แจง ปชช.เดินทางข้ามเขต กรอกข้อมูลผ่านเว็บ “หยุดเชื้อเพื่อชาติ”

กรุงเทพฯ 19 ก.ค. – เลขาฯ สมช. แจงเปิดให้ประชาชนที่จะเดินทางข้ามเขต กรอกข้อมูลผ่าน www.หยุดเชื้อเพื่อชาติ เพื่อรับคิวอาร์โค้ด แสดงต่อเจ้าหน้าที่ ชี้ไม่จำเป็นอย่าเดินทาง เผยพร้อมเคลื่อนอู่ฮั่นโมเดล หาก สธ.เสนอ แจงนายกฯ สั่งเร่งเปิดศูนย์พักคอยให้ครบ 50 เขต รับผู้ป่วยในพื้นที่ เพื่อรอส่ง รพ.


วันที่ 19 ก.ค.64 พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ผอ.ศปก.ศบค.) ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ผ่านการรวบรวมจากสื่อทำเนียบฯ ผ่านคลิปสัมภาษณ์จากทำเนียบรัฐบาล ถึงคำถามต่อมาตรการล็อกดาวน์เข้มข้นที่จะมีผลในวันที่ 20 ก.ค.64 ถึงการทำงานของสื่อมวลชน และจิตอาสาช่วยผู้ป่วยโควิด-19 ในช่วงล็อกดาวน์จะสามารถออกไปปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า สื่อมวลชนถือเป็นอาชีพที่มีความจำเป็นและสำคัญ สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่ต้องทำได้ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และอยากให้เป็นตัวอย่างที่ดีกับประชาชน ดังนั้น มาตรการที่ต้องปฏิบัติอย่างเข้มข้น คือ การรักษาระยะห่าง มาตรการ dmhtt ส่วนอาสาสมัครก็มีความจำเป็น สามารถทำงานได้เช่นกัน

ส่วนกรณีที่ประชาชนยังสงสัยว่า หากอยู่ต่างจังหวัดมีภารกิจจำเป็นต้องข้ามเขต เดินทาง โดยเฉพาะขับรถข้ามจังหวัด ในขณะที่สายการบินงดบิน จะสามารถเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้หรือไม่ ผอ.ศปก.ศบค. กล่าวว่า หากมีหลักฐานแสดงการนัดหมาย อาทิ ฉีดวัคซีน หรือนัดพบแพทย์ สามารถแสดงหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ได้ แต่ทั้งนี้ ศบค.มีวัตถุประสงค์หลักที่ต้องการให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทาง โดยเฉพาะการเข้ามาในพื้นที่สีแดงเข้ม เพราะจะทำให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อ


อย่างไรก็ตาม หากจำเป็น ศบค.ได้เพิ่มช่องทางอำนวยความสะดวก ด้วยการเข้าไปลงทะเบียนในเว็บไซต์หยุดเชื้อเพื่อชาติ covid-19.in.th เพื่อกรอกแบบฟอร์มและสแกนคิวอาร์โค้ด และนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ในด่านตรวจ โดยแต่ละด่านจะมีเจ้าหน้าที่อ่านคิวอาร์โค้ด เพื่อสะดวกต่อการแจ้งข้อมูล โดยไม่ต้องกรอกข้อมูลระหว่างการเดินทาง

เมื่อถามว่า มาตรการนอกเวลาเคอร์ฟิวที่บังคับใช้ในช่วงกลางวัน เป็นการขอความร่วมมือ หรือคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถาน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า คำสั่งนี้มีการออกบังคับใช้ 2 ห้วง ในห้วงเคอร์ฟิว คือ ประกาศห้าม แต่ในช่วงนอกเคอร์ฟิวจะเว้นในบางกิจกรรม จึงขอใช้คำว่าให้งดไปก่อน คือ ให้งด ให้หลีกเลี่ยง โดยเมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้มาตรการเข้มข้น อาจต้องใช้คำว่าห้าม ซึ่งหากถึงขั้นต้องห้าม จะมีกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นน้อยกว่านี้มาก

นอกจากนี้ สื่อมวลชนยังถามว่า ศบค.ได้เตรียมแผนรองรับการใช้อู่ฮั่นโมเดลหรือไม่ หากผู้ติดเชื้อไม่ลดลง พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ศบค.เตรียมรับมือไว้ทุกสถานการณ์ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข ในการตัดสินใจ ซึ่ง ศบค.พร้อมปฏิบัติในทุกกรณี ส่วนที่สื่อถามว่า ไทยมีแนวโน้มที่จะฟูลล็อกดาวน์ หรือล็อกดาวน์เต็มพื้นที่ โดยห้ามออกจากบ้านเลยหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ศบค.ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ทั้งผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อ และปัญหาด้านเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศด้วย


เมื่อถามว่า ศบค.ประเมินว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้เอาอยู่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ความสำเร็จในการควบคุม มีหลายส่วนประกอบกัน ประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐที่ต้องเข้มข้นจริงจัง ภาคเอกชนผู้ประกอบการต้องสนับสนุนมาตรการที่ ศบค.กำหนด ภาคประชาชนให้ความร่วมมือกับภาครัฐ นอกจากนี้ ส่วนที่สำคัญอีกภาคส่วน คือ สื่อมวลชน ที่สามารถขับเคลื่อนให้มาตรการเกิดประโยชน์ ช่วยกันสร้างความมั่นใจกับประชาชน จะช่วยทำให้สถานการณ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผล เมื่อร่วมกันคาดว่าจะเอาอยู่ แต่หาก ศบค.ดำเนินการแค่ฝ่ายเดียว ไม่ได้รับความร่วมมือจากภาคส่วนใดเลย ก็เชื่อว่าจะเอาไม่อยู่

ส่วนคำถามว่า จะปรับโครงสร้างของ ศบค. โดยจะมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญเข้ามาทำหน้าที่ ศบค. เพิ่มเติมหรือไม่นั้น พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณา แต่ยืนยันว่า บุคลากรและทีมงานจากทุกภาคส่วนที่มาร่วมงานกันในปัจจุบันนี้ ถือว่ามีประสิทธิภาพแล้ว

พล.อ.ณัฐพล ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าได้หารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในหลายประเด็น โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้นายอนุทิน เร่งหาช่องทาง เร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้บุคลากรทางการแพทย์ และจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม โดยนายอนุทิน แจ้งว่าจะเร่งกลับไปพิจารณา และแจ้งนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็วอีกครั้ง

เมื่อถามว่า ศบค.หาแนวทางแก้ไขปัญหาผู้ป่วยตกค้างที่บ้าน ผู้ป่วยรอคอยนาน ที่จะทำให้อาการหนักขึ้นอย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยเรื่องนี้มาก และสอบถามกระทรวงสาธารณสุข กทม. ศบค. โดยในชั้นต้นจะเร่งมาตรการคัดกรองตรวจหาผู้ติดเชื้อ และหากผู้ที่พบติดเชื้อจะเข้าระบบโฮมไอโซเรชัน และในช่วงที่ระบบกักตัวที่บ้านยังไม่สมบูรณ์ ให้ใช้ศูนย์พักคอยที่มีอยู่ 50 เขตใน กทม. ซึ่งขณะนี้เปิดแล้ว 20 เขต ให้นำผู้ติดเชื้อเข้ามายังศูนย์พักคอยในแต่ละเขต เพื่อรอการส่งต่อ โดยนายกรัฐมนตรี เร่งให้ทุกเขตมีศูนย์พักคอย เขตละ 1 แห่ง โดยให้ประชาชนมาติดต่อ รอการส่งต่อไปยัง รพ.สนาม ไอซียูสนาม ตามอาการที่เป็น จำนวนเตียงที่มี คาดว่าหากดำเนินการได้ สถานการณ์การขาดแคลนเตียงจะสามารถแก้ปัญหาได้ดีขึ้น. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]

“พิเชษฐ์” ชิงปิดประชุมสภาฯ หลังถกวุ่นเสนอนับองค์ประชุม

รัฐสภา 17 ก.ค.- “พิเชษฐ์” ทำแฮตทริก ชิงปิดประชุมสภาฯ หลัง “สส.ปชน.” เสนอนับองค์ประชุม ขณะที่ สส.เพื่อไทย ขอให้นับแบบขานชื่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ขณะรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 66 และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินประจำปีงบประมาณ 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีผู้อภิปรายไปเพียงคนเดียวคือนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน ทำให้นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายว่า เห็นสมาชิกในห้องประชุมบางตาอยากจะเช็คความตั้งใจการทำงานของสส.ฝ่ายรัฐบาล จึงขอนับองค์ประชุม และมีผู้รับรองถูกต้องจากนั้นนายพิเชษฐ์ กดออดเรียกสมาชิกพร้อมกล่าวว่า “ไม่อยากอภิปรายแล้วหรือ” พร้อมทั้งขอให้วิปรัฐบาลแจ้งสส.ที่อยู่ในห้องประชุมอื่นเพื่อรีบเข้าห้องประชุมใหญ่ ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การขอนับองค์ประชุมและมีผู้รับรอง ถือเป็นสิ่งสวยงาม แต่หากมีคนเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ คงใช้เวลาถึงค่ำ ดังนั้น ขอร้องเพื่อนสมาชิก เดือนนี้ขออย่านับองค์ประชุมเลย แล้วไปนับองค์ประชุมเดือนหน้า […]

เจ้าหน้าที่เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบเส้นเงิน

กทม. 17 ก.ค. – เจ้าหน้าที่ 3 หน่วยงาน เข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสฯ ขอตรวจสอบเส้นเงิน หลังอดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก มีรายงานเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เนื่องจากเจ้าคุณประสิทธิ์ เคยดำรงตำแหน่งเป็นรองอธิการบดี.-สำนักข่าวไทย