สั่งเข้มสถานศึกษาหลังพบคลัสเตอร์ต่อเนื่อง 

ทำเนียบรัฐบาล 28 ม.ค.-ศบค.เข้มโควิดในโรงเรียน พบคลัสเตอร์หญิงล้วนราชบุรีป่วย 311 ราย หลังกลับมาจากปีใหม่ สั่งปิดโรงเรียนทันที ชี้การตรวจ ATK อาจเจอผลลบลวงได้


พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐบาล (ศบค.) เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนอาจตื่นตระหนกกับการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน BA.2 หรือ เวอร์ชันล่องหน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเน้นย้ำว่ายังไม่มีรายงานชัดเจนที่น่าเป็นห่วง แม้จะมีการติดเชื้อเกิน 14 รายแล้ว แต่ในเบื้องต้นยังไม่พบความแตกต่างทางพันธุกรรมสายพันธุ์โอไมครอนเดิม สิ่งสำคัญแม้จะมีรายงานในต่างประเทศว่า การตรวจหาเชื้อยากขึ้น หลบเลี่ยงการตรวจได้ง่าย แต่ทางกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายงานว่า ยังสามารถตรวจหาเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน BA.2 ได้จากการตรวจ ATK และ RT-PCR ที่เป็นมาตรฐานสาธารณสุขไทย สิ่งสำคัญยังไม่มีรายงานว่ามีความรุนแรงกว่าเดิม แต่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมจะรายงานให้ประชาชนทราบเป็นระยะ

“ฝากทุก ๆ จังหวัดเรื่องของการให้บริการวัคซีนและเปิดรับจองการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไป เข็ม 3 ที่มีความประสงค์จะฉีดวัคซีน แต่มีความลำบากเรื่องการเดินทาง ขอให้ทางโรงพยาบาล คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ช่วยวิเคราะห์พื้นที่และอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ที่สำคัญในส่วนของวัคซีนเด็กที่มาถึงไทยวานนี้ (27 ม.ค.65) ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป กระทรวงสาธารณสุขจะกำหนดให้ฉีดวัคซีนให้แก่เด็กด้วย” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว


พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ศบค.พบคลัสเตอร์สถานศึกษาหลายจังหวัด ได้แก่ ราชบุรี น่าน เพชรบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว ร้อยเอ็ด สมุทรปราการ หนองคาย ยโสธร เลย ศรีสะเกษ โดยพบโรงเรียนที่ติดเชื้อตั้งแต่ระดับก่อนวัยเรียนหรือพรีอนุบาล โรงเรียนอนุบาล มีทั้งสถานศึกษาทั้งของภาครัฐและเอกชน มีทั้งโรงเรียนประจำ โรงเรียนกีฬา รวมถึงโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษา ทั้งนี้ แต่ละโรงเรียนที่พบรายงานคลัสเตอร์ มีมาตรการที่เข้มงวด มีบุคลากรฉีดวัคซีนค่อนข้างครบถ้วน แต่ปัจจัยเสี่ยงจากการติดเชื้อมักจะมาจากการจัดกิจกรรม การรวมกลุ่ม การแข่งขันกีฬา กิจกรรมปัจฉิมนิเทศ ฉลองนักเรียนจบ ม.6 ซึ่งรับประทานอาหารร่วมกัน เปิดหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นลักษณะปัจจัยเสี่ยงเดียวกับพิธีกรรมทางศาสนา การจัดงานเลี้ยง งานบวช งานแต่งงาน

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า จากการวิเคราะห์คลัสเตอร์โรงเรียนที่จังหวัดราชบุรี เป็นโรงเรียนประจำหญิงล้วน ตอนนี้มีรายงานยืนยันของ สสจ.ราชบุรีว่า มีผู้ติดเชื้อรวมกันทั้งสิ้น 311 ราย ซึ่งเป็นกรณีที่โรงเรียนประจำอนุญาตให้นักเรียนกลับบ้านช่วงปีใหม่ และกลับมาในวันที่ 14-16 มกราคม 2565 นักเรียนประมาณ 570 คน กลับมาจากที่ที่แตกต่างกัน โรงเรียนได้มีมาตรการที่ถูกต้อง มีการตรวจ ATK ในเบื้องต้นตั้งแต่วันที่กลับมา ปรากฎว่าผลตรวจออกมาเป็นลบทั้งหมด (ไม่พบการติดเชื้อ) รวมทั้งกลุ่มครูด้วย

“เมื่อตรวจ ATK ครั้งที่ 2 วันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา พบว่าจากเดิมที่มีผลเป็นลบ กลายเป็นผลบวก ครั้งแรกที่เจอ 120 ราย โรงเรียนดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฉุกเฉินอย่างถูกต้อง รีบแจ้งไปที่ สสจ.ราชบุรี โดยโรงพยาบาลปากท่อ ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปช่วยเหลือ มีการคัดแยกผู้ป่วย มีการแยกผู้ที่มีความเสี่ยงสูง มีการเก็บตัวอย่าง PCR ตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค.65 เป็นต้นมา รายงานวันนี้ผลเป็นบวก 311 ราย จากจำนวนนักเรียนรวมครู 6 ท่าน รวมเป็น 576 ราย โดยในวันนี้ทาง สสจ.ราชบุรี รายงานว่า นักเรียนได้เข้ารับการรักษาแล้ว 26 ราย ในโรงพยาบาล และมีอีก 285 ราย เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสนาม เบื้องต้นมีการปิดโรงเรียนไปก่อน มีการทำความสะอาด มีการสอบสวนโรค และดำเนินการตามมาตรการที่เหมาะสม” พญ.อภิสมัย กล่าว


ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า การตรวจ ATK มีความสำคัญ แต่ต้องพึงระวังว่าสามารถเกิดผลลบลวงได้ไม่เกิน 10% หรืออยู่ที่ประมาณ 5-7% ซึ่งกระทรวงสาธาณสุขแนะนำว่า แม้ว่าจะตรวจ ATK เป็นลบ แต่ถ้าสำรวจประวัติแล้ว เดินทางมาจากหลายพื้นที่ เข้ารวมกลุ่มคนจำนวนมาก มีประวัติสัมผัสผู้ที่มีความเสี่ยง ขอให้กักตัวก่อนเป็นเวลา 7 วัน เมื่อครบเวลากักตัวแล้วสามารถไปทำงาน แต่ยังต้องแยกพื้นที่กับผู้อื่น

“เมื่อเกิดคลัสเตอร์การติดเชื้อในโรงเรียน อาจทำให้ผู้ปกครองรู้สึกลังเล ไม่มั่นใจให้ลูกหลานไปโรงเรียน กระทรวงสาธารณสุขและที่ประชุม ศปก.ศบค. มีความเป็นห่วง จึงต้องเน้นย้ำว่า เรายังคงต้องอยู่ร่วมกับโควิดสักระยะหนึ่ง แม้ทิศทางนโยบายของต่างประเทศ หรือองค์การอนามัยโลก (WHO) ใช้มาตรการการอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้ หรือที่เรียกว่า Smart Living With Covid-19 โดย ศบค.ชุดใหญ่ มีแนวโน้มผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งไม่ใช่ความเสี่ยงลดลง โควิดยังคงอยู่ แต่เราจำเป็นต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ให้ประชาชนดำเนินชีวิตใกล้เคียงปกติมากที่สุด” พญ.อภิสมัย กล่าว

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ ผอ.ศบค. มีความเป็นห่วง จึงหารือร่วมกันอย่างเร่งด่วน เรื่องการกำกับติดตามสถานศึกษาปลอดโควิดเข้มงวด พร้อมขอความร่วมมือผู้ปกครอง เพื่อให้บุตรหลานได้กลับเข้าสู่โรงเรียน และสนับสนุนพัฒนาการของเด็กต่อไปได้

ส่วนการรับนักท่องเที่ยว Test and go ที่จะเริ่มลงทะเบียนวันที่ 1 ก.พ.นี้ พญ.อภิสมัย กล่าวว่า เมื่อนักท่องเที่ยวหรือคนไทยที่เดินทางกลับมา จะมีกระบวนการประเมิน ตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งคงต้องใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน และอนุญาตให้เดินทางได้ แต่การประเมินจะต้องมีความเข้มงวดโดยกรมควบคุมโรค ต้องตรวจสอบหลักฐานการฉีดวัคซีนครบ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะร่วมกับโรงแรม ที่พัก สถานประกอบการ ตรวจสอบเกี่ยวกับการจองที่พักถูกต้องหรือไม่ และโรงแรมที่จองนั้นเป็น SHA+ หรือไม่

“สิ่งสำคัญนักท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขที่กำหนด ด้วยการตรวจ RT-PCR ซ้ำครั้งที่ 2 ที่ต้องทำให้ได้ 100% นอกจากการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่า เรามีโรงพยาบาล ครูปฏิบัติการที่ให้บริการตรวจ RT-PCR กว่า 30 โรงพยาบาลทั่วประเทศ จะให้เหตุผลว่าไม่ได้ไปตรวจ เดินทางไปที่จังหวัดอื่นแล้วไม่ได้ เพราะจะกำกับโดยพื้นที่อย่างเข้มงวด หากตรวจพบติดเชื้อจะมีประกันคุ้มครองที่จะครอบคลุมการรักษาเบ็ดเสร็จ ไม่เป็นภาระระบบสาธารณสุขไทย” พญ.อภิสมัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

พิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.7 ประดิษฐานหน้าอาคารรัฐสภา

รัฐสภา 20 ก.ย.- รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) ประดิษฐานหน้าอาคาร ขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริง 4 เท่า เมื่อเวลา 08.00 น. รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) เพื่อประดิษฐานบนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา (ถนนสามเสน) โดยมีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่1 เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ยังมี พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. นายชวนหลีก หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปปัตย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่านพรรคเพื่อไทย น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และประธานกรรมการ บมจ.อสมท รวมถึงข้าราชการรัฐสภา ร่วมพิธีด้วย โดยนายไชยาและพล.อ.สวัสดิ์ ถวายพวงมาลัยและโปรยดอกไม้ที่พระบาทของพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ จากนั้นปักธูปที่เครื่องบวงสรางพร้อมโปรยดอกไม้ จากนั้นนายฉัตรชัย ปิ่นเงิน หัวหน้าโหรพราหมณ์ สำนักพระราชวัง อ่านโองการจากนั้นเชิญประธานในพิธีโปรยดอกไม้ที่โต๊ะเครื่องบวงสรวง วางพานประดับพุ่มดอกไม้ และจุด ธูป เทียน […]

อุตุฯ เตือน 9 จังหวัดรับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 20 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือน 9 จังหวัดรับมือฝนตกหนัก เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย ชัยภูมิ นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “มิแทก” บริเวณทะเลมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำและสลายตัวอย่างรวดเร็ว ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางไว้ด้วย -สำนักข่าวไทย

สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” ปมร้องเรียนทุจริตเงินวัด-พัวพัน 3 สีกา

19 ก.ย. – สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” และเดินทางออกจากวัดทันที หลังก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับทุจริตเงินวัด และพัวพัน 3 สีกา เป็นภาพเอกสารที่พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ส่งไปยังเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เพื่อชี้แจงกรณีของผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง พร้อมแนบภาพถ่ายการลาสิกขาของผู้ช่วยเจ้าอาวาส เอกสารระบุข้อความว่า “ตามที่มีประเด็นปรากฏในสื่อออนไลน์ และสื่อต่างๆ เกี่ยวข้องกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ทางวัดหัวลำโพง ขอชี้แจงตามประเด็นดังต่อไปนี้ 1.กรณีพฤติกรรมชู้สาวของพระครูปริยัติวัฒนกิจ ทางวัดยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนบุคคล2.กรณียักยอกงินวัดนั้น ทางวัดขอชี้แจงว่า ยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากหน้าที่ของพระครูปริยัติวัฒนกิจ เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฌาปนสถานวัดหัวลำโพง มีหน้าที่ประสานงานกับเจ้าภาพที่มาติดต่อเกี่ยวกับการจองศาลาบำเพ็ญกุศล อีกทั้งฌาปนสถานวัดหัวลำโพง ประกอบด้วยกรรมการบริหารจำนวน 5 รูป โดยมีเจ้าอาวาสเป็นประธาน และมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายในส่วนฌาปนสถานของวัดมาโดยตลอด 3.กรณีลาสิกขา ทางพระครูปริยัติวัฒนกิจ แจ้งความประสงค์ลาสิกขาด้วยความสมัครใจ เพื่อมิให้กระทบกระเทือนต่อภาพลักษณ์ของวัด และศรัทธาของสาธุชน โดยลาสิกขา 18 ก.ย. 2568 เวลา 19.10 น. และเดินทางออกจากวัดทันที ย้อนดูคำชี้แจง “อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ”ย้อนดูคำชี้แจงจากปากของอดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ ก่อนหน้านี้ที่ทีมข่าวได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ สำหรับเรื่องทุจริตเงินวัด อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ บอกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเอง […]

เบื้องหลังละครกัมพูชา

สระแก้ว 19 ก.ย. – ชาวกัมพูชาที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ยังไม่รามือ หลังพบความพยายามรวบรวมฝูงชนจากพื้นที่อื่น เข้ามาสร้างสถานการณ์ยึดดินแดนไทย อาจมีเบื้องหลังเป็นข้าราชการกัมพูชา-นายทุนต่างชาติ.-สำนักข่าวไทย