงินระบุถึง สุดท้ายเจ้าของต้องชี้แจงในรายละเอียดว่าเงินดังกล่าวได้มาอย่างไร ถ้าพนักงานสอบสวนรวบรวมว่า เกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐานกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในข้อใด หรือทรัพย์ดังกล่าวอาจเกี่ยวกับการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่ปัจจุบันมี 28 มูลฐานความผิด การจะมีการประสานส่งเรื่องให้ ปปง. ตรวจสอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ ปปง. […]

“อนุทิน” ย้ำไม่ย้ายกระทรวง ยึดข้อตกลงเดิม​ นายกฯ ให้ความมั่นใจแล้ว

สุวรรณภูมิ​ 7 มิ.ย.-“อนุทิน” ลั่นไม่มีอะไรต้องตกลงแล้ว ทุกอย่างจบตั้งแต่กินช็อกมินต์ หลังกระพือยึดเก้าอี้ มท.1 ชี้ “ภูมิใจไทย” ไม่ได้เดินไปขอร่วมรัฐบาล ย้ำชัดไม่ย้ายกระทรวงยึดข้อตกลงเดิม ระบุนายกฯ ก็ให้ความมั่นใจแล้ว ยอมรับกินข้าว รวมไทยสร้างชาติ แล้ว แต่คุยปมพลังงาน ยันไม่ต้องจับมือต่อรอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ กรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยโดยยืนยันว่ายังไม่มีการพูดคุยใดๆ ซึ่งเรื่องการปรับ ครม. หากมีการถามมายังพรรคภูมิใจไทย พรรคก็ยืนยันว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร เพราะได้คุยในเบื้องต้นภายในพรรคแล้วว่ารัฐมนตรีทุกคนยังทำงานได้อย่างเต็มที่ กระทรวงที่กำกับดูแลในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เมื่อถามว่า กระแสข่าวการเขย่าเก้าอี้แบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการกระทรวงมหาดไทยคืนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่มองว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร มันเขย่าไม่ได้ นี่เป็นรัฐบาลผสม และเป็นข้อตกลงที่เราหารือกันตั้งแต่เราตั้งรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน 2 ปีแล้ว และมายังรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รูปแบบนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ตรงนี้ไม่ใช่ว่าเป็นของใคร แต่เป็นข้อตกลงและเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งทุกคนก็ทำงานอย่างเต็มที่ ที่มีข่าวบอกว่าคนนี้ทำงานดีหรือไม่ดี […]