ถ้าไม่เข้มล็อกดาวน์ ติดเชื้ออาจพุ่งกว่า 4 หมื่น

ทำเนียบรัฐบาล 13 ส.ค.-สธ.ประเมินถ้าไม่เข้มล็อกดาวน์ อาจติดเชื้อสูงกว่า 4 หมื่นคน/วัน ชี้จะลดติดเชื้อ ลดตายได้ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือ หลายจังหวัดยังฝ่าฝืน ทั้งเล่น กิน เสพ จับตา ศบค.ชุดใหญ่ผ่อนปรน 3 ธุรกิจหลักเปิดบริการในศูนย์การค้าหรือไม่


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ว่า วันนี้ (13 ส.ค.) พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 23,418 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อใหม่ 23,030 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 388 ราย ผู้ป่วยตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.64 สะสม 834,326 ราย หายป่วยกลับบ้าน 20,083 ราย หายป่วยสะสม 616,458 ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 212,179 ราย

“กรุงเทพมหานคร พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้สูงสุดถึง 5,140 ราย รองลงมา คือ สมุทรปราการ 1,936 ราย สมุทรสาคร 1,847 ราย ทั้งนี้ ศบค.ขอขอบคุณวัดในต่างจังหวัดที่มีพื้นที่ให้เป็นที่พึ่งกับประชาชนในทุกจังหวัด ให้วัดเป็นพื้นที่กักตัวผู้ป่วย ซึ่งต้องขอบคุณพระคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในครั้งนี้” โฆษก ศบค. กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนผู้เสียชีวิต 184 ราย เป็นชาย 100 ราย หญิง 84 ราย คนไทย 177 ราย เมียนมา 5 ราย ลาว 1 ราย อินเดีย 1 ราย อายุน้อยที่สุด 12 ปี อายุมากที่สุด 105 ปี โดยพบอายุ 60 ปีขึ้นไป 123 ราย คิดเป็น 67% ทั้งนี้ พบหญิงตั้งครรภ์ 2 ราย ที่ จ.ชัยนาท และอุดรธานี ปัจจัยเสี่ยงสูงสุด คือ ไปในพื้นที่ระบาด 68 ราย ติดจากครอบครัว 39 ราย จากคนรู้จัก 48 ราย

โฆษก ศบค. กล่าวว่า ศบค.ได้ข้อมูลการวิเคราะห์จากกรมควบคุมโรค ถึงอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 จากผู้ติดเชื้อ 834,326 ราย เสียชีวิต 7,032 ราย คิดเป็นสัดส่วน 0.84% โดยสัดส่วนที่เสียชีวิตสูงสุด คือ อายุ 70 ปี 12.48% รองลงมา คือ อายุ 60-69 ปี 4.19% อายุ 50-59 1.47%

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า พื้นที่ที่พบผู้เสียชีวิตมากที่สุด คือ กทม. 71 ราย สมุทรสาคร 16 ราย สมุทรปราการ 12 ราย นครปฐม 6 ราย นราธิวาส 5 ราย ยะลา 3 ราย ปัตตานี 1 ราย นครศรีธรรมราช 3 ราย ระนอง 1 ราย อุดรธานี 4 ราย อุบลราชธานี 3 ราย ขอนแก่น 3 ราย เลย 2 ราย อำนาจเจริญ 2 ราย กาฬสินธุ์ 1 ราย ยโสธร 1 ราย ร้อยเอ็ด 1 ราย ศรีสะเกษ 1 ราย ตาก 4 ราย เพชรบูรณ์ 3 ราย ชัยนาท 3 ราย นครสวรรค์ 2 ราย กำแพงเพชร 2 ราย พิษณุโลก 1 ราย อุทัยธานี 1 ราย ราชบุรี 7 ราย สุพรรณบุรี 7 ราย สระบุรี 6 ราย ปราจีนบุรี 4 ราย สิงห์บุรี 2 ราย นครนายก 2 ราย จันทบุรี 1 ราย ชลบุรี 1 ราย ระยอง 1 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 1 ราย


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงการดำเนินการของทีมป้องกันและแก้ปัญหาโควิด-19 เชิงรุกในชุมชน ของ CCR Team ของทาง กทม. ที่ลงพื้นที่ตรวจค้นการติดเชื้อด้วย ATK ทั้งหมด 260 ทีม โดยตรวจภายใน 24 ชั่วโมง 711 ราย พบเชื้อ 101 ราย ส่งโรงพยาบาลรักษา 3 ราย Home Isolation 62 ราย Community Isolation 36 ราย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการตรวจเชิงรุก 8 ราย จะพบผู้ติดเชื้อ 2 ราย สำหรับผู้ป่วยสะสมนำส่งกลับภูมิลำเนา ในเขตสุขภาพที่ 1-12 ข้อมูลสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-12 ส.ค.64 ส่งกลับภูมิลำเนา 129,771 ราย

โฆษก ศบค. กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข คาดการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึงปลายเดือนกันยายน 2564 ว่า หากไม่มีมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงของปลายเดือน ส.ค.-ก.ย. อาจจะมีผู้ติดเชื้อสูงเกือบ 45,000 ราย/วัน และหากล็อกดาวน์อย่างมีประสิทธิภาพ 20% หรือ เซมิล็อกดาวน์ อาจมีผู้ติดเชื้อประมาณ 40,000 รายขึ้นไป แต่หากล็อกดาวน์อย่างมีประสิทธิภาพ 25% เป็นระยะเวลา 2 เดือนขึ้นไป และเร่งฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุตามเป้าหมาย 1-2 เดือน คาดว่าเราจะมีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ลดลงประมาณ 20,000 ราย ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะทำให้ลดการติดเชื้อ คือ ร่วมมือกันให้ล็อกดาวน์อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถลดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตได้

“ส่วนการคาดการณ์ผู้เสียชีวิต หากปราศจากมาตราการล็อกดาวน์ คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตรายวันช่วงปลายเดือนกันยายน อาจสูงถึง 900 ราย/วัน แต่หากสามารถล็อกดาวน์อย่างมีประสิทธิภาพในสัดส่วน 25% เป็นเวลา 2 เดือน ต่อเนื่องถึงปลายเดือนกันยายน จะมีผู้เสียชีวิตไม่ถึง 100 ราย อย่างไรก็ตาม ในต่างจังหวัด หลายจังหวัดที่เราเห็น ยังไม่ให้ความร่วมมือ ยังเห็นภาพของการดื่ม การเล่น การเสพ ซึ่งต้องขอความร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจกันด้วย เพราะการสู้กับโรคระบาดนี้ คนหนึ่งคนใดทำไม่สำเร็จ ต้องร่วมมือกันทั้งประเทศ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษก ศบค. กล่าวว่า กรมควบคุมโรควิเคราะห์สถานการณ์การเสียชีวิตที่มุ่งไปยัง 2 กลุ่มเป้าหมาย คือ หญิงตั้งครรภ์และอาชีพขนส่งสาธารณะ ซึ่งพบว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ตรวจพบระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 11 สิงหาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อ 185 ราย เสียชีวิต 29 ราย ส่วนใหญ่อายุค่ากลางอยู่ที่ 28 ปี ส่วนผู้เสียชีวิตค่ากลางอายุอยู่ที่ 33 ปี โดยจังหวัดที่มีหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิตสูงสุด คือ กรุงเทพมหานคร 8 ราย เกิดจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้าถึง 55% ทั้งนี้ หญิงตั้งครรภ์ที่เสียงติดเชื้อโควิด จากข้อมูลพบว่าจะสามารถเสี่ยงติดเชื้อได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตจะมีอายุครรภ์โดยเฉลี่ยอายุครรภ์มากกว่า 24 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม พบว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับวัคซีน หากติดเชื้อโควิดจะมีอาการน้อย ดังนั้น ขอให้หญิงตั้งครรภ์เร่งมาฉีดวัคซีน เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันให้ได้มากที่สุด

“ส่วนผู้ประกอบอาชีพขนส่งสาธารณะ พบว่าติดเชื้อจำนวน 353 ราย เสียชีวิต 104 ราย โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูง ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตที่มีจำนวนมาก คือ ช่วงเดือนกรกฎาคม สัดส่วนการเสียชีวิต 5 อันดับแรก อยู่ที่กรุงเทพมหานคร 57 ราย ขับรถแท็กซี่มากสุด 47% รถจักรยานยนต์รับจ้าง 31%” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษก ศบค. กล่าวถึงกรณีภาคธุกิจ สมาคมศูนย์การค้าไทย หรือ TSCA เสนอภารัฐให้ทบทวนมาตรการ ขอผ่อนปรน 3 ธุรกิจหลักเปิดบริการในศูนย์การค้าได้ ได้แก่ ธนาคารสถาบันการเงิน ธุรกิจสื่อสารไอที ร้านเบ็ดเตล็ด ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ว่า ที่ประชุม ศบค.รับทราบข้อเสนอนี้แล้ว และอยู่ระหว่างการพูดคุยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ศบค.เข้าใจความเดือดร้อนของประชาชนในแต่ละกลุ่ม ซึ่งพยายามมองในภาพรวม ขอให้รอผลสรุปการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคมนี้ คาดว่าจะชี้แจงรายละเอียดในช่วงบ่าย ทั้งนี้ ศบค.จะปรับการแถลงข่าวในวันจันทร์ พุธ ศุกร์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]