กรุงเทพฯ 12 ก.ค.-ทบ.จับมือกอ.รมน.จัดโครงการคนไทยไม่ทิ้งกัน ทบ.และ กอ.รมน.พาผู้ป่วยระดับสีเขียวกลับบ้าน หนุนรัฐบาลลดภาระระบบสาธารณสุขในกทม.- ปริมณฑล
พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 องทัพบก (ศบค.19 ทบ.) และโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบกสั่งการให้หน่วยทหารทั่วประเทศดำรงการใช้ศักยภาพของทรัพยากรที่มีอยู่สนับสนุนรัฐบาลดูแลช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมอบให้ศบค.19 ทบ.หารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สนับสนุนรัฐบาลดำเนินการส่งกลับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย (ผู้ป่วยสีเขียว) ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล ที่มีความประสงค์ไปรักษายังภูมิลำเนา ตามระบบของกระทรวงสาธารณสุขจังหวัดนั้น ๆ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความคับคั่งของระบบสาธารณสุขส่วนกลาง กระจายไปยังส่วนภูมิภาค และเพื่อดูแลอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางให้มีความปลอดภัย
โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการในครั้งนี้ ได้ใช้ศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิดกองทัพบก (กทม.) โทร. 02-270-5685-9 และ 02-615-0269 เป็นศูนย์กลางติดต่อประสานงานเชื่อมโยงข้อมูลและวางแผนบริหารจัดการอย่างเป็นระบบร่วมกับศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิดกองทัพภาค ในการยืนยันความพร้อมรับผู้ติดเชื้อเข้าสู่กระบวนการรักษาของ สธ. ในพื้นที่ และเคลื่อนย้ายโดยใช้กลไกศูนย์สนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อโควิด-19 กองทัพบกและกองทัพภาค สนับสนุนกำลังพลพร้อมยานพาหนะที่เหมาะสมต่อจำนวนผู้ป่วย ระยะเวลาการเดินทางและลักษณะเส้นทาง พร้อมจัดบุคลากรสายแพทย์ร่วมขบวนเพื่อประเมินสถานการณ์ กำกับดูแลผู้ป่วยตามมาตรฐานทางการแพทย์และแนวทางการป้องกันควบคุมโรคตามหลักสาธารณสุข
“กองทัพบกได้กำหนดพื้นที่รวมการ รองรับผู้ป่วยในกทม. และปริมณฑล ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อประเมินสภาพร่างกายและอาการให้สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย ก่อนเคลื่อนย้ายไปยังจุดรับ-ส่งผู้ป่วยที่แต่ละกองทัพภาคจัดเตรียมไว้ ประกอบด้วย กองทัพภาคที่ 2 รพ.ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา กองทัพภาคที่ 3 รพ.ค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ และกองทัพภาคที่ 4 รพ.ค่ายเขตอุดมศักดิ์ จ.ชุมพร ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกกำชับให้กำลังพลทุกนายที่เกี่ยวข้องในภารกิจครั้งนี้ ปฏิบัติตามแนวทาง ศบค. ควบคู่ไปกับมาตรการพิทักษ์พลอย่างเคร่งครัด พร้อมสวมใส่เครื่องป้องกันอย่างเหมาะสม เพื่อให้มีความปลอดภัยในภารกิจ ส่งกลับผู้ป่วยไปรักษายังภูมิลำเนาได้ตรงตามความต้องการ” พล.ท.สันติพงศ์ กล่าว
พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันการแพร่ระบาดของโรคโควิค – 19 ในประเทศไทยมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อ ทำให้ติดเชื้อโดยง่าย ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมากและมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้รัฐบาลต้องยกระดับโดยกำหนดมาตรการที่มุ่งลดและจำกัดการเคลื่อนย้ายการเดินทางของบุคคลเพื่อลดการติดต่อการสัมผัสระหว่างกัน จำกัดการเดินทางออกจากบ้านลดการเดินทางโดยไม่จำเป็นและไปในพื้นที่เสี่ยง ที่จะเกิดภาวะวิกฤติด้านสาธารณสุขโดย เฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
โฆษกกอ.รมน. กล่าวว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรรองผอ.รมน.) ให้ความสำคัญต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิค – 19 ตามนโยบายของรัฐบาลทุกช่องทาง โดยเฉพาะการสนับสนุนการบริหารจัดการด้านระบบสาธารณสุข เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยมอบให้ กอ.รมน.บูรณาการร่วมกับกองทัพบก ตาม “โครงการคนไทยไม่ทิ้งกัน ทบ.และกอ.รมน.พาคนกลับบ้าน” โดยจัดกำลังพลและยานพาหนะรับผู้ป่วยโควิด – 19 ที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อยที่ไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง(ผู้ป่วยสีเขียว) กลับภูมิลำเนา
“สำหรับการส่งผู้ป่วยกลับไปรักษายังภูมิลำเนาในครั้งนี้เป็นโครงการนำร่อง กอ.รมน.โดยกอ.รมน.ภาค 3 ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก โรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและกอ.รมน.จังหวัดพิษณุโลก จัด “โครงการพาคนพิษณุโลกกลับบ้าน” โดยจัดรถบัส(ไม่ติดแอร์) เคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลกลับไปยังจังหวัดพิษณุโลก โดยมีแนวทางปฏิบัติต่อผู้ป่วยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่1 ผู้ติดเชื้อและมีผลการตรวจยืนยันว่าติดเชื้อ และกลุ่มที่ 2 ผู้ที่มีอาการแต่ไม่มีผลการตรวจยืนยัน” พล.ต.ธนาธิป กล่าว
โฆษกกอ.รมน. กล่าวว่า การเคลื่อนย้ายกลุ่มที่ 1 กำหนดเดินทางในวันเสาร์ที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 30 คน และกลุ่มที่ 2 กำหนดเดินทางในวันนี้(12 ก.ค.) จำนวน 100 คน ที่ติดค้างอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยไม่สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ด้วยตนเอง และเมื่อถึงจังหวัดพิษณุโลกจะมีศูนย์คัดกรองและจัดกลุ่มผู้ป่วย (Triage Center) เข้าคัดกรองเพื่อเข้าระบบรักษาภายในโรงพยาบาลต่อไป ทั้งนี้ การเคลื่อนย้ายได้ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
“กอ.รมน.ใคร่ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้ปฏิบัติตามแนวทางของ ศบค. และยังคงต้องยึดถือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคลของ สธ. (D-M-H-T-T-A) ได้แก่ D – Distancing : อยู่ห่างไว้ M – Mask wearing : ใส่แมสก์กัน H – Hand wash : หมั่นล้างมือ T – Testing : ตรวจวัดอุณหภูมิ A – Application : หมอชนะ ไทยชนะและขอส่งกำลังใจไปยังประชาชนทุกคนให้ผ่านพ้นวิกฤตที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน” พล.ต.ธนาธิป กล่าว.-สำนักข่าวไทย