นายกฯ เหน็บฝ่ายค้านรู้ตอนจบทศกัณฐ์

รัฐสภา 17 ก.พ.-นายกฯ ยันรัฐบาลนี้ไม่ใช่รัฐบาลเดิมจากปี 57 มีคนเดิมแค่ 4 คน 32 คนเป็นคนใหม่ นโยบายใหม่ รมต.พร้อมแจงรายละเอียดทุกประเด็น ลั่น ไม่มีทุจริต ระบุฝ่ายค้านให้เป็นพระรามพระลักษณ์ แล้วออกตัวจะเป็นทศกัณฐ์ รู้อยู่แล้วตอนจบเป็นอย่างไร ชี้ประเทศไทยใหญ่กว่ารามเกียรติ์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงทันทีภายหลัง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดญัตติอภิปราย ทั่วไปแบบไม่ลงมติตาม มาตรา 152 เป็นคนแรก ว่า พร้อมรับฟังด้วยเหตุด้วยผล อะไรที่เป็นประโยชน์ อะไรที่จะนำไปสู่การแก้ไข พร้อมจะรับไปดำเนินการ ขณะนี้มีหลายสถานการณ์เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน รัฐบาลพยายามจะแก้ไขปัญหามาโดยตลอด ซึ่งไม่ใช่ตนทำเพียงคนเดียว แต่ร่วมมือกับคณะทำงานต่าง ๆ รัฐบาล รัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาล และข้าราชการทั้งประเทศหลายแสนคน ที่ช่วยกันทำงานในช่วงที่ผ่านมา

“ถ้าท่านกล่าวว่าเป็นข้อบกพร่องและเป็นปัญหาอยู่ จากข้อมูลที่นพ.ชลน่าน กล่าวมาทั้งหมด หลายอย่างยังไม่ได้ลงในรายละเอียด ซึ่งเวลาที่เหลือต่อจากนี้คณะรัฐมนตรีมีคำชี้แจงที่จะลงรายละเอียดให้กับนพ.ชลน่าน เพื่อไม่ให้ประชาชนรับฟังด้านเดียว แต่จะได้รับฟังเรื่องของการแก้ไขปัญหา ความก้าวหน้า และหลักคิดแนวคิดต่าง ๆ ซึ่งหลายคนในที่นี้อาจมองว่ารัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี ไม่มีความสามารถ แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและความเชื่อมั่นของประชาชนทั้งประเทศ” นายกรัฐมนตรี กล่าว


ส่วนที่ระบุว่านายกรัฐมนตรีเข้าสภาฯ ควรวางบทบาทให้เหมือนกับรามเกียรติ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนคงเล่นบทพระรามพระลักษณ์ แต่อีกฝ่ายคงต้องเล่นเป็นบททศกัณฐ์ แต่คิดว่าประเทศชาติคงไม่ใช่แบบรามเกียรติ์ แต่ท้ายที่สุดก็รู้อยู่แล้วว่าทศกัณฐ์เป็นอย่างไรในตอนท้าย อันนั้นคือข้อเท็จจริง ตนจะไม่กล่าวอะไรอีกที่จะทำให้เกิดความวุ่นวาย ให้เกิดความทะเลาะเบาะแว้ง หรือไม่พอใจกันอีก พยายามจะระมัดระวังอย่างที่สุด

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่นพ.ชลน่านกล่าวมานั้นประมาณ 15 ประเด็น สิ่งแรกที่นพ.ชลน่านกล่าวไม่ใช่ข้อเท็จจริง คล้ายกับว่ารัฐบาลนี้ใช้อำนาจ เป็นกลไกเข้าสู่อำนาจ รวมถึงรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ ไม่ใช่รัฐบาลเดิมจากปี 2557 ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้นั่งตามรัฐธรรมนูญปี 2560 คนที่อยู่ในอำนาจเดิมมาทำหน้าที่ใหม่ตามรัฐธรรมนูญใหม่ ตามกฎหมายใหม่ ตัวบุคคลไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีมีอยู่ 4 คนที่ซ้ำกับเดิม ส่วนอีก 32 คนเป็นคนใหม่ทั้งหมด ซึ่งนโยบายก็ต่างกันแน่นอน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การก่อหนี้สาธารณะ การขยายเพดานหนี้ ครัวเรือน น้ำมันแพง ข้าวของแพง ค่าแรงถูก ยืนยันว่าชี้แจงได้ทั้งหมด เป็นเรื่องของการบริหารจัดการ อัตราการตกงานของนักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่มขึ้น การเปิดปิดกิจการเพิ่มขึ้นหรือลดลงโรงงานต่าง ๆ ก็แก้ไขปัญหาจนมีผลสัมฤทธิ์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ในวันนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ แต่เป็นสถานการณ์ที่เป็นวิกฤติการณ์ของโลก ของภูมิภาค ของทุกประเทศอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน แน่นอนว่าการแก้ไขปัญหานั้นยุ่งยาก มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมาก รัฐบาลต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาทั้งหมด ในเชิงโครงสร้างกลไกและวิธีการ ทางกฎหมาย หลายอย่างคงพูดง่าย ๆ ไม่ได้ ซึ่งต้องชี้แจงรายละเอียดให้เข้าใจ


“การแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด – 19 ที่ฝ่ายค้านระบุว่า กลับไปกลับมา วัคซีนล่าช้า ยืนยันว่าชี้แจงได้ทั้งหมด และเหตุผลคืออะไร วันนี้จัดหาได้เพียงพอ วันแรกมีปัญหาของความไม่พร้อมวัคซีน ข้อตกลงต่าง ๆ ก็ยังไม่เกิดขึ้น เกิดขึ้นไม่ได้ ความไม่แน่นอนในวัคซีนแต่ละประเภท แต่ละชนิด แต่วันนี้ปรากฏออกมาแล้วว่าพัฒนาวิเคราะห์วิจัยจนเป็นผลสัมฤทธิ์ สามารถจัดทำวัคซีนได้ครบถ้วน ส่วนประเทศไทยอยู่ในฐานะที่เป็นประเทศที่อยู่ในเกณฑ์ได้รับการยอมรับ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนที่การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ ไม่มีการเยียวยาที่เหมาะสม ถามกลับไปยังฝ่ายค้านว่าการเยียวยาที่เหมาะสมของท่านคืออะไร คือการช่วยเหลือด้วยการให้เงินสนับสนุนงบประมาณ มองในแง่ของงบประมาณว่าโครงสร้างที่ผ่านมาทั้งหมดก่อนหน้าที่ตนเข้ามาทำโครงสร้างอะไรใหม่ ๆ เพื่อให้ประเทศไทยมี GDP สูงขึ้นบ้างหรือไม่

“ตอบได้หรือไม่ หากตอบได้กรุณาตอบด้วย ท่านถามผม ผมถามกลับท่าน ก่อนหน้านี้นอกจากการขอใช้เงิน ขอใช้งบประมาณให้มากขึ้น เวลาเอาเงินกู้มาก็บอกว่าไม่ทั่วถึง กู้แล้วเพิ่มหนี้สาธารณะ ไม่มีใครทำโดยไม่รู้กฎหมาย เพราะฉะนั้นควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษอยู่แล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแพร่ระบาดของเชื้ออหิวาต์ในสุกร ส่งผลกับราคาเนื้อสุกรที่สูงขึ้น ว่า วันนี้ราคาเนื้อสุกรสูงขึ้นหรือไม่ ไม่แพงเพราะอะไร เพราะนายกรัฐมนตรีเข้าไปแก้ไขอย่างไร เกิดปัญหาขึ้นจากตรงไหน การช่วยเหลือเรื่องการเกิดโรคระบาด แล้วโรคระบาดเกิดจากอะไรเกิดเป็นพื้นที่หรือทั้งประเทศ เดี๋ยวจะมีผู้ชี้แจงให้ทั้งหมด ตนจะ ปกปิดเพื่ออะไร

“แต่สิ่งที่ท่านปกปิดผม ทำไมถึงมีการกักเก็บเนื้อสุกรไว้ในห้องเย็นจำนวนมาก มีคดีอยู่ในศาล ยืนยันว่าจะต้องถูกลงโทษตามกฎหมายทุกประการ ผมไม่ได้รังแกใคร ไม่ได้สนับสนุนลูกค้ารายใหญ่ แต่ต้องการให้ประชาชนคนไทยระดับล่างเข้มแข็งให้มากที่สุด ประเทศไทยตั้งอยู่ด้วยเศรษฐกิจฐานราก เศรษฐกิจทุกระดับจะต้องเดินหน้าไปด้วยกัน เพราะเป็นการสร้างรายได้ให้กับประเทศ แต่ขอว่าต้องอยู่ในกติกากฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนการแก้ไขปัญหาเรื่องการขาดองค์ความรู้เรื่องสินค้าอุปโภคบริโภค ที่มีแนวโน้มที่ตัวสูงขึ้น​ นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า สมัยก่อนปรับตัวสูงขึ้นและต่ำลง ตามความต้องการของตลาดและฤดูกาล เรื่องนี้ตนสั่งการให้ไปตรวจสอบว่ามีราคาสูงขึ้นเพราะอะไร แล้ววันนี้ราคาหมูลงเท่าไหร่​ โดยการลักลอบนำเข้าการปกปิด การเลี้ยงที่ไม่มีคุณภาพก็ต้องไปแก้ไข​ ซึ่งไม่โทษใคร เพียงแต่ให้ทุกคนมาร่วมมือกันทำงาน ปัญหาติดตรงไหนก็แก้ตรงนั้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 จะมีหน่วยงานมาชี้แจง ยุทธศาสตร์ชาติเดินหน้าไปถึงไหนอย่างไร อย่าพูดลอย ๆ หลายคนพูดว่าจะมาแก้ไข PM 2.5 ขอให้แก้เรื่องปัญหาการจราจรให้ได้เสียก่อน ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งคือการใช้รถใช้ถนน ห้ามเขาได้หรือไม่ ห้ามรถเก่ามาวิ่งได้หรือไม่ คนเรามีรายได้แตกต่างกัน แต่ทำอย่างไรจะปรับตัวเองได้ทุกอย่างต้องเริ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป

“ทุกประเทศก็เป็นแบบนี้ ก่อนที่เขาจะเจริญร่ำรวยมาถึงทุกวันนี้ เอาทุกอย่างมาประยุกต์ใช้​ มาปรับตัว​ มาปรับในความคิดของตน ไม่ได้ทำงานแบบสุกเอาเผากิน เพื่อตอบสนองความพอใจของคนบางคน คนบางกลุ่มตนไม่ทำแบบนั้น แต่ต้องทำให้คนไทยทุกคนมีความสุข และเป็นความสุขที่แท้จริง ไม่ใช่ความสุขจอมปลอม พูดให้คนเขาเชื่อ​ พูดให้คนเขารัก มันไม่ใช่ผม พูดด้วยความจริงใจของผมว่าจะพูดจะทำอะไร” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาประมงว่า ที่ผ่านมาทำให้ทุกอย่างถูกกฎหมาย สร้างความเป็นธรรมกับประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้าน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากระทบกับการค้า การประมงในต่างประเทศ ขอถามว่าแบบนี้เรียกว่าล้มเหลวตรงไหน ล้มเหลวอย่างไร เรื่องการทำลายเรือ เรื่องเหล่านี้เกิดมาเมื่อไหร่ แล้วตนแก้หรือไม่ รัฐบาลก่อน ​ๆ​ เคย​ตอบหรือไม่ ตนไม่ได้พูดถึงรัฐทั่วไป​ แต่ตนพูดถึงรัฐบาลของคนที่พูดเมื่อสักครู่ หากทำมาแล้ว ตนจะยอมรับ หากทำมาดี ตนก็คงไม่ต้องมาทำ ไม่ได้ว่าใคร

“ การแก้ไขรัฐธรรมนูญและบริหารราชการท้องถิ่นพร้อมกระจายอยู่แล้ว แต่ถามว่างบประมาณของท้องถิ่นเก็บได้มากน้อยเพียงใด พยายามจะทำอย่างไรให้ท้องถิ่นให้มีรายได้เพิ่มขึ้น​ เพราะการเก็บภาษีเป็นส่วนหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือทำอย่างไรให้ท้องถิ่นมีขีดความสามารถที่จะมีรายได้ให้เพียงพอ ให้สามารถจัดงบประมาณให้กับท้องถิ่นให้รัฐบาลไม่เคยหวง มีแต่สนับสนุน มีแต่หาเงินมาเติมให้ ขอให้ไปย้อนดูงบประมาณแต่ละปีสนับสนุนเพิ่มเติมไปเท่าไร เก็บภาษีได้เท่าไหร่ เรื่องนี้ได้รายละเอียดเยอะ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายก​รัฐมนตรี​ ชี้แจงถึงการบริหารงานของรัฐบาลส่อไปทางทุจริต ส่งผลต่องบประมาณ ว่า อย่าพูดคำนี้กับตน หากว่าไม่มีหลักฐาน ไม่มีคดีความที่ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ยืนยันว่าเข้ามาตรงนี้ จากวันนั้นถึงวันนี้ถึงวันต่อ ๆ ไป ถ้าตนยังอยู่จะไม่มีการทุจริตโดยเด็ดขาด ทั้งนโยบาย เจตนารมณ์ และให้ย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ มีหลายเรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดและจะมีผู้ชี้แจงทั้งหมด ไม่ได้โกรธอะไร​ ที่พูดมาทั้งหมดนี้ จะแพง​ จะจน​ จะพัง​ ทั้งแผ่นดิน ก็ว่าไปเถอะ

“จากที่ได้ฟังญัตติขอให้ย้อนไปในปี 2564 หากจำกันได้ ทำกันมาได้ดีจนถึงวันที่ 20 ธันวาคม 2563 โควิดก็เข้ากันมาอีกรอบ รัฐบาลเป็นคนเอาเข้ามาหรือไม่ รัฐบาลไม่ได้เป็นคนเอาเข้ามา แต่รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาตรงนี้ ซึ่งประชาชนทุกคนร่วมมือ แล้ววันนี้ก็มาอีกหลายระลอกไม่ได้ฉลองปีใหม่ แล้วเจอโควิคสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งทุกประเทศเจอปัญหาเหมือนกันหมด เกิดการแย่งชิงวัคซีน รัฐบาลพยายามทำงานเพื่อให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี สามารถฉีดวัคซีนได้ 100 ล้านโดส วัคซีนที่ทุกชนิดที่เข้ามาในประเทศไทยต้องได้รับการอนุมัติอนุญาตจากกลไกของรัฐทั้งสิ้น ไม่ว่าจะยี่ห้อใดก็ตาม หากไม่ได้ตรวจสอบคัดกรองให้ดีเข้ามามีอันตราย รัฐบาลต้องรับผิดชอบอีก ทุกยี่ห้อเข้ามาโดยการอนุมัติของรัฐบาล” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิดหลายรอบ​ ว่า การกู้เงินอีก 5 แสนล้านบาท มีการฟื้นฟูเยียวยาต่อเนื่องหลายโครงการ บรรเทาความเดือดร้อน แล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยส.ส.ระบุว่า การบริหารประเทศ รัฐบาลนี้บอบช้ำทุกด้าน​ ล้มเหลว ขอให้ไปตามว่าประเทศรอบบ้านเขาเป็นอย่างไรบ้าง อันไหนที่เราแย่กว่า​ อันไหนที่เราดีกว่า คำพูดเหมือนว่าเราแย่ไปเสียทั้งหมด ตนว่าไม่ใช่ ฝากครม.​ ส.ส.แต่รัฐมนตรีที่ทราบดีชี้แจงด้วย เพราะต่อเนื่องเชื่อมโยงกับประชาชนอยู่แล้ว รัฐบาลทำงานเข้าเป้าหมายหลายเรื่อง

“ส่วนการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ จะเป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศ คิดว่ารัฐบาลใช้เงินอย่างเดียวหรือ รัฐบาลต้องคิดสองด้านเสมอ เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศไม่ได้แย่อย่างที่พูด หากล้มเหลวคงไม่มีใครมาลงทุนแน่นอน ไม่มีใครอยากจะมาเที่ยว หรือปรับโทนสีของประเทศให้เดินทางเข้าประเทศไทยได้ ยืนยันว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์หรือขายทรัพยากรธรรมชาติ ผมเข้ามา ผมรักเรื่องนี้ รักทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่น้อยอยู่แล้ว แต่จะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ก็ต้องให้เกิดความเป็นธรรมกับคนทุกกลุ่มทุกฝ่าย เนื่องจากมีจำนวนจำกัด ผมไม่สามารถเอาไปแลกอะไรกับใครได้ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายตามข้อตกลง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า ต้องคิดทั้งระบบ เอาทุกอย่างมาบริหารร่วมกันมีศูนย์กลางในการบริหารสั่งการตามสถานการณ์ จะมาบอกว่าตนใช้แต่อำนาจจนเคยตัว ขอถามว่ากฎหมายพวกนี้เกิดมาในสมัยใคร แล้วใครเคยใช้บ้างหรือไม่ ตนใช้คนเดียวหรือไม่ ก็ออกมาแล้ว ออกมาก่อนที่ตนใช้อีก พวก พ.ร.ก. วัตถุประสงค์เพื่ออะไร เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยมีเสถียรภาพ ตนคงไม่ใช้ในเรื่องของการเอาประโยชน์เข้าใส่ตัวเอง เพราะตนไม่ได้ประโยชน์อะไรจากตรงนี้

“ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปค่อยแก้ไขค่อยปรับแก้ ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทุกวัน รัฐบาล ครม. ทุกคนไม่เคยนิ่งนอนใจ เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจกันให้มากขึ้น มองในสิ่งที่ดี ๆ แล้วขยายสิ่งที่ดี ๆ ทำต่อกันไป สิ่งใดที่ยังไม่เรียบร้อยก็ขอให้เสนอมา ผมยินดีดีปรับแก้ไขในสิ่งที่เป็นไปได้ ทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนทุกกลุ่ม รัฐบาลไหนจะนั่งสบายได้ในสถานการณ์แบบนี้ รัฐบาลนี้ไม่มีความสุข ตราบใดที่ประชาชนยังไม่มีความสุข แต่ความสุขความพอใจจะมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับการบริหารกับงบประมาณที่มีอยู่ สถานการณ์ต้องมีความสงบเรียบร้อย ควบคู่กันไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนโครงการต่าง ๆ รัฐบาล พยายามทำทุกโครงการ หากโครงการใดประชาชนไม่ชอบก็ขอให้บอกมา ในฐานะเป็นตัวแทนของประชาชน โครงการใดควรยกเลิก 3 เฟส 4 เฟสอะไร ตนไม่ได้ต้องการทำเพื่อคะแนนเสียงอะไรทั้งสิ้น แต่ต้องการให้เงินเหล่านี้ไปถึงประชาชนโดยตรง โอนเข้าบัญชีโดยตรง ครที่โกงใครที่ทุจริต ออนไลน์บิดเบือน ติดคุกให้หมด ตนไม่ต้องการให้เขาได้ประโยชน์ ยืนยันว่าทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าต้องทำงานตามแผนเผชิญเหตุ แผนอนาคต ไม่ใช่ทำงานวันต่อวัน ปรับแก้มาตรการดำเนินการว่ามีอะไรที่ยังต้องแก้ไขเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ขอให้ทำไป นี่คือการทำงานร่วมกัน ส่วนการปรับโครงสร้างหนี้ วันนี้ดำเนินการไปแล้ว ต้องแก้ตั้งแต่ต้นเหตุ จะทำอย่างไรที่จะเจรจาไกล่เกลี่ย เพราะเงินไม่ใช่เงินของเรา เป็นเงินของประชาชนทั้งหมด เอาเงินมาใช้ จะต้องทำอย่างไรให้สังคมเข้มแข็งในเวลานี้ ให้ตอบสนองกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างมากมายในวันนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สังคมเราอ่อนแอ ความรักความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญ หากดูในต่างประเทศเขาเอาคำว่าชาติ  ศาสนา พหุวัฒนธรรม สถาบันมีแต่แตกต่างกัน เขาเอาสถาบันเหล่านี้มาเชิดชูความเป็นหนึ่งของประเทศ ไม่ใช่เอามาสร้างความแตกแยก ผมได้รับความชื่นชมจากกลุ่มประเทศรายกลุ่ม แต่แน่นอนหากมองในแง่มุมของประชาธิปไตยมีปัญหาหมด แต่ต้องถามว่าอยู่ในกรอบหรือไม่ แล้วควรต้องอยู่ไหม หากไม่ควรต้องอยู่ก็ขอให้ร่างอะไรมาก็ได้ ทุกคนมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้

“สิ่งที่กังวลมากที่สุดคือความรุนแรงในสังคม ชินแล้วกับการใช้คำพูดวาจาหยาบคาย หรือแสดงกิริยาหยาบคาย เคยชินกับความรุนแรงของปืน ท้ายสุดกลับมาด่าเจ้าหน้าที่ แล้วจะอยู่กันแบบนี้ต่อไปหรือ หากจะอยู่แบบนี้กันต่อไปก็แล้วแต่ เพราะเป็นความรับผิดชอบร่วมกันทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ขอให้สภาฯ แก้กฎหมายโดยเร็ว มีอยู่จำนวนมากที่ค้างอยู่  ต่างคนต่างเล่นกันคนละบทบาท ท่านให้ผมเป็นพระลักษณ์พระรามก็แล้วแต่ ท่านอยากเป็นทศกัณฐ์ก็แล้วแต่ ดูหนังดูละคร ก็ขอให้ย้อนดูตัวคนเล่นละครด้วย ประเทศไทยใหญ่กว่ารามเกียรติ์เยอะ” นายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการลุกขึ้นชี้แจงของนายกรัฐมนตรี  ช่วงหนึ่งนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านได้ทำท่าหลับตาพิงเก้าอี้คล้ายจะหลับ หลังนั่งฟังนายกรัฐมนตรีชี้แจงนานร่วมครึ่งชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]

ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบกองปราบ

22 ก.ย.- ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ ขณะที่สีกาเยอรมนีเตรียมนั่งเครื่องเข้าพบตำรวจ 2 ต.ค.นี้ หลังจากที่นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี พร้อมทีมทนายความ ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงประเด็นที่ น.ส.ทองใหม่ ขวัญหมื่น หรือ ทนายอุ้ม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากสีกาจากประเทศเยอรมนี เข้ามาร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปราม กล่าวหาว่า พระคึกฤทธิ์ ยักยอกเงินวัด ก่อนนำมาฟอกกับมูลนิธิพุทธวจนที่ประเทศเยอรมนีนั้น ความเคลื่อนไหวล่าสุดวันนี้ (22 ก.ย.68) เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม กองกำกับการ 2 นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี และทีมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยนำเอกสารเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงิน เงินบริจาคภายในวัด มามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ โดยใช้เวลาในการชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับทันที และไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด หลังจากนั้นทีมข่าวได้ติดต่อไปที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดนาป่าพง โดยเฉพาะเงินที่เปิดรับบริจาคทั่วประเทศ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริง […]