“สาทิตย์” ชี้ 5 ส.ส. ถูกวินิจฉัยพ้นสมาชิกภาพ ต่อสู้เพื่อ ปชช.

รัฐสภา 8 ธ.ค.-“สาทิตย์” สอนอย่ามองคนเห็นต่างเป็นคนไม่ดี พร้อมชี้ ส.ส. 5 คน ที่ถูกศาล รธน.วินิจฉัยให้พ้นสมาชิกภาพ เป็นการต่อสู้เพื่อ ปชช. และประเทศ ไม่ให้ถูกย่ำยีจากการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม


(8 ธ.ค. 64) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย พ.ศ. ….

โดยระบุว่า เหตุที่ลุกขึ้นอภิปรายนี้ ไม่ใช่มาจากคำท้าทายใด ๆ ของเพื่อนสมาชิกที่บอกว่าไม่มีสมาชิกจากฝ่ายรัฐบาลพูด พร้อมกับท้าทายว่าจะต้องมีใครสักคนหนึ่งลุกขึ้นพูด แต่การลุกขึ้นอภิปรายของตนในครั้งนี้มีประเด็นที่ได้ให้ความสนใจมาตั้งแต่ต้นแล้ว


เนื่องจากเคยมีญัตติที่ให้ศึกษาเรื่องของประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ มาตั้งแต่ก่อนที่จะย้ายเข้ามาสู่สภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้ และตนก็เป็นคนหนึ่งที่เสนอญัตติฉบับดังกล่าวซึ่งเป็นการเสนอตั้งแต่เริ่มเปิดสมัยประชุมรัฐสภา แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไประยะหนึ่ง และมีการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย ทำให้ในการอภิปรายญัตติที่จะนำไปสู่การศึกษาในเรื่องประกาศ คำสั่ง ของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาตินั้น เกิดสถานการณ์ที่มีความเห็นของเพื่อนสมาชิกไม่ตรงกัน จนนำไปสู่การลงมติ แต่แล้วญัตติฉบับนั้นก็ไม่มีการลงมติทำให้ไม่มีการนำไปสู่การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ

นายสาทิตย์กล่าวว่า ในญัตตินั้นตนเป็นคนหนึ่งที่ขอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพราะเห็นว่ามีความจำเป็นเพราะในระบบกฎหมายไทย เรื่องของประกาศ คำสั่งคณะปฏิวัติไม่ได้เพิ่งมีเป็นครั้งแรก ตลอดการปฏิวัติ 10 กว่าครั้ง ทุกครั้งก็จะมีประเด็นความเห็นต่อประกาศและคำสั่งของคณะปฏิวัติที่แตกต่างกัน

โดยตนได้เคยอภิปรายว่า มีผู้นำไปฟ้องศาล แล้วในที่สุดก็มีคำวินิจฉัย หรือคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งเป็นแนวทางในการวางระบบของคำสั่งคณะปฏิวัติอยู่เหมือนกัน ในเวลาเดียวกันกับที่มีความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาวางแนวเอาไว้เรื่องของคำสั่งของคณะปฏิวัติเช่นเดียวกัน แต่ประกาศและคำสั่งของ คสช.นั้นจะมีความแตกต่างจากการยึดอำนาจในหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาตินั้นอยู่ในอำนาจค่อนข้างยาวนาน ทำให้มีประกาศและคำสั่งหลายฉบับที่ไม่ได้เกี่ยวเนื่องกับเรื่องการควบคุมสถานการณ์ และตนก็เคยอภิปรายว่า การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นในขณะนั้นจะสามารถไปศึกษาได้ว่าเรื่องใดเป็นเรื่องของระบบกฎหมายที่ประกาศและคำสั่งนั้นอาจจะยังมีความจำเป็นอยู่จนกว่าจะมีการประกาศยกเลิก และบางประกาศ บางคำสั่ง ก็เป็นเรื่องซึ่งไม่ควรที่จะให้มีผลบังคับใช้อีกต่อไป โดยให้ กมธ. ได้เสนอให้มีการยกเลิก


สำหรับกฎหมาย 2 ฉบับที่เสนอมาในการพิจารณาครั้งนี้ นายสาทิตย์มองว่า มีสองเรื่องปะปนกัน และตนก็ไม่เห็นด้วยอย่าง กรณีของคำสั่งที่ 64/57 ก็ดี หรือการแก้ไขปัญหาในคำสั่งที่ 66/57 เรื่องการทวงคืนผืนป่า หรือแม้แต่กระทั่ง คำสั่งที่ 31/2560 ที่ผู้เสนอกฎหมายภาคประชาชนพูดถึงเรื่อง สปก. ก็ดี สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะอยู่ในประกาศและคำสั่งของคณะยึดอำนาจในขณะนั้น เนื่องจากการที่จะออกเป็นกฎหมายนั้นจำเป็นที่จะต้องมีการคำนึงถึงผลดีผลเสียด้วย

ในเรื่องของ สปก. เป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาก จนบัดนี้คำสั่งนี้ก็ยังอยู่ และมีผลการกระทำเกิดขึ้นแล้ว ส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องที่ควรจะต้องยกเลิก เพียงแต่มีปัญหาว่า เนื่องจากไม่ได้มีการศึกษาร่วมกัน ซึ่งผู้ที่เสนอกฎหมายก็อาจจะมีการศึกษาในส่วนของท่าน แต่ในสภานี้มีความเห็นที่หลากหลาย ทั้งที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยปะปนกันไป หากจะเหมารวมคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรา ว่าเป็นคนสนับสนุนเผด็จการก็ดี หรือจะเป็นคนที่ไม่เข้าใจหลักการและเหตุผลประชาธิปไตยก็ดี อย่าเพิ่งไปสรุปเหมารวมเช่นนั้น และตนเป็นคนหนึ่งที่สนับสนุน ในเรื่องคำสั่งประกาศของคณะยึดอำนาจบางเรื่อง เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับการควบคุมสถานการณ์ ประกาศคำสั่งเหล่านี้ต้องยกเลิก แต่บางเรื่องที่พ้นสมัยไปแล้วก็ต้องยกเลิก ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรจะต้องทำ อย่างที่ในช่วงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งกันก็มีการประกาศยกเลิกไปแล้วในบางส่วน

นายสาทิตย์กล่าวว่า เหตุที่ตนชี้แจงเรื่องนี้ก็เพื่อเป็นจุดยืนให้ทราบว่า ถ้าเราจะโหวตอะไรไปในสภานี้ อย่าไปเหมารวมคนอื่นแบบนั้น

“เหมือนเพื่อนสมาชิกพาดพิงถึงเพื่อนอดีตส.ส. ของเราที่วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยออกมาว่า ให้พ้นสมาชิกภาพ ท่านไปอภิปรายโดยใช้คำพูดว่า มี 5 คนที่ไปขัดขวางการเรียกร้องประชาธิปไตยและในที่สุดก็ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากการเป็นสมาชิกภาพ ท่านไม่รู้หรอกว่า 5 คนนั้นที่ถูกศาลวินิจฉัยวันนี้ เขาต่อสู้กับอะไรมา เขาพบกับอะไรมา การลุกขึ้นต่อสู้ของเขาในครั้งนั้นเป็นเรื่องของการต่อสู้กับ การออกกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งเป็นการย่ำยีทั้ง นิติรัฐและนิติธรรมในประเทศนี้อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

และเมื่อเขาออกมาต่อสู้แล้วเขาก็พร้อมไม่มีการหนี การดำเนินคดีใด ๆ ก็ต่อสู้คดีในชั้นศาลจนถูกศาลพิพากษา เมื่อพิพากษาไปแล้ว ในบางเรื่องเขาก็มีสิทธิ์ที่จะใช้สิทธิ์ของเขาตามรัฐธรรมนูญยื่นไปยัง ศาลรัฐธรรมนูญ วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้เขาพ้นจากสมาชิกภาพ เขาก็ยอมรับคำวินิจฉัยนั้น ไม่ได้เป็นคนที่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่ตรงกับตัวเองก็ไม่ชอบ ถ้าวินิจฉัยตรงกับความคิดตัวเองก็ชอบไม่ใช่อย่างนั้น เพราะฉะนั้นอย่าไปเหมารวมคนอื่น ว่าจะเป็นคนซึ่งคิดเห็นไม่ตรงกับท่านแล้วจะต้องเป็นคนที่ไม่ดีไปทั้งหมด หรือแม้แต่กระทั่งไปตีขลุมเพื่อนสมาชิกของเรา 5 คน ที่ต่อสู้บนท้องถนนร่วมกับพี่น้องประชาชนมา มีคนเสียเลือดเสียเนื้อมากมาย แต่เขาก็ยอมรับกระบวนการพิจารณาในทางศาลเขาต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเมืองอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องให้ความยุติธรรมกับเขา” นายสาทิตย์กล่าว

พร้อมกับเพิ่มเติมว่า การโหวตใด ๆ ของเพื่อนสมาชิกเราคงไปบังคับอะไรกันไม่ได้เพราะเป็นเอกสิทธิ์โดยรัฐธรรมนูญ ตนจะโหวตอย่างไร เพื่อนสมาชิกจะโหวตอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ และเป็นความรับผิดชอบของแต่ละคน ในการลงคะแนนเสียงทั้งหลายนั้นถูกบันทึกเอาไว้เพราะฉะนั้นคนที่ลงก็จะต้องมีเหตุผลในการอธิบายต่อไปในอนาคตด้วย เป็นเรื่องของนิติบัญญัติโดยแท้ อย่าไปรวมความคิดเห็นอื่นเข้ามาในตัวร่างกฎหมายฉบับนี้ด้วย ดังนั้นจึงอยากจะลุกขึ้นแสดงความคิดความเห็นเอาไว้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยืนยัน ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ เตรียมยื่นเรื่องไปที่ “ยูเอ็น”

19 ก.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันผลตรวจสอบทุ่นระเบิดบริเวณเนิน 481 เป็นของใหม่ พบในเขตประเทศไทย คาดยังมีอีกกว่าร้อยลูกในพื้นที่ วันนี้ ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี เมื่อเวลา 15.30 น. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำแถลงผลการตรวจสอบทุ่นระเบิด บริเวณเนิน 481 จ.อุบลราชธานี โดย พันเอกสมโชค จันทาสี ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 ระบุว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจำนวน 7 นาย โดยจุดแรกที่เจอได้มีการวางจำนวน 3 ทุ่น ลักษณะการวางผิวดิน รัศมีห่างกัน 40 เซนซิเมตร มีใบไม้ปกคลุม ส่วนจุดที่ 2 เจอจำนวน 5 ทุ่น รัศมีการวางกระจัดกระจาย รวมที่พบทั้งหมดจำนวน 8 ลูก ซึ่งจากการกู้ระเบิดทั้ง 8 ลูก ทุ่นระเบิดมีความใหม่ ตัวอักษรชัดเจน เพราะถ้าเป็นของเก่าจะมีวัชพืชปกคลุม […]

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย