เปิดญัตติซักฟอกแก้โควิดผิด ทุจริตหน้าที่

รัฐสภา 31 ส.ค.-ผู้นำฝ่ายค้านเปิดญัติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ย้ำ “พล.อ.ประยุทธ์-อนุทิน” แก้โควิดผิดพลาด เป็นผู้นำโอหัง คลั่งอำนาจ ทุจริตต่อหน้าที่ วอน ส.ส.รัฐบาลร่วมลงมติไม่ไว้วางใจ เหตุไม่ใช่ผู้นำของอนาคต หมดหวังแก้ปัญหา


การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษ เพื่ออภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล มีนายชวน หลีกภัยประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการ ก่อนเข้าสู่เนื้อหา นายชวน ชี้แจงกติกาว่า การนำเสนอเอกสารเพื่อประกอบการอภิปรายนั้น ไม่ต้องนำเสนอเพื่อขออนุญาตก่อน แต่หากปรากฏภาพที่ไม่เหมาะสม ประธานก็มีสิทธิไม่อนุญาตได้ ทั้งนี้ ขอให้หลีกเลี่ยงถ้อยคำที่หยาบคายด้วย

จากนั้น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายเปิดญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม


ผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายว่า พฤติการณ์ของพล.อ.ประยุทธ์บริหารผิดพลาด ฉ้อฉลและทุจริตต่อหน้าที่ ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ต่อประเด็นการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการป้องกันโรคให้ประชาชนทั้งการจัดหาวัคซีนทางเลือกวัคซีนที่มีประสิทธิภาพให้ประชาชน เครื่องมือตรวจเชื้อที่มีมาตรฐาน แต่การจัดหาเครื่องมือ และวัคซีนป้องกันโควิด ไม่มีแผนงาน ไร้ทิศทาง ทำให้เกิดความเสียหายกับประชาชน รวมถึงสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ธุรกิจ และประชาชน

“แม้รัฐบาลจะกู้เงินเพื่อแก้ปัญหา แต่พบการใช้จ่ายไร้ทิศทาง ไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง สร้างหนี้สาธารณะชนเพดาน หนี้ครัวเรือนสูงเป็นประวัติการณ์ คนตกงาน ส่วนมาตรการที่รัฐบาลกำหนดนั้น ไม่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเพียงพอ นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ยังทุจริตต่อหน้าที่หลายเรื่อง ทั้งการกระจายวัคซีนที่เลือกปฏิบัติ การซื้อวัคซีนที่เลี่ยงกฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง พล.อ.ประยุทธ์มีลักษณะค้าความตายร่วมกับ นายอนุทินที่หวังกอบโกยประโยชน์บนคราบน้ำตาประชาชน” นายสมพงษ์ กล่าว

ผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายว่า สำหรับนายอนุทิน ไร้ความสามารถที่จะทำให้สถานการณ์ระบาดโควิด-19 ยุติลง มุ่งแสวงหาประโยชน์จากการจัดหาวัคซีน ขณะที่นายสุชาติ ไร้ความรู้ความสามารถต่อการแก้ไขปัญหาแรงงานในภาวะที่โควิด-19 สร้างผลกระทบ อีกทั้งยังพบการใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญ ทำสิ่งที่ขัดต่อผลประโยชน์ ด้านนายศักดิ์สยาม มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ และจงใจไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไม่มีความซื่อสัตย์ โดยบุกรุกครองที่ดินของรัฐเพื่อนำมาเป็นของตนและเครือญาติอย่างฉ้อฉล ส่วนนายเฉลิมชัย ไร้ความสามารถบริหารงาน ปล่อยให้เกิดโรคระบาดสัตว์ จนส่งผลกระทบต่อเกษตรกร และนายชัยวุฒิพบการใช้ตำแหน่งและสื่อของรัฐบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความแตกแยกในสังคม มุ่งประโยชน์การเมืองมากกว่าประโยชน์ประเทศและประชาชน


“ผู้นำประเทศมีความโอหัง คลั่งอำนาจ ขาดความรู้และความสามารถจัดการปัญหา บริหารงานด้วยปาก พบว่า มีการแก้ปัญหาผ่านคำแถลงที่ตำหนิประชาชน ผู้นำไทยไร้ความสามารถ ไม่เข้าใจและประเมินสถานการณ์โรคระบาดทำให้เกิดผลกระทบของโรคระบาดไม่สามารถปกป้องประชาชนจากวิกฤติได้ ผู้นำรวบอำนาจและบริหารเก่งคนเดียว ขาดความรู้ ความสนใจรับฟังเสียงประชาชน ทำให้การจัดการของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำที่แก้ปัญหาแต่ถูกด่าประจำ ด้วยความคับแค้นของประชาชน ประชาชนสิ้นหวัง ล้มตาย แต่ผู้นำยิ้มร่า ผมขอถามว่าพล.อ.ประยุทธ์มีประชาชนในหัวใจหรือไม่ ท่านจะยอมรับหรือไม่ว่า ทุก ๆ 7 นาที มีคนตายเพราะการบกพร่อง ล้มเหลวแก้โควิด-19 ของท่าน” นายสมพงษ์ กล่าว

ผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายว่า รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์และพวก คือ รัฐบาลที่กล้าค้าความตายกับประชาชน ไม่เร่งหาจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งนอกจากการอภิปรายของส.ส.ฝ่ายค้าน ยังพบว่า มีประชาชนเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกเช่นกัน จึงขอให้ส.ส.หยุดมองประโยชน์ส่วนตน เปิดหัวใจมองเห็นชีวิตประชาชน ร่วมเจตจำนงกับประชาชนให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก ส.ส.รัฐบาลต้องเข้าใจว่าพล.อ.ประยุทธ์ คือผู้นำคือความอับอายของประเทศ ไม่สามารถทำให้ประเทศพ้นวิกฤติ ไม่ใช่ผู้นำที่แก้ปัญหาใด ๆ ไม่ใช่ผู้นำของอนาคตหรือความหวังของลูกหลาน แต่คือสิ่งไร้ค่า ไร้ความหมายในความทรงจำของคนรุ่นต่อไป ผมและพรรคฝ่ายค้านเห็นว่า ไม่อาจไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ทำหน้าที่บริหารราชการต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายสมพงษ์อ่านญัตติไปถึงเนื้อหาเรื่องวัคซีนที่เกี่ยวกับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ที่เป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นประท้วงทันทีว่า แม้จะเขียนในญัตติ และประธานในที่ประชุมได้อนุญาตแล้วก็ตาม แต่ไม่อยากให้สมาชิกนำคำดังกล่าว ซึ่งเกี่ยวข้องกับสถาบันไปอภิปรายต่อ จึงอยากให้ประธานวินิจฉัย เพื่อไม่ให้เกิดการประท้วงซ้ำซากในประเด็นดังกล่าวนี้

ขณะที่นายชวน กล่าวว่า ทุกอย่างยังเป็นไปตามญัตติ จึงรอให้มีการอภิปรายพาดพิงก่อน แล้วจะวินิจฉัยในภายหลัง ก่อนจะอนุญาตให้นายสมพงษ์อ่านญัตติต่อ แต่เมื่อมาถึงข้อกล่าวหาของนายกรัฐมนตรีที่ระบุว่า มีลักษณะค้าความตายจากการจัดหาวัคซีน นายไพบูลย์ลุกขึ้นประท้วงอีกครั้งว่า ใช้ถ้อยคำผิดข้อบังคับ ตนจำเป็นต้องลุกขึ้นประท้วง เนื่องจากได้รับมอบหมายจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นห่วงเรื่องการพาดพิงใส่ร้าย โดยให้ท้วงติงทันที อย่างไรก็ตาม นายชวนวินิจฉัยเช่นเดิมว่าเป็นการอ่านตามญัตติ และให้นายสมพงษ์อภิปรายต่อ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านศรีสะเกษสุดช้ำ บ้านเรือนถูกกัมพูชายิงถล่มเหลือแต่ซาก

ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]