รัฐสภา 31 ส.ค.-ผู้นำฝ่ายค้านเปิดญัติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ย้ำ “พล.อ.ประยุทธ์-อนุทิน” แก้โควิดผิดพลาด เป็นผู้นำโอหัง คลั่งอำนาจ ทุจริตต่อหน้าที่ วอน ส.ส.รัฐบาลร่วมลงมติไม่ไว้วางใจ เหตุไม่ใช่ผู้นำของอนาคต หมดหวังแก้ปัญหา
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษ เพื่ออภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล มีนายชวน หลีกภัยประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการ ก่อนเข้าสู่เนื้อหา นายชวน ชี้แจงกติกาว่า การนำเสนอเอกสารเพื่อประกอบการอภิปรายนั้น ไม่ต้องนำเสนอเพื่อขออนุญาตก่อน แต่หากปรากฏภาพที่ไม่เหมาะสม ประธานก็มีสิทธิไม่อนุญาตได้ ทั้งนี้ ขอให้หลีกเลี่ยงถ้อยคำที่หยาบคายด้วย
จากนั้น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายเปิดญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายว่า พฤติการณ์ของพล.อ.ประยุทธ์บริหารผิดพลาด ฉ้อฉลและทุจริตต่อหน้าที่ ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ต่อประเด็นการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการป้องกันโรคให้ประชาชนทั้งการจัดหาวัคซีนทางเลือกวัคซีนที่มีประสิทธิภาพให้ประชาชน เครื่องมือตรวจเชื้อที่มีมาตรฐาน แต่การจัดหาเครื่องมือ และวัคซีนป้องกันโควิด ไม่มีแผนงาน ไร้ทิศทาง ทำให้เกิดความเสียหายกับประชาชน รวมถึงสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ธุรกิจ และประชาชน
“แม้รัฐบาลจะกู้เงินเพื่อแก้ปัญหา แต่พบการใช้จ่ายไร้ทิศทาง ไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง สร้างหนี้สาธารณะชนเพดาน หนี้ครัวเรือนสูงเป็นประวัติการณ์ คนตกงาน ส่วนมาตรการที่รัฐบาลกำหนดนั้น ไม่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเพียงพอ นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ยังทุจริตต่อหน้าที่หลายเรื่อง ทั้งการกระจายวัคซีนที่เลือกปฏิบัติ การซื้อวัคซีนที่เลี่ยงกฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง พล.อ.ประยุทธ์มีลักษณะค้าความตายร่วมกับ นายอนุทินที่หวังกอบโกยประโยชน์บนคราบน้ำตาประชาชน” นายสมพงษ์ กล่าว
ผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายว่า สำหรับนายอนุทิน ไร้ความสามารถที่จะทำให้สถานการณ์ระบาดโควิด-19 ยุติลง มุ่งแสวงหาประโยชน์จากการจัดหาวัคซีน ขณะที่นายสุชาติ ไร้ความรู้ความสามารถต่อการแก้ไขปัญหาแรงงานในภาวะที่โควิด-19 สร้างผลกระทบ อีกทั้งยังพบการใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญ ทำสิ่งที่ขัดต่อผลประโยชน์ ด้านนายศักดิ์สยาม มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ และจงใจไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไม่มีความซื่อสัตย์ โดยบุกรุกครองที่ดินของรัฐเพื่อนำมาเป็นของตนและเครือญาติอย่างฉ้อฉล ส่วนนายเฉลิมชัย ไร้ความสามารถบริหารงาน ปล่อยให้เกิดโรคระบาดสัตว์ จนส่งผลกระทบต่อเกษตรกร และนายชัยวุฒิพบการใช้ตำแหน่งและสื่อของรัฐบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความแตกแยกในสังคม มุ่งประโยชน์การเมืองมากกว่าประโยชน์ประเทศและประชาชน
“ผู้นำประเทศมีความโอหัง คลั่งอำนาจ ขาดความรู้และความสามารถจัดการปัญหา บริหารงานด้วยปาก พบว่า มีการแก้ปัญหาผ่านคำแถลงที่ตำหนิประชาชน ผู้นำไทยไร้ความสามารถ ไม่เข้าใจและประเมินสถานการณ์โรคระบาดทำให้เกิดผลกระทบของโรคระบาดไม่สามารถปกป้องประชาชนจากวิกฤติได้ ผู้นำรวบอำนาจและบริหารเก่งคนเดียว ขาดความรู้ ความสนใจรับฟังเสียงประชาชน ทำให้การจัดการของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำที่แก้ปัญหาแต่ถูกด่าประจำ ด้วยความคับแค้นของประชาชน ประชาชนสิ้นหวัง ล้มตาย แต่ผู้นำยิ้มร่า ผมขอถามว่าพล.อ.ประยุทธ์มีประชาชนในหัวใจหรือไม่ ท่านจะยอมรับหรือไม่ว่า ทุก ๆ 7 นาที มีคนตายเพราะการบกพร่อง ล้มเหลวแก้โควิด-19 ของท่าน” นายสมพงษ์ กล่าว
ผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายว่า รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์และพวก คือ รัฐบาลที่กล้าค้าความตายกับประชาชน ไม่เร่งหาจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งนอกจากการอภิปรายของส.ส.ฝ่ายค้าน ยังพบว่า มีประชาชนเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกเช่นกัน จึงขอให้ส.ส.หยุดมองประโยชน์ส่วนตน เปิดหัวใจมองเห็นชีวิตประชาชน ร่วมเจตจำนงกับประชาชนให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก ส.ส.รัฐบาลต้องเข้าใจว่าพล.อ.ประยุทธ์ คือผู้นำคือความอับอายของประเทศ ไม่สามารถทำให้ประเทศพ้นวิกฤติ ไม่ใช่ผู้นำที่แก้ปัญหาใด ๆ ไม่ใช่ผู้นำของอนาคตหรือความหวังของลูกหลาน แต่คือสิ่งไร้ค่า ไร้ความหมายในความทรงจำของคนรุ่นต่อไป ผมและพรรคฝ่ายค้านเห็นว่า ไม่อาจไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ทำหน้าที่บริหารราชการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายสมพงษ์อ่านญัตติไปถึงเนื้อหาเรื่องวัคซีนที่เกี่ยวกับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ที่เป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นประท้วงทันทีว่า แม้จะเขียนในญัตติ และประธานในที่ประชุมได้อนุญาตแล้วก็ตาม แต่ไม่อยากให้สมาชิกนำคำดังกล่าว ซึ่งเกี่ยวข้องกับสถาบันไปอภิปรายต่อ จึงอยากให้ประธานวินิจฉัย เพื่อไม่ให้เกิดการประท้วงซ้ำซากในประเด็นดังกล่าวนี้
ขณะที่นายชวน กล่าวว่า ทุกอย่างยังเป็นไปตามญัตติ จึงรอให้มีการอภิปรายพาดพิงก่อน แล้วจะวินิจฉัยในภายหลัง ก่อนจะอนุญาตให้นายสมพงษ์อ่านญัตติต่อ แต่เมื่อมาถึงข้อกล่าวหาของนายกรัฐมนตรีที่ระบุว่า มีลักษณะค้าความตายจากการจัดหาวัคซีน นายไพบูลย์ลุกขึ้นประท้วงอีกครั้งว่า ใช้ถ้อยคำผิดข้อบังคับ ตนจำเป็นต้องลุกขึ้นประท้วง เนื่องจากได้รับมอบหมายจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นห่วงเรื่องการพาดพิงใส่ร้าย โดยให้ท้วงติงทันที อย่างไรก็ตาม นายชวนวินิจฉัยเช่นเดิมว่าเป็นการอ่านตามญัตติ และให้นายสมพงษ์อภิปรายต่อ.-สำนักข่าวไทย