ถ้าไม่เข้มล็อกดาวน์ ติดเชื้ออาจพุ่งกว่า 4 หมื่น

ทำเนียบรัฐบาล 13 ส.ค.-สธ.ประเมินถ้าไม่เข้มล็อกดาวน์ อาจติดเชื้อสูงกว่า 4 หมื่นคน/วัน ชี้จะลดติดเชื้อ ลดตายได้ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือ หลายจังหวัดยังฝ่าฝืน ทั้งเล่น กิน เสพ จับตา ศบค.ชุดใหญ่ผ่อนปรน 3 ธุรกิจหลักเปิดบริการในศูนย์การค้าหรือไม่


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ว่า วันนี้ (13 ส.ค.) พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 23,418 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อใหม่ 23,030 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 388 ราย ผู้ป่วยตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.64 สะสม 834,326 ราย หายป่วยกลับบ้าน 20,083 ราย หายป่วยสะสม 616,458 ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 212,179 ราย

“กรุงเทพมหานคร พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้สูงสุดถึง 5,140 ราย รองลงมา คือ สมุทรปราการ 1,936 ราย สมุทรสาคร 1,847 ราย ทั้งนี้ ศบค.ขอขอบคุณวัดในต่างจังหวัดที่มีพื้นที่ให้เป็นที่พึ่งกับประชาชนในทุกจังหวัด ให้วัดเป็นพื้นที่กักตัวผู้ป่วย ซึ่งต้องขอบคุณพระคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในครั้งนี้” โฆษก ศบค. กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนผู้เสียชีวิต 184 ราย เป็นชาย 100 ราย หญิง 84 ราย คนไทย 177 ราย เมียนมา 5 ราย ลาว 1 ราย อินเดีย 1 ราย อายุน้อยที่สุด 12 ปี อายุมากที่สุด 105 ปี โดยพบอายุ 60 ปีขึ้นไป 123 ราย คิดเป็น 67% ทั้งนี้ พบหญิงตั้งครรภ์ 2 ราย ที่ จ.ชัยนาท และอุดรธานี ปัจจัยเสี่ยงสูงสุด คือ ไปในพื้นที่ระบาด 68 ราย ติดจากครอบครัว 39 ราย จากคนรู้จัก 48 ราย

โฆษก ศบค. กล่าวว่า ศบค.ได้ข้อมูลการวิเคราะห์จากกรมควบคุมโรค ถึงอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 จากผู้ติดเชื้อ 834,326 ราย เสียชีวิต 7,032 ราย คิดเป็นสัดส่วน 0.84% โดยสัดส่วนที่เสียชีวิตสูงสุด คือ อายุ 70 ปี 12.48% รองลงมา คือ อายุ 60-69 ปี 4.19% อายุ 50-59 1.47%

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า พื้นที่ที่พบผู้เสียชีวิตมากที่สุด คือ กทม. 71 ราย สมุทรสาคร 16 ราย สมุทรปราการ 12 ราย นครปฐม 6 ราย นราธิวาส 5 ราย ยะลา 3 ราย ปัตตานี 1 ราย นครศรีธรรมราช 3 ราย ระนอง 1 ราย อุดรธานี 4 ราย อุบลราชธานี 3 ราย ขอนแก่น 3 ราย เลย 2 ราย อำนาจเจริญ 2 ราย กาฬสินธุ์ 1 ราย ยโสธร 1 ราย ร้อยเอ็ด 1 ราย ศรีสะเกษ 1 ราย ตาก 4 ราย เพชรบูรณ์ 3 ราย ชัยนาท 3 ราย นครสวรรค์ 2 ราย กำแพงเพชร 2 ราย พิษณุโลก 1 ราย อุทัยธานี 1 ราย ราชบุรี 7 ราย สุพรรณบุรี 7 ราย สระบุรี 6 ราย ปราจีนบุรี 4 ราย สิงห์บุรี 2 ราย นครนายก 2 ราย จันทบุรี 1 ราย ชลบุรี 1 ราย ระยอง 1 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 1 ราย


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงการดำเนินการของทีมป้องกันและแก้ปัญหาโควิด-19 เชิงรุกในชุมชน ของ CCR Team ของทาง กทม. ที่ลงพื้นที่ตรวจค้นการติดเชื้อด้วย ATK ทั้งหมด 260 ทีม โดยตรวจภายใน 24 ชั่วโมง 711 ราย พบเชื้อ 101 ราย ส่งโรงพยาบาลรักษา 3 ราย Home Isolation 62 ราย Community Isolation 36 ราย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการตรวจเชิงรุก 8 ราย จะพบผู้ติดเชื้อ 2 ราย สำหรับผู้ป่วยสะสมนำส่งกลับภูมิลำเนา ในเขตสุขภาพที่ 1-12 ข้อมูลสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-12 ส.ค.64 ส่งกลับภูมิลำเนา 129,771 ราย

โฆษก ศบค. กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข คาดการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึงปลายเดือนกันยายน 2564 ว่า หากไม่มีมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงของปลายเดือน ส.ค.-ก.ย. อาจจะมีผู้ติดเชื้อสูงเกือบ 45,000 ราย/วัน และหากล็อกดาวน์อย่างมีประสิทธิภาพ 20% หรือ เซมิล็อกดาวน์ อาจมีผู้ติดเชื้อประมาณ 40,000 รายขึ้นไป แต่หากล็อกดาวน์อย่างมีประสิทธิภาพ 25% เป็นระยะเวลา 2 เดือนขึ้นไป และเร่งฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุตามเป้าหมาย 1-2 เดือน คาดว่าเราจะมีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ลดลงประมาณ 20,000 ราย ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะทำให้ลดการติดเชื้อ คือ ร่วมมือกันให้ล็อกดาวน์อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถลดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตได้

“ส่วนการคาดการณ์ผู้เสียชีวิต หากปราศจากมาตราการล็อกดาวน์ คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตรายวันช่วงปลายเดือนกันยายน อาจสูงถึง 900 ราย/วัน แต่หากสามารถล็อกดาวน์อย่างมีประสิทธิภาพในสัดส่วน 25% เป็นเวลา 2 เดือน ต่อเนื่องถึงปลายเดือนกันยายน จะมีผู้เสียชีวิตไม่ถึง 100 ราย อย่างไรก็ตาม ในต่างจังหวัด หลายจังหวัดที่เราเห็น ยังไม่ให้ความร่วมมือ ยังเห็นภาพของการดื่ม การเล่น การเสพ ซึ่งต้องขอความร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจกันด้วย เพราะการสู้กับโรคระบาดนี้ คนหนึ่งคนใดทำไม่สำเร็จ ต้องร่วมมือกันทั้งประเทศ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษก ศบค. กล่าวว่า กรมควบคุมโรควิเคราะห์สถานการณ์การเสียชีวิตที่มุ่งไปยัง 2 กลุ่มเป้าหมาย คือ หญิงตั้งครรภ์และอาชีพขนส่งสาธารณะ ซึ่งพบว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ตรวจพบระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 11 สิงหาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อ 185 ราย เสียชีวิต 29 ราย ส่วนใหญ่อายุค่ากลางอยู่ที่ 28 ปี ส่วนผู้เสียชีวิตค่ากลางอายุอยู่ที่ 33 ปี โดยจังหวัดที่มีหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิตสูงสุด คือ กรุงเทพมหานคร 8 ราย เกิดจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้าถึง 55% ทั้งนี้ หญิงตั้งครรภ์ที่เสียงติดเชื้อโควิด จากข้อมูลพบว่าจะสามารถเสี่ยงติดเชื้อได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตจะมีอายุครรภ์โดยเฉลี่ยอายุครรภ์มากกว่า 24 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม พบว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับวัคซีน หากติดเชื้อโควิดจะมีอาการน้อย ดังนั้น ขอให้หญิงตั้งครรภ์เร่งมาฉีดวัคซีน เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันให้ได้มากที่สุด

“ส่วนผู้ประกอบอาชีพขนส่งสาธารณะ พบว่าติดเชื้อจำนวน 353 ราย เสียชีวิต 104 ราย โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูง ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตที่มีจำนวนมาก คือ ช่วงเดือนกรกฎาคม สัดส่วนการเสียชีวิต 5 อันดับแรก อยู่ที่กรุงเทพมหานคร 57 ราย ขับรถแท็กซี่มากสุด 47% รถจักรยานยนต์รับจ้าง 31%” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษก ศบค. กล่าวถึงกรณีภาคธุกิจ สมาคมศูนย์การค้าไทย หรือ TSCA เสนอภารัฐให้ทบทวนมาตรการ ขอผ่อนปรน 3 ธุรกิจหลักเปิดบริการในศูนย์การค้าได้ ได้แก่ ธนาคารสถาบันการเงิน ธุรกิจสื่อสารไอที ร้านเบ็ดเตล็ด ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ว่า ที่ประชุม ศบค.รับทราบข้อเสนอนี้แล้ว และอยู่ระหว่างการพูดคุยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ศบค.เข้าใจความเดือดร้อนของประชาชนในแต่ละกลุ่ม ซึ่งพยายามมองในภาพรวม ขอให้รอผลสรุปการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคมนี้ คาดว่าจะชี้แจงรายละเอียดในช่วงบ่าย ทั้งนี้ ศบค.จะปรับการแถลงข่าวในวันจันทร์ พุธ ศุกร์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย