กทม. 27 ม.ค.- เชาว์ บี้ นายกฯ-วิษณุ ทบทวนคำสั่ง ตั้ง สราวุธ เบญจกุล รั้งตำแหน่ง 3 กรรมการหน่วยงานสำคัญ เหตุ ถูกศาลฎีกาตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ปมจัดซื้อจัดจ้างปรับปรุงอาคารศาล 3 แห่ง จวก แทรกแซง ไม่ให้เกียรติ ปธ.ศาลฎีกา สะท้อน รัฐบาลปราบทุจริตแต่ปาก ทำดัชนีความโปร่งใสไทยร่วง 6 อันดับ
นายเชาว์ มีขวด ทนายความอาสา อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์โพสต์ Facebook Chao Meekhuad เรื่อง เตือนนายกรัฐมนตรีและนายวิษณุ หยุดละเมิดคำสั่งประธานศาลฎีกา มีเนื้อหาระบุว่า ข่าวการแต่งตั้งนายสรวุธ เบญจกุล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักงานศาลยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการในหน่วยงานสำคัญของรัฐช่วงเวลาเดียวกันถึง 3 หน่วยงาน คือ รองประธานอนุกรรมการ (คนที่ 1) ในคณะอนุกรรมการ ก.ตร.เกี่ยวกับการอุทธรณ์ มีหน้าที่ทำการแทน ก.ตร.ในเรื่องการอุทธรณ์และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับวินัยข้าราชการตำรวจ กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และกรรมการการไฟฟ้านครหลวงอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย ทั้งที่นายสราวุธ ถูกชี้มูลความผิดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนง รวมทั้งอาคารศาลจังหวัดตลิ่งชัน และอาคารศาลจังหวัดมีนบุรี ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงสรุปความเห็นว่า นายสราวุธ เบญจกุล ซึ่งเป็นผู้ลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างปรับปรุงอาคารศาลทั้ง 3 แห่ง มีมูลความผิดวินัยร้ายแรง ประธานศาลฎีกาได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงแก่ นายสราวุธ เบญจกุล และได้ส่งเรื่องไปให้ ป.ป.ช. ดำเนินคดีอาญาแก่ผู้กระทำผิดตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 แล้ว
นายเชาว์ ระบุว่า การกระทำของผู้มีอำนาจทำให้ผมเข้าใจแล้วว่า เหตุใดดัชนีความโปร่งใส หรือดัชนีการรับรู้การทุจริตในปี 2564 ที่เพิ่งประกาศผลเมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา อันดับของเราถึงได้ถดถอยไปถึง 6 อันดับ ตกไปอยู่อันดับที่ 110 ของโลกจากทั้งหมด 180 ประเทศ แพ้แม้กระทั่งติมอร์ เลสเต เวียดนาม และอินโดนีเซีย แต่ยังตีปี๊บว่ามีคะแนนเพิ่มขึ้นอยู่หนึ่งหัวข้อคือ การทุจริตในภาครัฐ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และตุลาการ เกี่ยวกับสินบน การขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับส่วนรวม ที่ได้คะแนนเพิ่มจาก 20 ในปี 2563 เป็น 26 ในปี 2564 แต่ถ้าดูจากคะแนนแล้วจะเห็นว่าหัวข้อนี้ได้คะแนนต่ำที่สุดจากทั้งหมด 9 หัวข้อ แม้จะได้เพิ่มมาอีก 6 คะแนนในปี 2564 ก็ตาม
“ถ้าระดับนโยบายยังปูนบำเหน็จให้กับคนที่มีมลทิน ไม่สนคำสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงของประธานศาลฎีกา ยังดึงดันแต่งตั้งนายสราวุธให้ดำรงตำแหน่งกรรมการในหน่วยงานสำคัญของรัฐในห้วงเวลาเดียวกันถึงสามตำแหน่ง ถือเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ตามอำเภอ และแทรกแซงการบริหารงานบุคคลของสำนักงานศาลยุติธรรม ที่มีกฎหมายรัฐธรรมนูญ 2560 ให้ความคุ้มครองเรื่องความเป็นอิสระในการบริหารงานบุคคลกรงบประมาณ และการดำเนินการอื่น ที่สำคัญเป็นการไม่ให้เกียรติต่อตำแหน่งประธานศาลฎีกา ยังเป็นการด้อยค่าและทำลายความน่าเชื่อถือของประธานศาลฎีกาผู้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงนายสราวุธ เบญจกุล ด้วย จึงเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์และนายวิษณุได้ทบทวนคำสั่งแต่งตั้งนายสราวุธ ทุกตำแหน่ง และหยุดปราบทุจริตด้วยปาก แล้วหันมาพิสูจน์ด้วยการกระทำ เอาให้ชัดคือ รัฐบาลต้องไม่สนับสนุนคนที่มัวหมอง ถ้ายังดึงดันที่จะทำคงได้ชื่อเพียงปราบทุจริตแต่ลมปาก” นายเชาว์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย