นายกฯ เหน็บฝ่ายค้านรู้ตอนจบทศกัณฐ์

รัฐสภา 17 ก.พ.-นายกฯ ยันรัฐบาลนี้ไม่ใช่รัฐบาลเดิมจากปี 57 มีคนเดิมแค่ 4 คน 32 คนเป็นคนใหม่ นโยบายใหม่ รมต.พร้อมแจงรายละเอียดทุกประเด็น ลั่น ไม่มีทุจริต ระบุฝ่ายค้านให้เป็นพระรามพระลักษณ์ แล้วออกตัวจะเป็นทศกัณฐ์ รู้อยู่แล้วตอนจบเป็นอย่างไร ชี้ประเทศไทยใหญ่กว่ารามเกียรติ์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงทันทีภายหลัง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดญัตติอภิปราย ทั่วไปแบบไม่ลงมติตาม มาตรา 152 เป็นคนแรก ว่า พร้อมรับฟังด้วยเหตุด้วยผล อะไรที่เป็นประโยชน์ อะไรที่จะนำไปสู่การแก้ไข พร้อมจะรับไปดำเนินการ ขณะนี้มีหลายสถานการณ์เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน รัฐบาลพยายามจะแก้ไขปัญหามาโดยตลอด ซึ่งไม่ใช่ตนทำเพียงคนเดียว แต่ร่วมมือกับคณะทำงานต่าง ๆ รัฐบาล รัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาล และข้าราชการทั้งประเทศหลายแสนคน ที่ช่วยกันทำงานในช่วงที่ผ่านมา

“ถ้าท่านกล่าวว่าเป็นข้อบกพร่องและเป็นปัญหาอยู่ จากข้อมูลที่นพ.ชลน่าน กล่าวมาทั้งหมด หลายอย่างยังไม่ได้ลงในรายละเอียด ซึ่งเวลาที่เหลือต่อจากนี้คณะรัฐมนตรีมีคำชี้แจงที่จะลงรายละเอียดให้กับนพ.ชลน่าน เพื่อไม่ให้ประชาชนรับฟังด้านเดียว แต่จะได้รับฟังเรื่องของการแก้ไขปัญหา ความก้าวหน้า และหลักคิดแนวคิดต่าง ๆ ซึ่งหลายคนในที่นี้อาจมองว่ารัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี ไม่มีความสามารถ แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและความเชื่อมั่นของประชาชนทั้งประเทศ” นายกรัฐมนตรี กล่าว


ส่วนที่ระบุว่านายกรัฐมนตรีเข้าสภาฯ ควรวางบทบาทให้เหมือนกับรามเกียรติ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนคงเล่นบทพระรามพระลักษณ์ แต่อีกฝ่ายคงต้องเล่นเป็นบททศกัณฐ์ แต่คิดว่าประเทศชาติคงไม่ใช่แบบรามเกียรติ์ แต่ท้ายที่สุดก็รู้อยู่แล้วว่าทศกัณฐ์เป็นอย่างไรในตอนท้าย อันนั้นคือข้อเท็จจริง ตนจะไม่กล่าวอะไรอีกที่จะทำให้เกิดความวุ่นวาย ให้เกิดความทะเลาะเบาะแว้ง หรือไม่พอใจกันอีก พยายามจะระมัดระวังอย่างที่สุด

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่นพ.ชลน่านกล่าวมานั้นประมาณ 15 ประเด็น สิ่งแรกที่นพ.ชลน่านกล่าวไม่ใช่ข้อเท็จจริง คล้ายกับว่ารัฐบาลนี้ใช้อำนาจ เป็นกลไกเข้าสู่อำนาจ รวมถึงรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ ไม่ใช่รัฐบาลเดิมจากปี 2557 ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้นั่งตามรัฐธรรมนูญปี 2560 คนที่อยู่ในอำนาจเดิมมาทำหน้าที่ใหม่ตามรัฐธรรมนูญใหม่ ตามกฎหมายใหม่ ตัวบุคคลไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีมีอยู่ 4 คนที่ซ้ำกับเดิม ส่วนอีก 32 คนเป็นคนใหม่ทั้งหมด ซึ่งนโยบายก็ต่างกันแน่นอน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การก่อหนี้สาธารณะ การขยายเพดานหนี้ ครัวเรือน น้ำมันแพง ข้าวของแพง ค่าแรงถูก ยืนยันว่าชี้แจงได้ทั้งหมด เป็นเรื่องของการบริหารจัดการ อัตราการตกงานของนักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่มขึ้น การเปิดปิดกิจการเพิ่มขึ้นหรือลดลงโรงงานต่าง ๆ ก็แก้ไขปัญหาจนมีผลสัมฤทธิ์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ในวันนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ แต่เป็นสถานการณ์ที่เป็นวิกฤติการณ์ของโลก ของภูมิภาค ของทุกประเทศอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน แน่นอนว่าการแก้ไขปัญหานั้นยุ่งยาก มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมาก รัฐบาลต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาทั้งหมด ในเชิงโครงสร้างกลไกและวิธีการ ทางกฎหมาย หลายอย่างคงพูดง่าย ๆ ไม่ได้ ซึ่งต้องชี้แจงรายละเอียดให้เข้าใจ


“การแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด – 19 ที่ฝ่ายค้านระบุว่า กลับไปกลับมา วัคซีนล่าช้า ยืนยันว่าชี้แจงได้ทั้งหมด และเหตุผลคืออะไร วันนี้จัดหาได้เพียงพอ วันแรกมีปัญหาของความไม่พร้อมวัคซีน ข้อตกลงต่าง ๆ ก็ยังไม่เกิดขึ้น เกิดขึ้นไม่ได้ ความไม่แน่นอนในวัคซีนแต่ละประเภท แต่ละชนิด แต่วันนี้ปรากฏออกมาแล้วว่าพัฒนาวิเคราะห์วิจัยจนเป็นผลสัมฤทธิ์ สามารถจัดทำวัคซีนได้ครบถ้วน ส่วนประเทศไทยอยู่ในฐานะที่เป็นประเทศที่อยู่ในเกณฑ์ได้รับการยอมรับ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนที่การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ ไม่มีการเยียวยาที่เหมาะสม ถามกลับไปยังฝ่ายค้านว่าการเยียวยาที่เหมาะสมของท่านคืออะไร คือการช่วยเหลือด้วยการให้เงินสนับสนุนงบประมาณ มองในแง่ของงบประมาณว่าโครงสร้างที่ผ่านมาทั้งหมดก่อนหน้าที่ตนเข้ามาทำโครงสร้างอะไรใหม่ ๆ เพื่อให้ประเทศไทยมี GDP สูงขึ้นบ้างหรือไม่

“ตอบได้หรือไม่ หากตอบได้กรุณาตอบด้วย ท่านถามผม ผมถามกลับท่าน ก่อนหน้านี้นอกจากการขอใช้เงิน ขอใช้งบประมาณให้มากขึ้น เวลาเอาเงินกู้มาก็บอกว่าไม่ทั่วถึง กู้แล้วเพิ่มหนี้สาธารณะ ไม่มีใครทำโดยไม่รู้กฎหมาย เพราะฉะนั้นควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษอยู่แล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแพร่ระบาดของเชื้ออหิวาต์ในสุกร ส่งผลกับราคาเนื้อสุกรที่สูงขึ้น ว่า วันนี้ราคาเนื้อสุกรสูงขึ้นหรือไม่ ไม่แพงเพราะอะไร เพราะนายกรัฐมนตรีเข้าไปแก้ไขอย่างไร เกิดปัญหาขึ้นจากตรงไหน การช่วยเหลือเรื่องการเกิดโรคระบาด แล้วโรคระบาดเกิดจากอะไรเกิดเป็นพื้นที่หรือทั้งประเทศ เดี๋ยวจะมีผู้ชี้แจงให้ทั้งหมด ตนจะ ปกปิดเพื่ออะไร

“แต่สิ่งที่ท่านปกปิดผม ทำไมถึงมีการกักเก็บเนื้อสุกรไว้ในห้องเย็นจำนวนมาก มีคดีอยู่ในศาล ยืนยันว่าจะต้องถูกลงโทษตามกฎหมายทุกประการ ผมไม่ได้รังแกใคร ไม่ได้สนับสนุนลูกค้ารายใหญ่ แต่ต้องการให้ประชาชนคนไทยระดับล่างเข้มแข็งให้มากที่สุด ประเทศไทยตั้งอยู่ด้วยเศรษฐกิจฐานราก เศรษฐกิจทุกระดับจะต้องเดินหน้าไปด้วยกัน เพราะเป็นการสร้างรายได้ให้กับประเทศ แต่ขอว่าต้องอยู่ในกติกากฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนการแก้ไขปัญหาเรื่องการขาดองค์ความรู้เรื่องสินค้าอุปโภคบริโภค ที่มีแนวโน้มที่ตัวสูงขึ้น​ นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า สมัยก่อนปรับตัวสูงขึ้นและต่ำลง ตามความต้องการของตลาดและฤดูกาล เรื่องนี้ตนสั่งการให้ไปตรวจสอบว่ามีราคาสูงขึ้นเพราะอะไร แล้ววันนี้ราคาหมูลงเท่าไหร่​ โดยการลักลอบนำเข้าการปกปิด การเลี้ยงที่ไม่มีคุณภาพก็ต้องไปแก้ไข​ ซึ่งไม่โทษใคร เพียงแต่ให้ทุกคนมาร่วมมือกันทำงาน ปัญหาติดตรงไหนก็แก้ตรงนั้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 จะมีหน่วยงานมาชี้แจง ยุทธศาสตร์ชาติเดินหน้าไปถึงไหนอย่างไร อย่าพูดลอย ๆ หลายคนพูดว่าจะมาแก้ไข PM 2.5 ขอให้แก้เรื่องปัญหาการจราจรให้ได้เสียก่อน ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งคือการใช้รถใช้ถนน ห้ามเขาได้หรือไม่ ห้ามรถเก่ามาวิ่งได้หรือไม่ คนเรามีรายได้แตกต่างกัน แต่ทำอย่างไรจะปรับตัวเองได้ทุกอย่างต้องเริ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป

“ทุกประเทศก็เป็นแบบนี้ ก่อนที่เขาจะเจริญร่ำรวยมาถึงทุกวันนี้ เอาทุกอย่างมาประยุกต์ใช้​ มาปรับตัว​ มาปรับในความคิดของตน ไม่ได้ทำงานแบบสุกเอาเผากิน เพื่อตอบสนองความพอใจของคนบางคน คนบางกลุ่มตนไม่ทำแบบนั้น แต่ต้องทำให้คนไทยทุกคนมีความสุข และเป็นความสุขที่แท้จริง ไม่ใช่ความสุขจอมปลอม พูดให้คนเขาเชื่อ​ พูดให้คนเขารัก มันไม่ใช่ผม พูดด้วยความจริงใจของผมว่าจะพูดจะทำอะไร” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาประมงว่า ที่ผ่านมาทำให้ทุกอย่างถูกกฎหมาย สร้างความเป็นธรรมกับประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้าน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากระทบกับการค้า การประมงในต่างประเทศ ขอถามว่าแบบนี้เรียกว่าล้มเหลวตรงไหน ล้มเหลวอย่างไร เรื่องการทำลายเรือ เรื่องเหล่านี้เกิดมาเมื่อไหร่ แล้วตนแก้หรือไม่ รัฐบาลก่อน ​ๆ​ เคย​ตอบหรือไม่ ตนไม่ได้พูดถึงรัฐทั่วไป​ แต่ตนพูดถึงรัฐบาลของคนที่พูดเมื่อสักครู่ หากทำมาแล้ว ตนจะยอมรับ หากทำมาดี ตนก็คงไม่ต้องมาทำ ไม่ได้ว่าใคร

“ การแก้ไขรัฐธรรมนูญและบริหารราชการท้องถิ่นพร้อมกระจายอยู่แล้ว แต่ถามว่างบประมาณของท้องถิ่นเก็บได้มากน้อยเพียงใด พยายามจะทำอย่างไรให้ท้องถิ่นให้มีรายได้เพิ่มขึ้น​ เพราะการเก็บภาษีเป็นส่วนหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือทำอย่างไรให้ท้องถิ่นมีขีดความสามารถที่จะมีรายได้ให้เพียงพอ ให้สามารถจัดงบประมาณให้กับท้องถิ่นให้รัฐบาลไม่เคยหวง มีแต่สนับสนุน มีแต่หาเงินมาเติมให้ ขอให้ไปย้อนดูงบประมาณแต่ละปีสนับสนุนเพิ่มเติมไปเท่าไร เก็บภาษีได้เท่าไหร่ เรื่องนี้ได้รายละเอียดเยอะ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายก​รัฐมนตรี​ ชี้แจงถึงการบริหารงานของรัฐบาลส่อไปทางทุจริต ส่งผลต่องบประมาณ ว่า อย่าพูดคำนี้กับตน หากว่าไม่มีหลักฐาน ไม่มีคดีความที่ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ยืนยันว่าเข้ามาตรงนี้ จากวันนั้นถึงวันนี้ถึงวันต่อ ๆ ไป ถ้าตนยังอยู่จะไม่มีการทุจริตโดยเด็ดขาด ทั้งนโยบาย เจตนารมณ์ และให้ย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ มีหลายเรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดและจะมีผู้ชี้แจงทั้งหมด ไม่ได้โกรธอะไร​ ที่พูดมาทั้งหมดนี้ จะแพง​ จะจน​ จะพัง​ ทั้งแผ่นดิน ก็ว่าไปเถอะ

“จากที่ได้ฟังญัตติขอให้ย้อนไปในปี 2564 หากจำกันได้ ทำกันมาได้ดีจนถึงวันที่ 20 ธันวาคม 2563 โควิดก็เข้ากันมาอีกรอบ รัฐบาลเป็นคนเอาเข้ามาหรือไม่ รัฐบาลไม่ได้เป็นคนเอาเข้ามา แต่รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาตรงนี้ ซึ่งประชาชนทุกคนร่วมมือ แล้ววันนี้ก็มาอีกหลายระลอกไม่ได้ฉลองปีใหม่ แล้วเจอโควิคสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งทุกประเทศเจอปัญหาเหมือนกันหมด เกิดการแย่งชิงวัคซีน รัฐบาลพยายามทำงานเพื่อให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี สามารถฉีดวัคซีนได้ 100 ล้านโดส วัคซีนที่ทุกชนิดที่เข้ามาในประเทศไทยต้องได้รับการอนุมัติอนุญาตจากกลไกของรัฐทั้งสิ้น ไม่ว่าจะยี่ห้อใดก็ตาม หากไม่ได้ตรวจสอบคัดกรองให้ดีเข้ามามีอันตราย รัฐบาลต้องรับผิดชอบอีก ทุกยี่ห้อเข้ามาโดยการอนุมัติของรัฐบาล” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิดหลายรอบ​ ว่า การกู้เงินอีก 5 แสนล้านบาท มีการฟื้นฟูเยียวยาต่อเนื่องหลายโครงการ บรรเทาความเดือดร้อน แล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยส.ส.ระบุว่า การบริหารประเทศ รัฐบาลนี้บอบช้ำทุกด้าน​ ล้มเหลว ขอให้ไปตามว่าประเทศรอบบ้านเขาเป็นอย่างไรบ้าง อันไหนที่เราแย่กว่า​ อันไหนที่เราดีกว่า คำพูดเหมือนว่าเราแย่ไปเสียทั้งหมด ตนว่าไม่ใช่ ฝากครม.​ ส.ส.แต่รัฐมนตรีที่ทราบดีชี้แจงด้วย เพราะต่อเนื่องเชื่อมโยงกับประชาชนอยู่แล้ว รัฐบาลทำงานเข้าเป้าหมายหลายเรื่อง

“ส่วนการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ จะเป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศ คิดว่ารัฐบาลใช้เงินอย่างเดียวหรือ รัฐบาลต้องคิดสองด้านเสมอ เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศไม่ได้แย่อย่างที่พูด หากล้มเหลวคงไม่มีใครมาลงทุนแน่นอน ไม่มีใครอยากจะมาเที่ยว หรือปรับโทนสีของประเทศให้เดินทางเข้าประเทศไทยได้ ยืนยันว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์หรือขายทรัพยากรธรรมชาติ ผมเข้ามา ผมรักเรื่องนี้ รักทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่น้อยอยู่แล้ว แต่จะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ก็ต้องให้เกิดความเป็นธรรมกับคนทุกกลุ่มทุกฝ่าย เนื่องจากมีจำนวนจำกัด ผมไม่สามารถเอาไปแลกอะไรกับใครได้ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายตามข้อตกลง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า ต้องคิดทั้งระบบ เอาทุกอย่างมาบริหารร่วมกันมีศูนย์กลางในการบริหารสั่งการตามสถานการณ์ จะมาบอกว่าตนใช้แต่อำนาจจนเคยตัว ขอถามว่ากฎหมายพวกนี้เกิดมาในสมัยใคร แล้วใครเคยใช้บ้างหรือไม่ ตนใช้คนเดียวหรือไม่ ก็ออกมาแล้ว ออกมาก่อนที่ตนใช้อีก พวก พ.ร.ก. วัตถุประสงค์เพื่ออะไร เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยมีเสถียรภาพ ตนคงไม่ใช้ในเรื่องของการเอาประโยชน์เข้าใส่ตัวเอง เพราะตนไม่ได้ประโยชน์อะไรจากตรงนี้

“ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปค่อยแก้ไขค่อยปรับแก้ ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทุกวัน รัฐบาล ครม. ทุกคนไม่เคยนิ่งนอนใจ เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจกันให้มากขึ้น มองในสิ่งที่ดี ๆ แล้วขยายสิ่งที่ดี ๆ ทำต่อกันไป สิ่งใดที่ยังไม่เรียบร้อยก็ขอให้เสนอมา ผมยินดีดีปรับแก้ไขในสิ่งที่เป็นไปได้ ทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนทุกกลุ่ม รัฐบาลไหนจะนั่งสบายได้ในสถานการณ์แบบนี้ รัฐบาลนี้ไม่มีความสุข ตราบใดที่ประชาชนยังไม่มีความสุข แต่ความสุขความพอใจจะมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับการบริหารกับงบประมาณที่มีอยู่ สถานการณ์ต้องมีความสงบเรียบร้อย ควบคู่กันไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนโครงการต่าง ๆ รัฐบาล พยายามทำทุกโครงการ หากโครงการใดประชาชนไม่ชอบก็ขอให้บอกมา ในฐานะเป็นตัวแทนของประชาชน โครงการใดควรยกเลิก 3 เฟส 4 เฟสอะไร ตนไม่ได้ต้องการทำเพื่อคะแนนเสียงอะไรทั้งสิ้น แต่ต้องการให้เงินเหล่านี้ไปถึงประชาชนโดยตรง โอนเข้าบัญชีโดยตรง ครที่โกงใครที่ทุจริต ออนไลน์บิดเบือน ติดคุกให้หมด ตนไม่ต้องการให้เขาได้ประโยชน์ ยืนยันว่าทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าต้องทำงานตามแผนเผชิญเหตุ แผนอนาคต ไม่ใช่ทำงานวันต่อวัน ปรับแก้มาตรการดำเนินการว่ามีอะไรที่ยังต้องแก้ไขเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ขอให้ทำไป นี่คือการทำงานร่วมกัน ส่วนการปรับโครงสร้างหนี้ วันนี้ดำเนินการไปแล้ว ต้องแก้ตั้งแต่ต้นเหตุ จะทำอย่างไรที่จะเจรจาไกล่เกลี่ย เพราะเงินไม่ใช่เงินของเรา เป็นเงินของประชาชนทั้งหมด เอาเงินมาใช้ จะต้องทำอย่างไรให้สังคมเข้มแข็งในเวลานี้ ให้ตอบสนองกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างมากมายในวันนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สังคมเราอ่อนแอ ความรักความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญ หากดูในต่างประเทศเขาเอาคำว่าชาติ  ศาสนา พหุวัฒนธรรม สถาบันมีแต่แตกต่างกัน เขาเอาสถาบันเหล่านี้มาเชิดชูความเป็นหนึ่งของประเทศ ไม่ใช่เอามาสร้างความแตกแยก ผมได้รับความชื่นชมจากกลุ่มประเทศรายกลุ่ม แต่แน่นอนหากมองในแง่มุมของประชาธิปไตยมีปัญหาหมด แต่ต้องถามว่าอยู่ในกรอบหรือไม่ แล้วควรต้องอยู่ไหม หากไม่ควรต้องอยู่ก็ขอให้ร่างอะไรมาก็ได้ ทุกคนมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้

“สิ่งที่กังวลมากที่สุดคือความรุนแรงในสังคม ชินแล้วกับการใช้คำพูดวาจาหยาบคาย หรือแสดงกิริยาหยาบคาย เคยชินกับความรุนแรงของปืน ท้ายสุดกลับมาด่าเจ้าหน้าที่ แล้วจะอยู่กันแบบนี้ต่อไปหรือ หากจะอยู่แบบนี้กันต่อไปก็แล้วแต่ เพราะเป็นความรับผิดชอบร่วมกันทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ขอให้สภาฯ แก้กฎหมายโดยเร็ว มีอยู่จำนวนมากที่ค้างอยู่  ต่างคนต่างเล่นกันคนละบทบาท ท่านให้ผมเป็นพระลักษณ์พระรามก็แล้วแต่ ท่านอยากเป็นทศกัณฐ์ก็แล้วแต่ ดูหนังดูละคร ก็ขอให้ย้อนดูตัวคนเล่นละครด้วย ประเทศไทยใหญ่กว่ารามเกียรติ์เยอะ” นายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการลุกขึ้นชี้แจงของนายกรัฐมนตรี  ช่วงหนึ่งนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านได้ทำท่าหลับตาพิงเก้าอี้คล้ายจะหลับ หลังนั่งฟังนายกรัฐมนตรีชี้แจงนานร่วมครึ่งชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]