เพื่อไทย ชี้“ประยุทธ์”แจงเหมืองทองอัครา ไร้แก่นสาร

พรรคเพื่อไทย 21 ก.พ.- “จิราพร เพื่อไทย” เปิด 6 พฤติกรรม “ประยุทธ์” ชี้แจงประเด็นเหมืองทองอัคราไร้แก่นสาร ระบุ รัฐเลิกโยนความผิดรัฐบาลไทยรักไทย เหตุบริษัทเหมืองทองจัดตั้งในไทยก่อน รัฐบาลทักษิณ


น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญปี 2560 ถือเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านต่อรัฐบาลในการตรวจสอบถ่วงดุลของฝ่ายนิติบัญญัติต่อฝ่ายบริหารตามวิถีทางในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ฝ่ายค้านได้ซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี และเป็นโอกาสที่ประชาชนจะได้รับฟังคำชี้แจงเหตุผลในเรื่องที่ถูกอภิปราย โดยในประเด็นเรื่องเหมืองทองอัครา ได้ถูกนำมาเปิดเผยในสภาผู้แทนราษฎรมาแล้วอย่างน้อย 3 ครั้ง รวมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมี 6 พฤติกรรมที่การชี้แจงหรือตอบคำถามดังนี้ พฤติกรรมที่ 1 คือ ตอบเหมือนเดิม พรรคเพื่อไทยหยิบยกเรื่องนี้อภิปรายรวม 4 ครั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์และรัฐมนตรี ที่ลุกมาตอบคำถามแทน กลับยังใช้ข้อมูลชุดเดิมที่ไม่ฟังขึ้น มาชี้แจงซ้ำซาก เช่น เมื่อถูกตั้งคำถามถึงความชอบธรรมของการใช้ ม.44 ก็จะตอบแบบแผ่นเสียงตกร่องว่า การใช้ ม.44 เพื่อปกป้องประชาชนในเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้เคยย้ำถึงจุดยืนของเราหลายครั้งแล้วว่า เราเห็นด้วยที่รัฐบาลจะเข้าไปดูแลปกป้องประชาชนในเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แต่ต้องใช้กฎหมายปกติ เราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการใช้ ม.44 เข้าไปจัดการ เพราะได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศเพิ่มขึ้น สุดท้ายต้องเปิดเหมืองคืนให้กับบริษัทอัคราฯ และยังให้พื้นที่สำรวจแร่ทองคำเพิ่มอีกมหาศาล ประชาชนที่เคยเรียกร้องให้ปิดเหมืองวันนี้ก็คงจะงงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดีใจได้เพียง 5 ปีเศษ นึกว่าจะไม่มีการทำเหมืองแล้ว กลับกลายเป็นว่าตอนนี้มีแนวโน้มที่พื้นที่ทำเหมืองจะเยอะกว่าเดิมหลายเท่าตัว พฤติกรรมที่ 2 เลือกตอบบางคำถามแต่ตอบไม่ตรงคำถาม ซึ่ง ตนเองได้ซักถามว่าเหตุใดถึงมีการเลื่อนออกคำชี้ขาดไปหลายครั้ง ได้รับคำตอบโดยอ้างว่าเพราะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ข้อเท็จจริงคือ การไต่สวนและสืบพยานหลักฐานของคดีเหมืองทองอัครา จบไปตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 คณะอนุญาโตตุลาการพร้อมอ่านคำชี้ขาดแล้ว แต่มีการขอเลื่อนการอ่านคำชี้ขาดจึงยังไม่ได้มีการตัดสิน และบริษัทคิงส์เกตฯ ยังแจ้งในแถลงการณ์ต่อตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลียเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 เองว่า ไทยกับคิงส์เกตฯ ขอเลื่อนการออกคำชี้ขาดไปเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาหาข้อยุติข้อพิพาทกัน และยังระบุด้วยว่ากำลังเจรจาต่อรองกันทั้งหมด 11 รายการ อีกด้วย จะเห็นว่าทั้งๆ ที่มีหลักฐานเอกสารชัดเจนแต่ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีที่ลุกขึ้นชี้แจงแทนก็ยังยืนยันเสียงแข็งปฏิเสธ แบบนี้ถือว่าเป็นการพูดเท็จกลางสภาฯ หรือไม่ พฤติกรรมที่ 3 ไม่ตอบคำถาม เนื่องจากสิ่งที่คนไทยอยากรู้มากที่สุดคือ ไทยถูกบริษัทคิงส์เกตฯ ฟ้องร้องในประเด็นใดบ้างและเรียกร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ และถ้าไทยแพ้คดีใครต้องเป็นคนรับผิดชอบ พล.อ.ประยุทธ์ หรือ ประเทศ ซึ่งคนไทยทั้งประเทศอยากฟังจากปากพล.อ.ประยุทธ์ แต่การเปิดเผยคำฟ้อง ซึ่งเป็นเอกสารปกติ ไม่ใช่ความลับ พล.อ.ประยุทธ์ กลับไม่มีความกล้าหาญมากพอที่จะเปิดเผยกับประชาชน เหตุที่ปิดเพราะละอายต่อสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาดมหันต์ ใช่หรือไม่ แต่ถึงแม้พล.อ.ประยุทธ์ จะละอายต่อความผิดพลาดตัวเอง แต่ก็ไม่ได้เกรงกลัวต่อบาป ยังจะมีพฤติการณ์เอาทรัพย์สมบัติชาติไปแลกให้มีการถอนฟ้อง ซึ่งเดิมมีคดีพิพาทในพื้นที่แค่ 3,000 กว่าไร่ แต่ตอนนี้พอเกิดคดีพิพาทและคดียังไม่จบ แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กลับรีบอนุมัติคืนพื้นที่ 3,000 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นของกลางอยู่ ให้บริษัทอัคราฯ กลับไปดำเนินการได้แล้ว และยังได้พื้นที่สำรวจเพิ่มกว่า 400,000 ไร่ และจ่อจะอนุญาตคำขอประทานบัตรทำเหมืองแร่อีก 600,000 ไร่ รวมเป็นกว่า 1 ล้านไร่ ซึ่งในห้วง 1 ปีที่ผ่านมาตรวจสอบแล้วพบว่า บริษัทอัคราฯ เป็นบริษัทเดียวที่ได้รับการอนุญาตให้สำรวจแร่ในพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย พฤติกรรมพฤติการณ์แบบนี้ทำให้ยิ่งน่าสงสัยจนไม่มีใครเชื่อสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงแล้ว ทั้งยังมีอีกประเด็นในเรื่องของที่ดินที่รออนุมัติคำขอประทานบัตร 600,000 ไร่ ยังมีพื้นที่ทับซ้อนกับเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง และเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย จ.พิษณุโลก อีกด้วยน.ส.จิราพร ยังกล่าวว่า พฤติกรรมที่ 4 คือ ให้คนอื่นตอบคำถามแทน ซึ่งพฤติกรรมนี้ คล้ายกับเหตุการณ์เมื่อครั้งมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุดกรณีการทุจริตวัคซีนซิโนแวค พล.อ.ประยุทธ์ใช้วิธีให้ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขออกมาแถลงข่าวตอบคำถามแทนรัฐบาล ส่วนรอบนี้ ให้ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐมาอภิปรายชี้แจงแทน ซึ่งตามหลักการแล้วการยื่นญัตติ ม.152 เป็นการยื่นญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่ออภิปรายซักถามและเสนอแนะปัญหาต่อนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ซึ่งวันนั้นปรากฏว่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นอภิปรายชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งตามมารยาทต้องให้นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้ตอบ เพราะประชาชนต้องการฟังนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 และเป็นผู้รับผิดชอบต่อคดีนี้โดยตรง พฤติกรรมที่ 5 คือ กล่าวโทษทุกคนยกเว้นตัวเอง ทุกครั้งที่พลเอกประยุทธ์ ลุกขึ้นชี้แจงจะโทษทุกคน โทษฝ่ายค้าน โทษประชาชน แต่ไม่เคยโทษตัวเอง ล่าสุดมอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลุกขึ้นชี้แจงโดยใช้วิธีเหมือนจะโยนความผิดเรื่องเหมืองทองอัคราให้กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเอาภาพตอน ดร.ทักษิณ ไปเปิดเหมืองทองอัคราในปี 2544 มาแสดงต่อสภาฯ ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ เพราะแม้เหมืองทองอัคราฯ ได้สิทธิส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และเริ่มดำเนินการผลิตทองคำเชิงพาณิชย์ในปี 2544 ตรงกับยุครัฐบาลไทยรักไทยพอดี แต่แท้จริงแล้วเหมืองอัคราฯ จดทะเบียนในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2536 และได้เริ่มสำรวจแร่ในประเทศไทยปี 2537 และได้รับประทานบัตรทำเหมือง รวมเหมืองชาตรีใต้ในปี 2543 ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่จะมีรัฐบาลพรรคไทยรักไทย นายทักษิณ ทำพิธีเปิดเหมืองตามตำแหน่งหน้าที่ในตอนนั้น แต่จุดศูนย์กลางของปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นในตอนนั้นแต่อย่างใด พล.อ.ประยุทธ์คิดอะไรไม่ออกก็โทษตระกูลชินวัตรพฤติกรรมที่ 6 ข่มขู่ผู้อภิปราย ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ มีการเบี่ยงเบนประเด็นด้วยการข่มขู่ว่าจะฟ้องร้องฝ่ายค้าน ในการอภิปรายมาตรา 152 ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ข่มขู่ตนให้ระวังการนำเสนอข้อมูล ซึ่งตนยืนยันว่าไม่กลัว เพราะเอกสารหลักฐานที่นำมาแสดงต่อสภาฯ เผยแพร่อยู่ในเวปไซต์ บริษัทคิงส์เกตฯ ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ หากเชื่อว่าเอกสารมีเนื้อหาเป็นเท็จ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องไปฟ้องร้องบริษัทคิงส์เกตฯ เอง หากท่านไม่ฟ้องร้องก็แสดงว่าข้อมูลทุกอย่างที่ดิฉันนำเสนอนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด

น.ส.จิราพร กล่าวอีกว่า หากไทยมั่นใจว่าจะชนะคดี เหตุใดจึงมีการเจรจาประณีประนอมยอมความระหว่างไทยกับคิงส์เกตฯ แต่ได้รับคำตอบว่าทำตามคำแนะนำคณะอนุญาโตตุลาการ เพื่อประโยชน์สูงสุดของทั้งสองฝ่าย แต่อย่าลืมว่าคิงส์เกตฯ ฟ้องร้องประเทศไทย ประเทศไทยตกเป็นจำเลย ถูกเรียกร้องใช้ชดใช้ค่าเสียหาย ถ้าไทยยืนยันว่าที่ใช้ ม.44 เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และมั่นใจว่าจะชนะคดีแน่นอนเหมือนที่ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เคยตอบคำถามสภาไว้ ก็ต้องยืนยันที่จะสู้คดีจนถึงที่สุด ถ้าชนะไทยไม่ต้องเสียอะไร และได้ค่าชดเชยคืนมาด้วยซ้ำ และพล.อ.ประยุทธ์ยังยืนยันหนักแน่นว่า การอนุมติให้นำผงเงินผงทองคำที่ถูกอายัดไว้ออกขาย การอนุญาตให้สำรวจแร่ทองคำที่ในพื้นที่จำนวน 400,000 ไร่ และการต่อประทานบัตรทำเหมืองทองชาตรี 4 แปลง ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการประนีประนอมยอมความ หากไม่ใช่แล้วไทยเอาอะไรไปเจรจาต่อรองกับเขา เขาถึงยอมเจรจาด้วย มันมีมีจริงหรือไม่ที่จะมีการเจรจายอมความกันโดยที่ฝ่ายโจทก์ไม่ได้ประโยชน์ที่สมน้ำสมเนื้อกลับไป แต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ก็บ่ายเบี่ยงไม่มีคำตอบในประเด็นนี้ ทำให้ประชาชนยิ่งเกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่าอาจมีดีลใหญ่เพื่อแลกกับการถอนฟ้องจริงหรือไม่


ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยไม่ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ ลอยตัวเหนือปัญหาและโยนบาป โยนความรับผิดชอบมาให้ประชาชนต้องรับภาระแทน ไม่อยากเห็นประเทศไทยแพ้คดี และต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนมหาศาล และไม่อยากเห็นพลเอกประยุทธ์เอาทรัพย์สมบัติประเทศไปชดใช้แทนความผิดของตนเอง ซึ่งถ้าคำนวณออกมาแล้วมันอาจมากมายมหาศาลมากกว่าที่ไทยต้องชดใช้ในกรณีแพ้คดีเสียอีก เราไม่มีปัญหาหากบริษัทอัคราฯ จะได้สิทธิการทำเหมืองคืนตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการและผ่านกระบวนการทางกฎหมายที่ถูกต้อง แต่เราไม่อยากเห็นการทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรมของประเทศของรัฐบาลโดยการไปเจรจาที่ไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายภายในประเทศ ซึ่งจะก่อปัญหาไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น สิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะจับตาต่อไปคือ เราจะติดตามว่าการเจรจาประนีประนอมยอมความนั้นถูกต้อง สุจริตหรือไม่ โดยใช้กลไกสภาผู้แทนราษฎรทุกช่องทาง และร่วมมือกับเครือข่ายภาคประชาชนที่มีอยู่ในการตรวจสอบรัฐบาล หากพบว่ามีความผิดปกติ และส่อทุจริต แน่นอนว่าเหมืองทองอัคราจะเป็นประเด็นสำคัญที่ใช้อภิปรายเป็นครั้งที่ 5 ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 ที่จะถึงนี้

“คำพูดของชายชาติทหารที่ไร้สัจจะ ไม่ทำให้ดิฉันหวั่นไหวและเกรงกลัวในการทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์แทนพี่น้องประชาชนเลยแม้แต่น้อย เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ชายชาติทหารที่บอกว่ารักชาติรักแผ่นดิน และจะรับผิดชอบคดีเหมืองทองอัคราเองคนนี้ กลับมีพฤติกรรมกลับกลอก ผิดคำพูดตัวเอง เอางบประมาณแผ่นดินกว่า 731 ล้านบาท ไปใช้ในการต่อสู้คดีที่ตัวเองก่อขึ้น โยนความรับผิดชอบให้เป็นภาระของประชาชน ถ้าพล.อ.ประยุทธ์มีความเป็นสุภาพบุรุษชายชาติทหารที่พูดแล้วไม่คืนคำ ก็ขอให้คืนเงิน 700 กว่าล้านบาท ก้อนนั้นเข้าคลังแผ่นดิน” น.ส.จิราพรกล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อุดพนังกั้นน้ำสำเร็จ น้ำท่วมหล่มสักเริ่มคลี่คลาย

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย.-น้ำท่วมตัวอำเภอหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ รวมทั้งย่านการค้า เริ่มลดลงแล้ว หลังเจ้าหน้าที่อุดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้สำเร็จ และน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลง จุดที่พนังกั้นน้ำริมแม่น้ำป่าสักแตกยาวกว่า 10 เมตร ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมเขตเศรษฐกิจ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่สามารถปิดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้แล้ว แม้จะยังไม่ 100% ทำให้ยังมีน้ำรั่วซึมเข้ามาบ้าง แต่ช่วยลดปริมาณน้ำจากแม่น้ำป่าสักที่ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนและอาคารร้านค้าหลายร้อยหลังในย่านการค้าของหล่มสักลงได้ ส่งผลให้น้ำที่ท่วมหลายจุดตั้งแต่เมื่อวานลดลง บางจุดเริ่มเห็นผิวถนนแล้ว และคาดว่าจะลดลงต่อเนื่อง หลังระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่านตัวอำเภอหล่มสัก ลดลงเฉลี่ยชั่วโมงละ 10 เซนติเมตร จนต่ำกว่าพนังที่ทางเทศบาลเสริมขึ้นมาแล้ว แต่ยังมีบ้านเรือนตามชุมชนที่อยู่ริมน้ำใกล้จุดพนังแตก ถูกน้ำท่วมขังอยู่บ้าง ขณะที่ชาวบ้านหลายครอบครัวเร่งนำข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกน้ำท่วมเสียหายออกมาล้างทำความสะอาด เร่งล้างคราบโคลนภายในบ้านกันบ้างแล้ว หลังต้องเจอน้ำท่วมหนักถึง 2 รอบ ในช่วง 3 สัปดาห์ และกว่าจะอุดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้สำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายามตลอดทั้งคืน ระดมกำลังคนและเครื่องจักรหนักเข้ากู้สถานการณ์ อุดรอยรั่วซ่อมพนังกั้นน้ำ ตรงข้ามสวนดงตาล ที่พังลงมายาวกว่า 10 เมตร โดยใช้แบริเออร์ กระสอบทรายบิ๊กแบ็ก วางอุดรอยรั่วได้สำเร็จ แม้ตอนนี้ยังคงมีน้ำรั่วซึมเข้ามาจากจุดพนังแตกอยู่บ้าง แต่หากระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลงอย่างต่อเนื่องแบบนี้ คาดว่าสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองหล่มสักจะลดลงต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย ไม่ใช่พื้นที่พิพาท กรณีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ออกแถลงการณ์เมื่อ 20 ก.ย.68 ระบุว่า “กัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงและคัดค้านอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลไทย เกี่ยวกับเจตนาที่จะใช้กฎหมายภายในประเทศของไทยกับพลเมืองกัมพูชาในหมู่บ้านโจกเจย และหมู่บ้านไปรจัน ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยมีรายละเอียดกล่าวหาฝ่ายไทยว่า ฝ่ายไทยอ้างสิทธิ์ใช้กฎหมายภายในประเทศกับพลเมืองกัมพูชาในพื้นที่พิพาท โดยการอ้างสิทธิ์ดังกล่าวของไทยละเมิดพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ (มาตรา 2(3) และ 2(4)) เป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ว่าด้วยการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ขัดต่ออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ขอเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรมที่บ่อนทำลายความพยายามลดความตึงเครียด ตามข้อตกลงหยุดยิง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงต่อกรณีนี้ว่า ฝ่ายไทยมีสิทธิและหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศกับบุคคลที่อยู่ในเขตดินแดนของไทย ซึ่งเป็นหลักการสากลที่ทุกประเทศยอมรับ และขอยืนยันว่า พื้นที่ที่ฝ่ายไทยอาจจำเป็นต้องดำเนินการก่อนนั้น ไม่ได้อยู่ในเขตของพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือน แต่อยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทยอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักอธิปไตยของรัฐ ส่วนเรื่องพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ ในมาตรา 2(3) ที่ได้ระบุไว้ว่า “รัฐสมาชิกต้องระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยวิธีสันติ เพื่อไม่ให้สันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศตกอยู่ในอันตราย” นั้น ในความเป็นจริงกลับพบว่า ฝ่ายกัมพูชามักจะเป็นผู้ละเมิด อย่างกรณีการปลุกปั่น จัดฉาก […]

จับตาปลาย ก.ย. พายุถี่ขึ้น ลุ้นเคลื่อนเข้าไทย

กรุงเทพฯ 21 ก.ย.- กรมอุตุฯ เผยแนวโน้มเกิดพายุถี่ขึ้นช่วงปลายเดือน ก.ย. ทั้งในมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้ ขณะที่พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” แม้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งอิทธิพลต่อร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้หลายพื้นที่มีฝนเพิ่มขึ้น ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักและฝนตกสะสม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงปลายเดือนกันยายนนี้มีแนวโน้มเกิดพายุถี่ขึ้นบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 26–27 กันยายน มีโอกาสเกิดพายุลูกใหม่เพิ่มอีก แม้ขณะนี้ยังไม่มีทิศทางชัดเจนว่าจะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยหรือไม่ แต่ต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ปัจจุบัน พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) ยังคงเคลื่อนตัวอยู่บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก แม้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ไทยโดยตรง แต่ส่งอิทธิพลต่อสภาพอากาศในประเทศ ทำให้ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ขณะเดียวกันมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยก็มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนเพิ่มขึ้น และบางแห่งมีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 21–27 กันยายน 2568 พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักและฝนตกสะสม ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก เช่น จันทบุรี ตราด รวมถึงภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เช่น แม่ฮ่องสอน […]

ไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 21 ก.ย.-กรมอุตุฯ ไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก จันทบุรี และตราด ทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร กรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ […]