สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายารัฐบาล “ยื้อยุทธ์”

ทำเนียบรัฐบาล 27 ธ.ค.- สื่อทำเนียบรัฐบาลตั้งฉายารัฐบาล “ยื้อยุทธ์” ตั้งให้นายกฯ เป็น “ชำรุดยุทธ์โทรม” ขณะที่ ”พล.อ.ประวิตร” ถูกให้ฉายา”รองช้ำ” ส่วน”ศักดิ์สยาม”ถูกตั้งฉายา “สายขม นมชมพู” พร้อมยกให้ “นะจ๊ะ”เป็นวาทะแห่งปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27ธ.ค.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตั้งฉายารัฐบาล และรัฐมนตรีประจำปี ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ที่ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมา ในการสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติ ได้มีมติตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และวาทะแห่งปี ประจำปี 2564 ร่วมกันดังนี้


ฉายารัฐบาลตั้งว่า  “ยื้อยุทธ์”  โดยให้เหตุผลว่า ภาพของรัฐบาลที่ยื้อแย่งกันเองทั้งในส่วนของอำนาจ และตำแหน่ง โดยไม่สนใจประชาชน และการเดินหน้าประเทศ ถูกมองว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม และมองการดำรงอยู่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้นำรัฐบาล จะเป็นประโยชน์มากกว่า จึงต้องทำทุกอย่างเพื่อยื้อให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อไป ไม่ว่าจะมีการชุมนุมขับไล่ไสส่งอย่างไร ใครไม่อยู่ แต่พล.อ.ประยุทธ์อยู่

สำหรับฉายา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตั้งว่า “ชำรุดยุทธ์โทรม” โดยให้เหตุผลว่า การบริหารราชการแผ่นดินตลอดทั้งปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ถือได้ว่า เป็นผู้ที่รับบทหนักที่สุดแห่งปี  ถูกมองว่าล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาโควิด-19 การกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริหารราชการ หรือแม้แต่เรื่องทางการเมือง ถูกโจมตีรอบด้าน แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะยังอยู่ในตำแหน่งได้ แต่ก็ทรุดโทรม เสื่อมสภาพไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือจิตใจ


ฉายา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตั้งว่า “รองช้ำ”  โดยให้เหตุผลว่า ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา พี่ใหญ่ในตระกูล 3 ป.อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประสบกับเรื่องช้ำๆ เจ็บซ้ำๆ มาโดยตลอด หลายสถานการณ์ต้องตกเป็นรอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องการเมือง โดยเฉพาะปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่เกิดความแตกแยกอย่างหนัก สะเทือนถึงพี่น้องอีก 2 ป. สั่นคลอน ” 3ป Forever ” ซ้ายก็น้องรัก ขวาก็ลูกน้องที่รัก หักใจเลือกใครไม่ได้ สุดท้ายต้องยอมแบกความเจ็บช้ำไว้คนเดียว

สื่อทำเนียบรัฐบาลยังตั้งฉายา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขว่า “ว้ากซีน” โดยล้อมาจากคำว่า “วัคซีน” ภาพที่ผู้คนชกต่อยยื้อแย่งวัคซีน บุคลากรทางการแพทย์ ดาหน้าออกมาเรียกร้องวัคซีนชนิด mRNA ผู้คนว้าก โวย เหวี่ยง ตำหนิการจัดหาและให้บริการวัคซีน ที่ถูกเลื่อนไม่มีกำหนด เพราะวัคซีนไม่มาตามนัด และ ไม่ว่านายอนุทิน จะชี้แจงอย่างไร กระแสตอบรับ โดยเฉพาะใน Social Media ไม่มีคำว่ารักษาน้ำใจ หรือ เห็นถึงความพยายามในการแก้ปัญหาภาวะวิกฤต จนนายอนุทิน ต้องออกโต้ตอบอย่างดุเดือด ผ่านสื่อและโซเชียลทุกครั้งที่มีโอกาส

ส่วนฉายานายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า “นายกฯ บางโพล” โดยแม้ปีนี้ยังไม่เข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง แต่หัวหน้าพรรคการเมืองหลายพรรค แสดงความพร้อมประกาศตัวเป็นนายกรัฐมนตรี หนึ่งในนั้นคือนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีผลสำรวจความคิดเห็น หรือโพล บางสำนักเท่านั้น ที่ต้องการให้นายจุรินทร์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เปรียบได้กับการเป็นนายกรัฐมนตรีแค่บางโพล ไม่ใช่ทุกโพล


สื่อทำเนียบฯยังตั้งฉายานายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ว่า “มหาเฉื่อย 4D” เพราะตลอดการดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ยังแสดงฝีมือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ไม่เด่นชัด เช่น ปัญหาราคาน้ำมันแพง จนสมาคมรถบรรทุกออกมาประท้วงและหยุดวิ่ง ประชาชนกลายเป็นประชาจน เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า แม้จะผุดโปรเจกต์ต่างๆ  ก็ถูกมองเป็นนโยบายขายฝัน ด้วยเอกลักษณ์เดินถือแก้วกาแฟชิลๆ มอบนโยบายเหมือนบรรยายธรรม โดยเฉพาะนโยบาย 4D ท่องจนเป็นคาถาติดปาก จึงได้รับฉายานี้ไป

ฉายานายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตั้งว่า “”สุชาติ ชมเก่ง” โดยเกือบทุกครั้งในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เมื่อพูดถึงนโยบายของรัฐบาล หรืองานในความรับผิดชอบ นายสุชาติมักจะขึ้นต้นประโยค ด้วยการชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคของตนเองเสมอ แถมยังติดสอยห้อยตามการลงพื้นที่ต่างๆ อีกทั้งยังเป็นรัฐมนตรีหนึ่งเดียว ที่ขันอาสาออกหน้ารับคำท้า ขึ้นชกมวยคาดเชือก กับนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ แทนนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาท้าว่า ใครแพ้ลาออก และหากไม่รับคำท้าไม่ใช่ลูกผู้ชาย

ส่วนฉายานายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตั้งว่า “สายขม นมชมพู”  เนื่องจากปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่คาราคาซังมานานข้ามปี ยังไม่มีข้อยุติ ผลพวงจากภาระหนี้สินก้อนใหญ่ ยังหาทางออกไม่ได้ กลายเป็นเรื่องขมคอของหลายหน่วยงานภาครัฐ ซ้ำเจ้าตัวยังมีภาพหลุด ที่ ส.ส. พรรคเล็กขุดมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ เชื่อมโยงคลัสเตอร์โควิด-19 สถานบันเทิงย่านทองหล่อ ก่อนออกมาชี้แจงว่า ภาพดังกล่าวแค่สะท้อนชีวิตหนุ่มโสด ร้องคาราโอเกะ ดื่มนมชมพู หาความสุขหลังเลิกงาน ไม่ใช่ชายเสเพล ใช้ชีวิตประมาท จนเกิดคลัสเตอร์การระบาด

ฉายานายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งว่า “ดีลล่มระดับโลก” เพราะการท่องเที่ยวถือเป็นรายได้สำคัญของประเทศไทย อีเว้นต์ที่จะปลุกให้ทั่วโลกหันกลับมามองประเทศไทย และ ฟื้นเศรษฐกิจอีกครั้ง คือ งานเคาท์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ออกตัวการันตี Lisa วง Black Pink ศิลปินเกาหลี สัญชาติไทย ที่โด่งดังระดับโลก ตอบรับมาร่วมงาน  ก่อนที่ดีลจะล่มไม่เป็นท่า เมื่อต้นสังกัดออกแถลงการณ์ดับฝัน ทำให้รัฐบาลเสียเครดิต แม้แต่โครงการ Sandbox ก็เกือบจะเป็น Sadbox ต้องลดพื้นที่ให้เหลือแค่จังหวัดภูเก็ต เพราะสถานการณ์โควิด-19 ปะทุ

ส่วนวาทะแห่งปี 2564 ที่สื่อทำเนียบรัฐบาลโหวตให้คือ “นะจ๊ะ” เพราะเป็นคำพูดติดปากของ พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะเป็นคำสามัญธรรมดาที่ใช้ทั่วไป แต่กลายเป็นคำไม่ธรรมดา เมื่อออกจากปากของผู้นำประเทศในช่วงสถานการณ์วิกฤติ ที่ประชาชนสิ้นหวัง มีผู้คนล้มตายข้างถนน ตกงาน ขาดรายได้ จากวิกฤตโควิด-19 แม้นายกรัฐมนตรีเลือกใช้คำดังกล่าว เพื่อที่จะลดอุณหภูมิของสถานการณ์ลง แต่สังคมสะท้อนกลับให้เห็นผ่านเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ว่าเป็นการใช้คำไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ กระทบกระเทือนจิตใจผู้คน โดยเฉพาะการพูดหลังการประชุมวัคซีนและการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ที่ตึกภักดีบดิทร์ ทำเนียนรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ที่ประชาชนต่างรอคอยการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ในการพิจารณาข้อเสนอมาตรการล็อกดาวน์ กทม.และปริมณฑล สะท้อนภาวะความเป็นผู้นำที่ล้มเหลวในการสื่อสารเมื่อเกิดภาวะวิกฤติ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

มติสภาฯ 313:142 หนุนเดินหน้าโหวตนายกฯ

รัฐสภา 5 ก.ย.-มติสภาฯ 313 : 142 เสียง เลื่อนวาระโหวตนายกฯ ขึ้นมาพิจารณาก่อนเป็นอันดับแรก ในการประชุมสภาฯ ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ช่วงในการพิจารณาญัตติขอเลื่อนเรื่องด่วนที่ 8 พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายยกฯ ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญ ที่ใช้เวลาอภิปรายแสดงความเห็นนานกว่า 1 ชั่วโมง ผู้สื่อข่าวรายงานในความเห็นของฝั่งที่คัดค้านไม่ให้เลื่อนวาระพิจารณา ได้ย้ำถึงประเด็นความไม่ชอบตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่กำหนดหลักการตรวจสอบถ่วงดุล ระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายค้าน ตามที่ข้อตกลง (MOA) ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน มีข้อความต่อการสนับสนุนให้เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ บริหาร4 เดือน เพื่อทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ก่อนยุบสภา ซึ่งตอนหนึ่งในการอภิปรายของ นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า การให้ความเห็นชอบนายกฯ ตามมาตรา 159 ระบุว่าต้องทำโดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสส.ทั้งสภาฯ ตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ว่าต้องการให้มีรัฐบาลเสียงข้างมาก กรณีที่มีข่าวซึ่งตนไม่สบายใจต่อระบบพิศดารในการเมือง ไม่มีเห็นพรรคการเมืองรวมตัวเลือกนายกฯและแสดงตัวไม่ร่วมรัฐบาล “ผมถามว่าขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ผมและประธานสภาฯ ตีความไม่ได้ แต่สงสัยระแวงได้ ผมขอให้ทุกพรรคที่ประสงค์จัดตั้งรัฐบาลให้เข้าร่วมรัฐบาลทุกพรรค หากไม่ร่วมแต่จะเป็นฝ่ายค้านนั้นขัดรัฐธรรมนูญชัดเจน […]

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด สดุดีทหารกล้าในเหตุการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา

กองทัพไทย 5 ก.ย.-ผู้บัญชาการทหารสูงสุด สดุดีทหารกล้าในเหตุการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา สะท้อนจิตวิญญาณนักรบที่ยิ่งใหญ่ก้าวข้ามยศตำแหน่ง เพื่อทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดินไทย พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ประธานพิธีวางพวงมาลาสดุดีทหารกล้า บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภายในกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อเชิดชูเกียรติและตอบแทนความเสียสละของกำลังพล 15 นายที่พลีชีพเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินและอธิปไตยของชาติ พร้อมทั้งร่วมไว้อาลัยต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ 14 คน จากเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชาระหว่างวันที่ 24–28 กรกฎาคม 2568 โดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและเครือข่ายมวลชน ร่วมในพิธี กว่า 4,440 คน รวมทั้งผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย และนายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าว สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ระบุถึงการจัดพิธีสดุดีทหารกล้าและไว้อาลัยประชาชนที่สูญเสียจากเหตุการณ์ปะทะไทย-กัมพูชาในครั้งนี้ ว่า เป็นการรวมพลังจากทุกภาคส่วน และสิ่งสำคัญคือการได้เห็นถึงคุณค่าของนักรบตัวเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมาจากทุกภูมิภาคของประเทศ บางคนมาจากหมู่บ้านเล็กๆ และบางคนมาจากครอบครัวที่ยากจน เมื่อวันหนึ่งมีภัยคุกคามก็ได้เข้ามาร่วมกันจับอาวุธเพื่อปกป้องแผ่นดิน ถือเป็นคุณค่าสูงสุดที่ก้าวข้ามยศและตำแหน่ง สะท้อนจิตวิญญาณของนักรบ จึงต้องร่วมกันแสดงให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่แผ่นดินไทยให้เกียรติทหารเหล่านี้และวันนี้ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็ได้ทำหน้าที่นั้นแล้ว ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ระบุถึงความสูญเสียในส่วนของพลเรือนว่า เป็นสิ่งที่ต้องตระหนักถึง และจะต้องช่วยกัน […]

เครื่องบิน “ทักษิณ” ออกนอกเส้นทางไปไหน ?

4 ก.ย. – ไปไหน? เครื่องบินส่วนตัว “ทักษิณ” เลี้ยวออกนอกเส้นทาง หลังบินออกจากดอนเมือง ระบุปลายทางสิงคโปร์ พบบินวนอยู่ 2 รอบ ก่อนไปต่อ จับตามุ่งหน้า “ดูไบ” ตามที่มีกระแสข่าวหรือไม่. – สำนักข่าวไทย

“ทักษิณ” บินสิงคโปร์แล้ว ทนายยัน 9 ก.ย. มาศาลฟังคดีชั้น14

4 ก.ย.- “ทักษิณ” นั่งเจ็ทส่วนตัวบินสิงคโปร์แล้ว ตม.ไม่มีอำนาจกักตัว หลังศาลยกฟ้องคดี ม.112 ขณะที่ “ทนายวิญญัติ” ยัน 9 ก.ย. มาศาลฟังคดีชั้น 14 แน่นอน ช่วงเย็นวันนี้มีกระเเสข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร ขอเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวที่จอดไว้กับลานบินเอกชนย่านดอนเมือง เเละทราบว่าขอเดินทางไปยัง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งนายทักษิณมีบ้านพักส่วนตัวที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และอีกกระเเสเเจ้งว่านายทักษิณขอเดินทางไปพบเเพทย์ที่สิงคโปร์ 2 วัน เเละจะกลับมาขึ้นศาล โดย ตม.ตรวจสอบหนังสือเดินทางเเละสอบถามเหตุผลในการเดินทางของนายทักษิณในตอนนี้เเล้วเเละอนุญาตให้นายทักษิณเดินทางได้ กระเเสข่าวนี้เกิดขึ้น ท่ามกลางการเตรียมลงมติของสส.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 วันที่ 5 กันยายน 2568 เเละวันที่ 9 กันยายน นายทักษิณต้องไปฟังคำตัดสินคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ซึ่งศาลฎีกาแผนคดีอาญานักการเมืองนัดให้นายทักษิณ ไปฟังคำวินิจฉัยในคดีนี้กับผู้บังคับการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังก่อนหน้านี้ศาลอาญา ตัดสินยกฟ้องนายทักษิณในคดี ม.112 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม เเละอยู่ระหว่างที่อัยการกำลังพิจารณาว่าจะอุทธรณ์หรือไม่ หลังจากนั้นนายวิญญัติ ชาติมนตรี […]