ศบค.รายงาน กทม.-ปริมณฑล ยอดติดเชื้อโควิดยังสูง


ทำเนียบฯ 14 ก.ย. – ศบค.รายงานพบผู้ติดเชื้อ 11,786 ราย ตาย 136 ราย อาการหนัก 4 พันราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 818 ราย ขณะกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ยอดยังสูง

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (ศบค.) รายงานข้อมูล สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 11,786 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวัง 10,345 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 1,165 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 271 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 5 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,377,679 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) มีผู้ป่วยหายป่วยกลับบ้านเพิ่ม 14,738 ราย รวมหายป่วยสะสม 1,235,470 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) มีผู้ป่วยกำลังรักษา 129,025 ราย อยู่ในโรงพยาบาล 37,283 ราย อยู่ในโรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 91,742ราย อาการหนัก 4,080 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 818 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 136 ราย


สำหรับผู้เสียชีวิต 136 ราย เป็นชาย 78 ราย หญิง 58 ราย คนไทย 131 ราย เมียนมา 2 ราย กัมพูชา 2 ราย เกาหลีใต้ 1 ราย ค่ามัธยฐานของอายุ 68 ปี ตั้งแต่ 14-98 ปี ค่ามัธยฐานเวลา ทราบผลติดเชื้อและเสียชีวิตใน 10 วัน เป็นผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 96 ราย มีโรคเรื้อรัง 28ราย รวมทั้ง 2 กลุ่มนี้อยู่ที่ 92% ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 12 ราย มีปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อในพื้นที่ คนรู้จัก ครอบครัว อาศัยพื้นที่เสี่ยงและอาชีพเสี่ยง

สำหรับผู้เสียชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ 28 ราย จังหวัดปริมณฑล 29 ราย ได้แก่ สมุทรปราการ 11 ราย สมุทรสาคร 6 ราย ปทุมธานี 6 ราย นครปฐม 4 ราย นนทบุรี 2 ราย

ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก 37 ราย ได้แก่ ชลบุรี 14 ราย ราชบุรี 6 ราย ระยอง 3 ราย ฉะเชิงเทรา 2 ราย นครนายก 2 ราย เพชรบุรี 2 ราย จันทบุรี 2 ราย อ่างทอง 1 ราย ตราด 1 ราย อยุธยา 1 ราย กาญจนบุรี 1 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 1 ราย สระบุรี 1 ราย


ภาคใต้ 12 ราย ได้แก่ นราธิวาส 4 ราย พัทลุง 3 ราย ยะลา 2 ราย ชุมพร 1 ราย พังงา 1 รายและภูเก็ต 1 ราย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 ราย ได้แก่ ขอนแก่น 3 ราย อุบลราชธานี 2 ราย บุรีรัมย์ 2 ราย ศรีสะเกษ 1 ราย นครราชสีมา 1 ราย สุรินทร์ 1 ราย

ภาคเหนือ 20 ราย ได้แก่ ตาก 8 ราย เพชรบูรณ์ 3 ราย กำแพงเพชร 2 ราย นครสวรรค์ 2 ราย พิษณุโลก 1 ราย ชัยนาท 1 ราย พิจิตร 1 ราย สุโขทัย 1 ราย อุตรดิตถ์ 1 ราย

ทั้งนี้ภาพรวมการติดเชื้อใหม่ในประเทศ ในพื้นที่ต่างจังหวัด 71 จังหวัด ยังสูงมีผู้ติดเชื้อจำนวน 6,650ราย คิดเป็น 59%% กรุงเทพฯและปริมณฑล 4,860 ราย คิดเป็น 41%

โดยมี 1 จังหวัดที่ยอดติดเชื้อเกิน 1,000 ราย คือ กรุงเทพฯ ที่เหลือพบติดเชื้อเกิน 100 ราย อยู่ 26 จังหวัด และไม่ถึง 100 รายอยู่ 50 จังหวัด และไม่พบติดเชื้อ 1 จังหวัด คือ พะเยา

สำหรับ 10 จังหวัดติดเชื้อใหม่สูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 2,788 ราย สะสม 329,139 ราย ชลบุรี 955 ราย สะสม 75,007 ราย สมุทรปราการ 811 ราย สะสม 94,807 ราย สมุทรสาคร 542 ราย สะสม 83,840 ราย นนทบุรี 482 ราย สะสม49,178 ราย ราชบุรี 314 ราย สะสม 23,924 ราย ปราจีนบุรี 296 ราย สะสม 11,602 ราย สงขลา 272 ราย สะสม 23,343 ราย นราธิวาส 262 ราย สะสม 17,688 ราย และสุราษฎร์ธานี 252 ราย สะสม 9,062 ราย

ขณะที่ภาพรวมได้รับการฉีดวัคซีนในพื้นที่ 77 จังหวัด เมื่อวันที่ 13 กันยายน ได้รับการฉีดเพิ่ม 676,669 โดส แยกเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 237,043 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 438,126 รายและเข็มที่ 3 จำนวน 1,500 ราย ทำให้ยอดการฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์-13 กันยายน 2564 อยู่ที่ 40,953,025 โดส แยกเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 27,540,743 ราย คิดเป็น 38.2% เข็มที่ 2 จำนวน 12,795,707 ราย คิดเป็น 17.8% และเข็มที่ 3 จำนวน 616,575 ราย

ส่วนสถานการณ์โควิด-19ทั่วโลก มียอดผู้ติดเชื้อรวม 226,103,733 ราย อาการรุนแรง 102,383 ราย รักษาหายแล้ว 202,725,952 ราย เสียชีวิต 4,652,637 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จำนวน 42,140,103 ราย อินเดีย จำนวน 33,288,021 ราย บราซิล จำนวน 21,006,424 ราย สหราชอาณาจักรจำนวน 7,256,559 ราย และรัสเซีย จำนวน 7,158,248 ราย ส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 29 จำนวน 1,406,542 ราย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.ออกแถลงการณ์กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

30 ก.ค.- กองทัพบกออกแถลงการณ์ กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเป็นครั้งที่สอง บ่อนทำลายการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี ขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบ ย้ำจะดำเนินการอย่างเหมาะสม เด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยไทย ตามที่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการประกาศหยุดยิง เพื่อยุติการปะทะทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 นาฬิกา ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 นั้น กองทัพบกขอยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด โดยได้ระงับการใช้กำลังทุกรูปแบบ และลดกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งสันติภาพ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความร่วมมือที่สร้างสรรค์ระหว่างทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า ในวันที่ 29 – 30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ การกระทำของกองทัพกัมพูชาในครั้งนี้ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง นับเป็นครั้งที่สองภายหลังจากที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ และสะท้อนถึงพฤติกรรมที่ไม่เคารพต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ ตลอดจนเป็นการบ่อนทำลายความพยายามในการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความไว้วางใจที่ควรมีระหว่างสองประเทศ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบของกองทัพกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอแจ้งให้ทราบว่า ฝ่ายไทยจะยังคงดำรงตนอยู่บนหลักแห่งความอดกลั้น สันติภาพ และมนุษยธรรมอย่างสูงสุด อย่างไรก็ดี หากมีการละเมิดต่อเนื่อง กองทัพบกจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมและจำเป็นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยโดยไม่ละเว้น จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน -สำนักข่าวไทย

กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เปิดแนวปะทะพื้นที่ “อานม้า-ภูมะเขือ”

30 ก.ค. – กัมพูชากลับกลอก ละเมิดข้อตกลงอีก เปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ “อานม้า และภูมะเขือ” ขณะที่ ทบ.เผยทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็ก สลับระเบิดขว้าง เมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยก่อนอีกแล้ว ละเมิดข้อตกลงถึง 2 ครั้ง โดยเปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ที่ อานม้า และภูมะเขือ ทบ.เปิดเผยว่า ทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็กสลับระเบิดขว้าง โดยเมื่อเวลา 20.45 น. แหล่งข่าวฝ่ายมั่นคงรายงานว่า ช่องอานม้า มีเหตุปะทะ กัมพูชาเปิดฉากยิง หวังยึดพื้นที่ ฝ่ายไทยตอบโต้ ขณะที่ช่วงเวลา 22.19 น. พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบขั้นต้นเกิดเหตุปะทะที่ภูมะเขือ และช่องอานม้า โดยมีปืนเล็กกับระเบิดขว้างเข้ามาที่ฐานฝั่งไทย ประมาณ 30 นาที ขณะที่เพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์ไม่ต้องนอน ตามคาด! กัมพูชาละเมิดอีกแล้ว อานม้าปะทะภูมะเขือ […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสาน-กลาง-ตอ.ฝนตกหนัก กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 30 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วน กทม.-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบน มีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า […]

แนวป้องกันน้ำท่วมฝีมือทหารช่าง ลดความรุนแรงน้ำท่วม

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำจากลำน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สายที่เชียงรายลดลงแล้ว แต่ทิ้งเศษซากความเสียหายไว้จำนวนมากและทำให้ชาวแม่สายอย่างน้อย 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน แต่ยังถือว่าไม่หนักหนาสาหัสเหมือนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากแนวป้องกันน้ำท่วมยาวเกือบ 4 กิโลเมตร จากฝีมือของทหารช่าง.-สำนักข่าวไทย