“หมออุดม” เตือนถ้าประมาท ไม่ได้ฉลองปีใหม่

ทำเนียบรัฐบาล 26 ธ.ค.-“นพ.อุดม” ห่วงโควิดวนระบาดอีกรอบ หลังยุโรปติดเชื้อสูง ฉีดวัคซีนแล้วลั้นลา แนะอย่าลืมอดีตคลัสเตอร์ใหญ่จากสถานบันเทิง เตือนทุกฝ่ายระวัง หวั่นไม่ได้ฉลองปีใหม่


​นพ.อุดม​ คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)​ หรือ​ ศบค.​ กล่าวก่อนการประชุม ศบค.​ชุดใหญ่ ถึงความเป็นห่วงกรณีที่มีหลายเทศกาลในเดือ​น ธ.ค.ว่า​ เป็นห่วงแน่นอน ถ้าดูสถานการณ์ทั้งโลกจะเห็นว่าตัวเลขกำลังเพิ่มขึ้นมากโดยเฉพาะในยุโรป ที่ผ่านมาสถานการณ์ของไทยจะตามยุโรป 2-3 เดือน จึงคิดว่าการผ่อนปรนต้องทำแน่นอน เพียงแต่ต้องเคร่งครัดเรื่องมาตรการ ทั้งการใส่หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง ไม่เช่นนั้นตัวเลขขึ้นแน่นอน เพราะขณะนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศเย็นไวรัสจะเติบโตได้ดี

“เรื่องวัคซีนเริ่มเห็นได้ชัด ที่ยุโรปใช้วัคซีนที่ดี ครอบคลุม 70-80 เปอร์เซ็นต์ ​ก็กลับมาระบาดใหม่ สิ่งที่อยากจะเตือนคือพอเราได้ฉีดวัคซีนแล้วเริ่มจะสบายใจ ลั้นลากัน  ซึ่งในยุโรปภาพตรงนี้ชัดมาก พอฉีดวัคซีนแล้วไม่ใส่หน้ากากอนามัย ไม่เว้นระยะห่าง ทัศนคติตรงนี้ต้องช่วยกันปรับ อย่างเมื่อเช้าวันเดียวกัน​ดูตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ของไทยเริ่มกระดกขึ้นมาแล้ว และหลังจากเราเปิดอะไรสักอย่าง 2-4 สัปดาห์ ผมเชื่อว่าตัวเลขมันต้องขึ้นแน่นอน เพียงแต่อาจจะไม่เยอะ แต่จะทำให้เป็นปัญหาเกี่ยวกับการเปิดประเทศ อยากย้ำว่าวัคซีนสำคัญสุด ต้องช่วยกันฉีด เป้าหมายฉีดเข็มแรก 50 ล้านคน ขณะนี้ฉีดไป 47 ล้านคนแล้ว เหลืออีก 3 ล้านคน และเดือนธ.ค.จะครบเข็ม 2 เพราะวัคซีนเพียงพอแน่นอน อยากให้ช่วยกระตุ้นประชาชน อย่างน้อยไม่เจ็บป่วยรุนแรง” นพ.อุดม กล่าว


นพ.อุดม​ กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก​ (WHO) เตือนว่าจะมีระบาดใหญ่ อีกทั้งให้ข้อมูลด้วยว่า ประเทศที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า คนเจ็บป่วยรุนแรงน้อยกว่าประเทศที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์เป็นตัวหลัก จึงอยากบอกว่าฉีดอะไรก็ได้ฉีดไปก่อน เราโชคดีที่มีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นตัวหลัก หรือแม้แต่การที่เราฉีดวัคซีนซิโนแวคสามารถป้องกันเจ็บป่วยรุนแรงได้แน่นอน ตรงนี้ถือเป็นการช่วยประเทศ ช่วยให้ระบบสาธารณสุขไม่มีภาระมากเกิน ไม่เช่นนั้นเราจะมีปัญหาเรื่องเตียง

“ผมกังวลนะ เดี๋ยวจะพูดในที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ เนื่องจากเราจะผ่อนคลายอะไรอีกหลายอย่าง กลัวจะไม่ได้ฉลองปีใหม่ อันนี้พูดตรง ๆ ปีใหม่จะไม่ได้ฉลอง ถ้ามันขึ้นมาวูบ ๆ ตอนนี้ในยุโรป 4 หมื่นกว่าทุกวัน เยอรมนีก็ขึ้นมาเยอะ เราเดินตามหลังเขามา 2-3 เดือน ดังนั้น​ เราไม่อยากให้เกิด อุตส่าห์ทำดีแล้ว อย่างน้อยเราเคร่งครัดมาตรการมากกว่าเขา คงขึ้นบ้าง แต่อย่าให้ขึ้นมาก และคงทำให้เศรษฐกิจมันเดินได้ เรื่องผ่อน​ นายกฯ ก็ยอมผ่อน ผมก็พยายามดึง ๆ ไว้บ้างว่ามันต้องพอเหมาะพอสม ไม่อย่างนั้นมันกลับมาใหม่ แล้วต้องล็อคดาวน์ใหม่ มันเรื่องใหญ่มาก”  นพ.อุดม​ กล่าว

นพ.อุดม​ กล่าวว่า​ ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ของไทยวันนี้ไม่ได้ถือว่าลง อย่างนี้ถือว่าไม่ดี​ เพราะตัวเลขมันทรงตัวอยู่ที่ 5-7 พันรายมา 2-3 สัปดาห์แล้ว แสดงว่ามันไม่ดี ถ้าดีทำไมไม่ลงไปเรื่อย ๆ ยิ่งไปดูต่างประเทศที่ตอนนี้เขาขึ้นมาก  ซึ่งไม่มีทางที่เขาขึ้นแล้วเราจะไม่ขึ้น อย่างที่แอฟริกาที่มีเชื้อกลายพันธุ์ ไม่นายก็มาฮ่องกงแล้ว​ เชื้อมันไปเร็ว สิ่งที่ตนพูดคือการเตือน แต่ขออย่ากังวล​


เมื่อถามว่าจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่​ การผ่อนคลายให้เปิดผับ​ บาร์​ เร็วขึ้นจะเป็นไปได้หรือไม่​ นพ.อุดม​ กล่าวว่า ครั้งที่แล้วเราก็ลงมติไปแล้ว ว่าให้เปิดวันที่ 16 ม.ค.65 ไม่ใช่ไม่ให้เปิด ขณะนี้ผู้ประกอบการต้องไปเตรียมการให้พร้อม สิ่งที่เรากังวลคือเรื่องถ่ายเทอากาศ เพราะถึงอย่างไรเรารู้ว่าจำกัดคนไม่ได้ เมื่อดื่มแอลกอฮอล์ก็พูดคุยเสียงดัง มีน้ำลายและละอองต่าง ๆ เอาเชื้อออกมา

“ที่สำคัญนั่งกันนาน ปัจจัยนี้คือปัจจัยเสี่ยง เรามีตัวอย่างคลัสเตอร์ใหญ่ ๆ ในสถานบันเทิงมาแล้ว ดังนั้น​ อย่าให้เกิดขึ่นอีก จึงขอให้เตรียมตัวให้ดี คุณต้องช่วยประเทศด้วย เพราะหากระบาดใหม่จากตรงนี้จะเป็นเรื่องใหญ่ เราก็เข้าใจเขามีความเดือดร้อน รัฐบาลคงต้องเข้าไปเยียวยา แต่หากมาเปิดก่อนกลัวว่าปีใหม่จะไม่ได้ฉลอง” นพ.อุดม กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า​ สรรพกำลังของสาธารณสุขเพียงพอหรือไม่​ หากพบการระบาดใหม่​ นพ.อุดม​ กล่าวว่า เรามีบทเรียน คิดว่ารองรับได้แน่นอน แต่ทำไมต้องไปเหนื่อยอีก หากตัวเลขไม่เกิน 5​ พันราย แม้ถือว่าเยอะ แต่มันไม่เหนื่อยมาก แต่หากไปถึง 7​ พันราย​ถึง​ 1​ หมื่นราย เราเหนื่อยมาก ถ้าไปถึง 2​ หมื่นรายเตียงไม่พอแน่นอน ภาพการเข้าถึงเตียงยาก เสียชีวิตที่บ้าน เราไม่อยากให้เกิดภาพเช่นนั้น จึงอยากให้ประชาชนดูแลตัวเอง เพราะการดูแลตัวเองเหมือนการดูแลสังคมและประเทศ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ต่อไปจนถึงกลางปีหน้า เราต้องอยู่กับโควิค-19​  แต่อยากให้ได้วันละ 1-2 พันราย เสียชีวิตไม่เกิน 20 ราย แบบนี้ไม่เหนื่อย​ แต่รับได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ตรวจสอบ รร.ประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ

ขอนแก่น 17 ส.ค.- กองปราบจ่อประชุมคณะทำงานคดี “หมอบี” เชื่อเจ้าตัวไม่หนี ขณะที่ทนายวัดพระบาทน้ำพุเลื่อนแถลงข่าว อ้างเอกสารชี้แจงยังไม่เรียบร้อย ตรวจสอบโรงเรียนประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ กรณีเพจดังตั้งข้อสงสัยวุฒิการศึกษาพระอลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ อ้างว่าปี 2518 ยังเรียน มศ.2 จะจบวิศวฯ ปี 2519 ได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวสอบถามแหล่งข่าวในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ให้ข้อมูลว่ากรณีพระอลงกต ระบุว่าจบการศึกษาที่โรงเรียนระดับประถม(นันทวิทยาลัย) ปรากฏว่าไม่มีชื่อโรงเรียนนี้อยู่ในสังกัดสำนักงานเขตของพื้นที่ทั้ง 26 อำเภอ ใน จ.ขอนแก่น หรือถ้ามี ก็อาจจะปิดตัวไปแล้ว   ส่วนระดับมัธยมศึกษานั้น ข้อมูลยืนยันว่า พระอลงกต ศึกษาจบระดับชั้น มศ.2 ที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่นจริง มีศิษย์เก่าทั้งระดับชั้นเดียวกัน และรุ่นพี่รุ่นน้องต่างยืนยันว่า พระอลงกต จบจากโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยจริง ในปี 2518 แต่ยังสงสัยในระดับปริญญาตรีว่าจะจบจริงหรือไม่   เชื่อ “หมอบี” ยังไม่หลบหนี พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ […]

รวบแล้ว “ลุงคลั่ง” ใช้ไม้หน้าสามตีหลานสาวดับ

ตรัง 17 ส.ค.- ตำรวจ สภ.ห้วยยอด รวบลุงคลั่งใช้ไม้หน้าสามฟาดหลานสาวแท้ๆ เสียชีวิตคาบ้านพัก สารภาพอ้างแค้นใจสะสมมานาน มีปากเสียงบ่อยครั้ง ตำรวจ สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง คุมตัวนายสุริยัณห์ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้ไม้หน้าสาม กระหน่ำตี น.ส.ปาริชาติ หรือน้องเชียร์ อายุ 21 ปี นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 ซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองจนเสียชีวิตภายในบ้านพัก จากนั้นหลบหนีขึ้นไปบนเขา คลองมวน  ต.หนองปรือ อ.รัษฎา เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าปิดล้อมภูเขา ก่อนจับกุมตัวได้พร้อมของกลางไม้หน้าสามเปื้อนเลือด ความยาวประมาณ 60 เซนติเมตร  สอบสวนนายสุริยัณห์ รับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง โดยอ้างว่ามีปัญหากับหลานสาวมานาน มักมีปากเสียงบ่อยครั้ง วันเกิดเหตุได้บุกเข้าไปในห้อง ใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ท้ายทอยของหลานสาว 6–7 ครั้งจนเสียชีวิต ก่อนหลบหนีออกจากบ้าน ผู้ต้องหาระบุว่า เคยทำงานเป็นช่างสักตามเกาะท่องเที่ยว เช่น เกาะพะงัน และเกาะพีพี แต่มีปัญหาจึงกลับมาอยู่บ้าน มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเคยถูกส่งตัวเข้าบำบัดหลายครั้ง ขณะถูกสอบสวนยังสามารถโต้ตอบคำถามได้ปกติ แต่ไม่มีท่าทีสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป สำหรับศพของ “น้องเชียร์” ล่าสุด […]

ตร.เข้มปราบแข่งรถบนทางด่วน เร่งสอบเหตุรถชน 11 คัน

17 ส.ค.- สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย้ำปราบปรามแข่งรถในทางอย่างเข้มงวด กรณีเกิดอุบัติเหตุรถชน 11 คัน บนทางด่วนศรีรัช–อุดรรัถยา เร่งตรวจสอบ พบความผิดใด ดำเนินคดีทุกกรณี วันนี้ (17 สิงหาคม 2568) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร และหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจงานป้องกันปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีวันที่ 16 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 00.30 น. ศูนย์วิทยุ สภ.ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนกันหลายคัน บนทางด่วนศรีรัช – อุดรรัถยา ขาออก มุ่งหน้า จังหวัดปทุมธานี พื้นที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมหน่วยกู้ภัยการทางพิเศษเร่งเข้าตรวจสอบ พบรถยนต์เสียหายรวมทั้งสิ้น 11 คัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจำนวน 3 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ทั้งหมด ผลการตรวจไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย อย่างไรก็ตาม จากพฤติการณ์เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการขับรถด้วยความประมาท […]

สัปดาห์หน้าถกคดี “หมอบี” รอง ผบก.ป. เชื่อเจ้าตัวยังไม่หนี

17 ส.ค.- กองปราบเตรียมประชุมคณะทำงานคดี “หมอบี” สัปดาห์หน้า รอง ผบก.ป. เชื่อเจ้าตัวยังไม่หลบหนี พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบพฤติการณ์ของนายเสกสันน์ หรือ หมอบี ซึ่งอาจเข้าข่ายฉ้อโกง กรณีเปิดรับบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนโครงการของวัดพระบาทน้ำพุ ว่า ในช่วงต้นสัปดาห์หน้า คณะทำงานจะมีการเรียกประชุมเพื่อตรวจสอบข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ได้ลงไปติดตามในพื้นที่ จากการสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาเทียบเคียงและพิจารณาว่า พฤติการณ์ของนายเสกสันน์ เข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่ ส่วนจะเป็นวันใดนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือ สำหรับการรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะนี้พบว่ามีความคืบหน้าไปมาก คงเหลือพยานหลักฐานบางส่วนที่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอาจมีบุคคลที่เกี่ยวข้องหลบหนีไปนั้น พ.ต.อ.เอนก บอกว่า เบื้องต้นเชื่อว่าไม่น่าจะมีใครหลบหนี มีรายงานข่าวว่า กรณีดังกล่าวหากนายเสกสันน์ หรือผู้เกี่ยวข้องมีการหลบหนีจริง ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ เนื่องจากขณะนี้เจ้าตัวยังไม่ถูกดำเนินคดี รวมถึงไม่ถือเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ทำให้ตำรวจไม่สามารถขออายัด หรือมีคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งปัจจุบันคณะทำงาน โดยเฉพาะกองบังคับการปราบปราม อยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลออกหมายจับในกรณีที่พบการกระทำที่เข้าข่ายเป็นความผิด.-419-สำนักข่าวไทย