กรุงเทพฯ 19 ส.ค. – ก.ต่างประเทศ หารือ ก.สาธารณสุข กระชับความร่วมมือร่วมสู้โควิด เพื่อทุกคนในประเทศไทย
นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยผลการหารือระหว่างรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้
เช้าวันนี้ (19 สิงหาคม 2564) นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากทั้งสองหน่วยงานเข้าร่วมด้วย อาทิ กรมการกงสุล กรมควบคุมโรค สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนโควิด-19 โดยทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันจัดหาวัคซีนโควิด-19 จากแหล่งต่างๆ เพื่อให้พอต่อความต้องการในปัจจุบันและอนาคตด้วย โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า สามารถจัดหาวัคซีนได้แล้ว 100 ล้านโดส ในปีนี้
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้ข้อสังเกตว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบันอาจส่งผลกระทบต่อไทยบ้าง แต่เชื่อมั่นว่า ด้วยพื้นฐานทางด้านสาธารณสุขที่แข็งแกร่งของไทย เราจะสามารถฟื้นฟูภาพลักษณ์ที่ดีในด้านดังกล่าวให้กลับคืนมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากสถาบันวิจัยของไทยประสบความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาวัคซีน mRNA เป็นชาติแรกในอาเซียนและในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา จึงขอสนับสนุนให้กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญและผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับพี่น้องชาวไทยและชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย เพื่อให้มีการกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และครอบคลุมทุกกลุ่ม ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่กำหนดให้วัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะของโลก (Global Public Goods) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันการจัดให้คนต่างชาติในไทยเข้าถึงวัคซีนผ่านการลงทะเบียน Expatvac จัดการกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงแรงงานต่างชาติที่กระทรวงสาธารณสุขจัดให้ผ่านนายจ้างด้วย
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันในการเตรียมการล่วงหน้ากระบวนการผลิต “วัคซีนไทย” รวมถึงกระบวนการสั่งจอง การบริหารจัดการ ตลอดจนแหล่งเงินทุนระหว่างประเทศและภูมิภาค ซึ่งหลายสถาบันการเงินพร้อมให้การสนับสนุน
การหารือระหว่างรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในครั้งนี้ นับเป็นการหารือระหว่างผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองกระทรวง เป็นประโยชน์ต่อการบูรณาการการทำงานระหว่างสองหน่วยงาน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ. – สำนักข่าวไทย