นายกฯ เหน็บฝ่ายค้านรู้ตอนจบทศกัณฐ์

รัฐสภา 17 ก.พ.-นายกฯ ยันรัฐบาลนี้ไม่ใช่รัฐบาลเดิมจากปี 57 มีคนเดิมแค่ 4 คน 32 คนเป็นคนใหม่ นโยบายใหม่ รมต.พร้อมแจงรายละเอียดทุกประเด็น ลั่น ไม่มีทุจริต ระบุฝ่ายค้านให้เป็นพระรามพระลักษณ์ แล้วออกตัวจะเป็นทศกัณฐ์ รู้อยู่แล้วตอนจบเป็นอย่างไร ชี้ประเทศไทยใหญ่กว่ารามเกียรติ์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงทันทีภายหลัง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดญัตติอภิปราย ทั่วไปแบบไม่ลงมติตาม มาตรา 152 เป็นคนแรก ว่า พร้อมรับฟังด้วยเหตุด้วยผล อะไรที่เป็นประโยชน์ อะไรที่จะนำไปสู่การแก้ไข พร้อมจะรับไปดำเนินการ ขณะนี้มีหลายสถานการณ์เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน รัฐบาลพยายามจะแก้ไขปัญหามาโดยตลอด ซึ่งไม่ใช่ตนทำเพียงคนเดียว แต่ร่วมมือกับคณะทำงานต่าง ๆ รัฐบาล รัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาล และข้าราชการทั้งประเทศหลายแสนคน ที่ช่วยกันทำงานในช่วงที่ผ่านมา

“ถ้าท่านกล่าวว่าเป็นข้อบกพร่องและเป็นปัญหาอยู่ จากข้อมูลที่นพ.ชลน่าน กล่าวมาทั้งหมด หลายอย่างยังไม่ได้ลงในรายละเอียด ซึ่งเวลาที่เหลือต่อจากนี้คณะรัฐมนตรีมีคำชี้แจงที่จะลงรายละเอียดให้กับนพ.ชลน่าน เพื่อไม่ให้ประชาชนรับฟังด้านเดียว แต่จะได้รับฟังเรื่องของการแก้ไขปัญหา ความก้าวหน้า และหลักคิดแนวคิดต่าง ๆ ซึ่งหลายคนในที่นี้อาจมองว่ารัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี ไม่มีความสามารถ แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและความเชื่อมั่นของประชาชนทั้งประเทศ” นายกรัฐมนตรี กล่าว


ส่วนที่ระบุว่านายกรัฐมนตรีเข้าสภาฯ ควรวางบทบาทให้เหมือนกับรามเกียรติ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนคงเล่นบทพระรามพระลักษณ์ แต่อีกฝ่ายคงต้องเล่นเป็นบททศกัณฐ์ แต่คิดว่าประเทศชาติคงไม่ใช่แบบรามเกียรติ์ แต่ท้ายที่สุดก็รู้อยู่แล้วว่าทศกัณฐ์เป็นอย่างไรในตอนท้าย อันนั้นคือข้อเท็จจริง ตนจะไม่กล่าวอะไรอีกที่จะทำให้เกิดความวุ่นวาย ให้เกิดความทะเลาะเบาะแว้ง หรือไม่พอใจกันอีก พยายามจะระมัดระวังอย่างที่สุด

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่นพ.ชลน่านกล่าวมานั้นประมาณ 15 ประเด็น สิ่งแรกที่นพ.ชลน่านกล่าวไม่ใช่ข้อเท็จจริง คล้ายกับว่ารัฐบาลนี้ใช้อำนาจ เป็นกลไกเข้าสู่อำนาจ รวมถึงรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ ไม่ใช่รัฐบาลเดิมจากปี 2557 ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้นั่งตามรัฐธรรมนูญปี 2560 คนที่อยู่ในอำนาจเดิมมาทำหน้าที่ใหม่ตามรัฐธรรมนูญใหม่ ตามกฎหมายใหม่ ตัวบุคคลไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีมีอยู่ 4 คนที่ซ้ำกับเดิม ส่วนอีก 32 คนเป็นคนใหม่ทั้งหมด ซึ่งนโยบายก็ต่างกันแน่นอน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การก่อหนี้สาธารณะ การขยายเพดานหนี้ ครัวเรือน น้ำมันแพง ข้าวของแพง ค่าแรงถูก ยืนยันว่าชี้แจงได้ทั้งหมด เป็นเรื่องของการบริหารจัดการ อัตราการตกงานของนักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่มขึ้น การเปิดปิดกิจการเพิ่มขึ้นหรือลดลงโรงงานต่าง ๆ ก็แก้ไขปัญหาจนมีผลสัมฤทธิ์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ในวันนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ แต่เป็นสถานการณ์ที่เป็นวิกฤติการณ์ของโลก ของภูมิภาค ของทุกประเทศอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน แน่นอนว่าการแก้ไขปัญหานั้นยุ่งยาก มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมาก รัฐบาลต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาทั้งหมด ในเชิงโครงสร้างกลไกและวิธีการ ทางกฎหมาย หลายอย่างคงพูดง่าย ๆ ไม่ได้ ซึ่งต้องชี้แจงรายละเอียดให้เข้าใจ


“การแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด – 19 ที่ฝ่ายค้านระบุว่า กลับไปกลับมา วัคซีนล่าช้า ยืนยันว่าชี้แจงได้ทั้งหมด และเหตุผลคืออะไร วันนี้จัดหาได้เพียงพอ วันแรกมีปัญหาของความไม่พร้อมวัคซีน ข้อตกลงต่าง ๆ ก็ยังไม่เกิดขึ้น เกิดขึ้นไม่ได้ ความไม่แน่นอนในวัคซีนแต่ละประเภท แต่ละชนิด แต่วันนี้ปรากฏออกมาแล้วว่าพัฒนาวิเคราะห์วิจัยจนเป็นผลสัมฤทธิ์ สามารถจัดทำวัคซีนได้ครบถ้วน ส่วนประเทศไทยอยู่ในฐานะที่เป็นประเทศที่อยู่ในเกณฑ์ได้รับการยอมรับ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนที่การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ ไม่มีการเยียวยาที่เหมาะสม ถามกลับไปยังฝ่ายค้านว่าการเยียวยาที่เหมาะสมของท่านคืออะไร คือการช่วยเหลือด้วยการให้เงินสนับสนุนงบประมาณ มองในแง่ของงบประมาณว่าโครงสร้างที่ผ่านมาทั้งหมดก่อนหน้าที่ตนเข้ามาทำโครงสร้างอะไรใหม่ ๆ เพื่อให้ประเทศไทยมี GDP สูงขึ้นบ้างหรือไม่

“ตอบได้หรือไม่ หากตอบได้กรุณาตอบด้วย ท่านถามผม ผมถามกลับท่าน ก่อนหน้านี้นอกจากการขอใช้เงิน ขอใช้งบประมาณให้มากขึ้น เวลาเอาเงินกู้มาก็บอกว่าไม่ทั่วถึง กู้แล้วเพิ่มหนี้สาธารณะ ไม่มีใครทำโดยไม่รู้กฎหมาย เพราะฉะนั้นควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษอยู่แล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแพร่ระบาดของเชื้ออหิวาต์ในสุกร ส่งผลกับราคาเนื้อสุกรที่สูงขึ้น ว่า วันนี้ราคาเนื้อสุกรสูงขึ้นหรือไม่ ไม่แพงเพราะอะไร เพราะนายกรัฐมนตรีเข้าไปแก้ไขอย่างไร เกิดปัญหาขึ้นจากตรงไหน การช่วยเหลือเรื่องการเกิดโรคระบาด แล้วโรคระบาดเกิดจากอะไรเกิดเป็นพื้นที่หรือทั้งประเทศ เดี๋ยวจะมีผู้ชี้แจงให้ทั้งหมด ตนจะ ปกปิดเพื่ออะไร

“แต่สิ่งที่ท่านปกปิดผม ทำไมถึงมีการกักเก็บเนื้อสุกรไว้ในห้องเย็นจำนวนมาก มีคดีอยู่ในศาล ยืนยันว่าจะต้องถูกลงโทษตามกฎหมายทุกประการ ผมไม่ได้รังแกใคร ไม่ได้สนับสนุนลูกค้ารายใหญ่ แต่ต้องการให้ประชาชนคนไทยระดับล่างเข้มแข็งให้มากที่สุด ประเทศไทยตั้งอยู่ด้วยเศรษฐกิจฐานราก เศรษฐกิจทุกระดับจะต้องเดินหน้าไปด้วยกัน เพราะเป็นการสร้างรายได้ให้กับประเทศ แต่ขอว่าต้องอยู่ในกติกากฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนการแก้ไขปัญหาเรื่องการขาดองค์ความรู้เรื่องสินค้าอุปโภคบริโภค ที่มีแนวโน้มที่ตัวสูงขึ้น​ นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า สมัยก่อนปรับตัวสูงขึ้นและต่ำลง ตามความต้องการของตลาดและฤดูกาล เรื่องนี้ตนสั่งการให้ไปตรวจสอบว่ามีราคาสูงขึ้นเพราะอะไร แล้ววันนี้ราคาหมูลงเท่าไหร่​ โดยการลักลอบนำเข้าการปกปิด การเลี้ยงที่ไม่มีคุณภาพก็ต้องไปแก้ไข​ ซึ่งไม่โทษใคร เพียงแต่ให้ทุกคนมาร่วมมือกันทำงาน ปัญหาติดตรงไหนก็แก้ตรงนั้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 จะมีหน่วยงานมาชี้แจง ยุทธศาสตร์ชาติเดินหน้าไปถึงไหนอย่างไร อย่าพูดลอย ๆ หลายคนพูดว่าจะมาแก้ไข PM 2.5 ขอให้แก้เรื่องปัญหาการจราจรให้ได้เสียก่อน ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งคือการใช้รถใช้ถนน ห้ามเขาได้หรือไม่ ห้ามรถเก่ามาวิ่งได้หรือไม่ คนเรามีรายได้แตกต่างกัน แต่ทำอย่างไรจะปรับตัวเองได้ทุกอย่างต้องเริ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป

“ทุกประเทศก็เป็นแบบนี้ ก่อนที่เขาจะเจริญร่ำรวยมาถึงทุกวันนี้ เอาทุกอย่างมาประยุกต์ใช้​ มาปรับตัว​ มาปรับในความคิดของตน ไม่ได้ทำงานแบบสุกเอาเผากิน เพื่อตอบสนองความพอใจของคนบางคน คนบางกลุ่มตนไม่ทำแบบนั้น แต่ต้องทำให้คนไทยทุกคนมีความสุข และเป็นความสุขที่แท้จริง ไม่ใช่ความสุขจอมปลอม พูดให้คนเขาเชื่อ​ พูดให้คนเขารัก มันไม่ใช่ผม พูดด้วยความจริงใจของผมว่าจะพูดจะทำอะไร” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาประมงว่า ที่ผ่านมาทำให้ทุกอย่างถูกกฎหมาย สร้างความเป็นธรรมกับประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้าน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากระทบกับการค้า การประมงในต่างประเทศ ขอถามว่าแบบนี้เรียกว่าล้มเหลวตรงไหน ล้มเหลวอย่างไร เรื่องการทำลายเรือ เรื่องเหล่านี้เกิดมาเมื่อไหร่ แล้วตนแก้หรือไม่ รัฐบาลก่อน ​ๆ​ เคย​ตอบหรือไม่ ตนไม่ได้พูดถึงรัฐทั่วไป​ แต่ตนพูดถึงรัฐบาลของคนที่พูดเมื่อสักครู่ หากทำมาแล้ว ตนจะยอมรับ หากทำมาดี ตนก็คงไม่ต้องมาทำ ไม่ได้ว่าใคร

“ การแก้ไขรัฐธรรมนูญและบริหารราชการท้องถิ่นพร้อมกระจายอยู่แล้ว แต่ถามว่างบประมาณของท้องถิ่นเก็บได้มากน้อยเพียงใด พยายามจะทำอย่างไรให้ท้องถิ่นให้มีรายได้เพิ่มขึ้น​ เพราะการเก็บภาษีเป็นส่วนหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือทำอย่างไรให้ท้องถิ่นมีขีดความสามารถที่จะมีรายได้ให้เพียงพอ ให้สามารถจัดงบประมาณให้กับท้องถิ่นให้รัฐบาลไม่เคยหวง มีแต่สนับสนุน มีแต่หาเงินมาเติมให้ ขอให้ไปย้อนดูงบประมาณแต่ละปีสนับสนุนเพิ่มเติมไปเท่าไร เก็บภาษีได้เท่าไหร่ เรื่องนี้ได้รายละเอียดเยอะ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายก​รัฐมนตรี​ ชี้แจงถึงการบริหารงานของรัฐบาลส่อไปทางทุจริต ส่งผลต่องบประมาณ ว่า อย่าพูดคำนี้กับตน หากว่าไม่มีหลักฐาน ไม่มีคดีความที่ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ยืนยันว่าเข้ามาตรงนี้ จากวันนั้นถึงวันนี้ถึงวันต่อ ๆ ไป ถ้าตนยังอยู่จะไม่มีการทุจริตโดยเด็ดขาด ทั้งนโยบาย เจตนารมณ์ และให้ย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ มีหลายเรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดและจะมีผู้ชี้แจงทั้งหมด ไม่ได้โกรธอะไร​ ที่พูดมาทั้งหมดนี้ จะแพง​ จะจน​ จะพัง​ ทั้งแผ่นดิน ก็ว่าไปเถอะ

“จากที่ได้ฟังญัตติขอให้ย้อนไปในปี 2564 หากจำกันได้ ทำกันมาได้ดีจนถึงวันที่ 20 ธันวาคม 2563 โควิดก็เข้ากันมาอีกรอบ รัฐบาลเป็นคนเอาเข้ามาหรือไม่ รัฐบาลไม่ได้เป็นคนเอาเข้ามา แต่รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาตรงนี้ ซึ่งประชาชนทุกคนร่วมมือ แล้ววันนี้ก็มาอีกหลายระลอกไม่ได้ฉลองปีใหม่ แล้วเจอโควิคสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งทุกประเทศเจอปัญหาเหมือนกันหมด เกิดการแย่งชิงวัคซีน รัฐบาลพยายามทำงานเพื่อให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี สามารถฉีดวัคซีนได้ 100 ล้านโดส วัคซีนที่ทุกชนิดที่เข้ามาในประเทศไทยต้องได้รับการอนุมัติอนุญาตจากกลไกของรัฐทั้งสิ้น ไม่ว่าจะยี่ห้อใดก็ตาม หากไม่ได้ตรวจสอบคัดกรองให้ดีเข้ามามีอันตราย รัฐบาลต้องรับผิดชอบอีก ทุกยี่ห้อเข้ามาโดยการอนุมัติของรัฐบาล” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิดหลายรอบ​ ว่า การกู้เงินอีก 5 แสนล้านบาท มีการฟื้นฟูเยียวยาต่อเนื่องหลายโครงการ บรรเทาความเดือดร้อน แล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยส.ส.ระบุว่า การบริหารประเทศ รัฐบาลนี้บอบช้ำทุกด้าน​ ล้มเหลว ขอให้ไปตามว่าประเทศรอบบ้านเขาเป็นอย่างไรบ้าง อันไหนที่เราแย่กว่า​ อันไหนที่เราดีกว่า คำพูดเหมือนว่าเราแย่ไปเสียทั้งหมด ตนว่าไม่ใช่ ฝากครม.​ ส.ส.แต่รัฐมนตรีที่ทราบดีชี้แจงด้วย เพราะต่อเนื่องเชื่อมโยงกับประชาชนอยู่แล้ว รัฐบาลทำงานเข้าเป้าหมายหลายเรื่อง

“ส่วนการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ จะเป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศ คิดว่ารัฐบาลใช้เงินอย่างเดียวหรือ รัฐบาลต้องคิดสองด้านเสมอ เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศไม่ได้แย่อย่างที่พูด หากล้มเหลวคงไม่มีใครมาลงทุนแน่นอน ไม่มีใครอยากจะมาเที่ยว หรือปรับโทนสีของประเทศให้เดินทางเข้าประเทศไทยได้ ยืนยันว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์หรือขายทรัพยากรธรรมชาติ ผมเข้ามา ผมรักเรื่องนี้ รักทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่น้อยอยู่แล้ว แต่จะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ก็ต้องให้เกิดความเป็นธรรมกับคนทุกกลุ่มทุกฝ่าย เนื่องจากมีจำนวนจำกัด ผมไม่สามารถเอาไปแลกอะไรกับใครได้ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายตามข้อตกลง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า ต้องคิดทั้งระบบ เอาทุกอย่างมาบริหารร่วมกันมีศูนย์กลางในการบริหารสั่งการตามสถานการณ์ จะมาบอกว่าตนใช้แต่อำนาจจนเคยตัว ขอถามว่ากฎหมายพวกนี้เกิดมาในสมัยใคร แล้วใครเคยใช้บ้างหรือไม่ ตนใช้คนเดียวหรือไม่ ก็ออกมาแล้ว ออกมาก่อนที่ตนใช้อีก พวก พ.ร.ก. วัตถุประสงค์เพื่ออะไร เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยมีเสถียรภาพ ตนคงไม่ใช้ในเรื่องของการเอาประโยชน์เข้าใส่ตัวเอง เพราะตนไม่ได้ประโยชน์อะไรจากตรงนี้

“ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปค่อยแก้ไขค่อยปรับแก้ ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทุกวัน รัฐบาล ครม. ทุกคนไม่เคยนิ่งนอนใจ เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจกันให้มากขึ้น มองในสิ่งที่ดี ๆ แล้วขยายสิ่งที่ดี ๆ ทำต่อกันไป สิ่งใดที่ยังไม่เรียบร้อยก็ขอให้เสนอมา ผมยินดีดีปรับแก้ไขในสิ่งที่เป็นไปได้ ทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนทุกกลุ่ม รัฐบาลไหนจะนั่งสบายได้ในสถานการณ์แบบนี้ รัฐบาลนี้ไม่มีความสุข ตราบใดที่ประชาชนยังไม่มีความสุข แต่ความสุขความพอใจจะมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับการบริหารกับงบประมาณที่มีอยู่ สถานการณ์ต้องมีความสงบเรียบร้อย ควบคู่กันไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนโครงการต่าง ๆ รัฐบาล พยายามทำทุกโครงการ หากโครงการใดประชาชนไม่ชอบก็ขอให้บอกมา ในฐานะเป็นตัวแทนของประชาชน โครงการใดควรยกเลิก 3 เฟส 4 เฟสอะไร ตนไม่ได้ต้องการทำเพื่อคะแนนเสียงอะไรทั้งสิ้น แต่ต้องการให้เงินเหล่านี้ไปถึงประชาชนโดยตรง โอนเข้าบัญชีโดยตรง ครที่โกงใครที่ทุจริต ออนไลน์บิดเบือน ติดคุกให้หมด ตนไม่ต้องการให้เขาได้ประโยชน์ ยืนยันว่าทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าต้องทำงานตามแผนเผชิญเหตุ แผนอนาคต ไม่ใช่ทำงานวันต่อวัน ปรับแก้มาตรการดำเนินการว่ามีอะไรที่ยังต้องแก้ไขเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ขอให้ทำไป นี่คือการทำงานร่วมกัน ส่วนการปรับโครงสร้างหนี้ วันนี้ดำเนินการไปแล้ว ต้องแก้ตั้งแต่ต้นเหตุ จะทำอย่างไรที่จะเจรจาไกล่เกลี่ย เพราะเงินไม่ใช่เงินของเรา เป็นเงินของประชาชนทั้งหมด เอาเงินมาใช้ จะต้องทำอย่างไรให้สังคมเข้มแข็งในเวลานี้ ให้ตอบสนองกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างมากมายในวันนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สังคมเราอ่อนแอ ความรักความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญ หากดูในต่างประเทศเขาเอาคำว่าชาติ  ศาสนา พหุวัฒนธรรม สถาบันมีแต่แตกต่างกัน เขาเอาสถาบันเหล่านี้มาเชิดชูความเป็นหนึ่งของประเทศ ไม่ใช่เอามาสร้างความแตกแยก ผมได้รับความชื่นชมจากกลุ่มประเทศรายกลุ่ม แต่แน่นอนหากมองในแง่มุมของประชาธิปไตยมีปัญหาหมด แต่ต้องถามว่าอยู่ในกรอบหรือไม่ แล้วควรต้องอยู่ไหม หากไม่ควรต้องอยู่ก็ขอให้ร่างอะไรมาก็ได้ ทุกคนมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้

“สิ่งที่กังวลมากที่สุดคือความรุนแรงในสังคม ชินแล้วกับการใช้คำพูดวาจาหยาบคาย หรือแสดงกิริยาหยาบคาย เคยชินกับความรุนแรงของปืน ท้ายสุดกลับมาด่าเจ้าหน้าที่ แล้วจะอยู่กันแบบนี้ต่อไปหรือ หากจะอยู่แบบนี้กันต่อไปก็แล้วแต่ เพราะเป็นความรับผิดชอบร่วมกันทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ขอให้สภาฯ แก้กฎหมายโดยเร็ว มีอยู่จำนวนมากที่ค้างอยู่  ต่างคนต่างเล่นกันคนละบทบาท ท่านให้ผมเป็นพระลักษณ์พระรามก็แล้วแต่ ท่านอยากเป็นทศกัณฐ์ก็แล้วแต่ ดูหนังดูละคร ก็ขอให้ย้อนดูตัวคนเล่นละครด้วย ประเทศไทยใหญ่กว่ารามเกียรติ์เยอะ” นายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการลุกขึ้นชี้แจงของนายกรัฐมนตรี  ช่วงหนึ่งนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านได้ทำท่าหลับตาพิงเก้าอี้คล้ายจะหลับ หลังนั่งฟังนายกรัฐมนตรีชี้แจงนานร่วมครึ่งชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]