ทำเนียบรัฐบาล 10 ส.ค.-ครม.ผ่านร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นและการเยียวยาที่จำเป็น อันเกิดจากผลกระทบของการทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า สืบเนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 178 วรรคสี่ บัญญัติให้มีกฎหมายกำหนดวิธีการที่ประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นและได้รับการเยียวยาที่จำเป็นอันเกิดจากผลกระทบของการทำหนังสือสัญญาที่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้าหรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวาง ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีกรอบทางกฎหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดวิธีการที่ประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและได้รับการเยียวยาที่จำเป็นจากผลกระทบของการทำหนังสือสัญญา
“เพื่อให้มีกฎหมายที่กำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการดำเนินการดังกล่าว และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ครม.จึงมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นและการเยียวยาที่จำเป็นอันเกิดจากผลกระทบของการทำหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ซึ่งร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นการตรากฎหมายใหม่เพื่อการปฏิรูปประเทศ โดยแบ่งเป็น 2 หมวด ได้แก่ หมวด 1 การเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชนในการแสดงความคิดเห็น และหมวด 2 การเยียวยา” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้ 1.กำหนดให้ในการทำหนังสือสัญญาที่อาจมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ระยะเวลา 15 วันเป็นอย่างน้อย และวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการทำหนังสือสัญญานั้น รวมทั้งเปิดเผยผลการรับฟังความคิดเห็นและการวิเคราะห์นั้นแก่ประชาชน ก่อนเสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบ 2.กำหนดให้หน่วยงานที่รับผิดชอบนำหลักการหรือประเด็นสำคัญของหนังสือสัญญาที่อาจมีผลกระทบอย่างกว้างขวางไปรับฟังความคิดเห็น โดยต้องประกาศวิธีการรับฟังความคิดเห็น ระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดในการรับฟังความคิดเห็น รวมทั้งข้อมูลประกอบการรับฟังความคิดเห็น หากการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศหรือประชาชน หรือต่อความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้เปิดเผยข้อมูลเท่าที่จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย
“3.เมื่อหนังสือสัญญาที่อาจมีผลกระทบอย่างกว้างขวางมีผลใช้บังคับแล้ว และการปฏิบัติตามหนังสือสัญญานั้น ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคง ทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้า หรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวาง หากมีมาตรการเยียวยาไม่เพียงพอ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบร่วมกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเสนอแนะมาตรการเยียวยาที่จำเป็นต่อครม. เพื่อให้ความเห็นชอบ และเผยแพร่มาตรการดังกล่าวให้ทราบเป็นการทั่วไป” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
น.ส.รัชดา กล่าวว่า เมื่อร่างพระราชบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้ จะทำให้มีกรอบกฎหมายที่กำหนดวิธีการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหนังสือสัญญาบางประเภทและการเยียวยาที่ชัดเจน ซึ่งจะเป็นเครื่องสำคัญในการส่งเสริมให้การมีส่วนร่วมทางการเมือง และทำให้หน่วยงานที่รับผิดชอบสามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ.-สำนักข่าวไทย