นายกฯ ร่วมประชุมผู้นำกรอบหุ้นส่วนเพื่อการเจริญเติบโตสีเขียวฯ

ทำเนียบรัฐบาล 31 พ.ค.- นายกฯ ร่วมประชุม P4G ผลักดันโมเดลเศรษฐกิจ BCG ในการพัฒนาอย่างสมดุล เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยั่งยืน


เมื่อเวลา 20.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมประชุมผ่านระบบวิดีทัศน์แบบถ่ายทอดสด และกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมระดับผู้นำกรอบหุ้นส่วนเพื่อการเจริญเติบโตสีเขียว และเป้าหมายโลกปี ค.ศ. 2030 ครั้งที่ 2 ( 2nd Partnering for Green Growth and Global Goals 2030 Summit : 2nd P4G Summit) ซึ่งประเทศเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ ภายใต้หัวข้อหลัก “การฟื้นฟูสีเขียวอย่างครอบคลุมเพื่อนำไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน” (Inclusive Green Recovery towards Carbon Neutrality) โดยมีผู้นำ ผู้แทน ประเทศ กลุ่มประเทศ และองค์การระหว่างประเทศร่วมกล่าวถ้อยแถลงด้วย ดังนี้ เกาหลีใต้ เดนมาร์ก โคลอมเบีย สหภาพยุโรป เวียดนาม เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ กัมพูชา ออสเตรีย คอสตาริกา ไทย และเปรู

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ร่วมหารือและแลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อนำไปสู่การฟื้นฟูจากโควิด-19 อย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อประชาคมโลกในทุกมิติ ดังนั้น การฟื้นฟูจากโควิด-19 จำเป็นต้องสอดคล้องกับการขับเคลื่อนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SGDs) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องหลักสุขภาพหนึ่งเดียว ซึ่งครอบคลุมทั้งมนุษย์และธรรมชาติ ทั้งนี้ ประเทศไทยได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางการพัฒนาประเทศ เน้นการเสริมสร้างพลังของประชาชน สร้างความต้านทาน และส่งเสริมความสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ เพื่อให้การพัฒนาประเทศมีความครอบคลุมและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง


นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาของไทย ซึ่งได้ประกาศให้การขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อใช้เป็นอีกหนึ่งแนวทางฟื้นฟูประเทศจากโควิด-19 ให้กลับมาเข้มแข็งและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อยกระดับอุตสาหกรรม เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดการสูญเสียทรัพยากรตลอดห่วงโซ่การผลิต และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายด้วยการขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่านกลไกจตุภาคี ที่ประกอบด้วยภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ และภาคประชาชน ซึ่งเชื่อว่าโมเดลเศรษฐกิจ BCG สอดคล้องกับเป้าประสงค์หลักของการประชุมครั้งนี้ และตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืน ส่งเสริมความร่วมมือ และสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทยกับประชาคมระหว่างประเทศในทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรอบเอเปค (APEC) ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในปีหน้า

ด้านสิ่งแวดล้อม การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมในเวทีระหว่างประเทศชะงัก ซึ่งไทยขอใช้โอกาสนี้สนับสนุนให้ทุกประเทศเร่งดำเนินการตามพันธกรณีต่างๆ เพื่อรับมือกับความท้าทาย และแสดงเจตจำนงร่วมกันผลักดันการประชุมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชุม COP 26 ในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ที่สหราชอาณาจักร เพื่อให้มีผลลัพธ์เป็นรูปธรรม

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงแนวทางของไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการยกร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งครอบคลุมการดำเนินการในทุกมิติที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนและชุมชนเข้าไปมีส่วนร่วมมากขึ้น พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายให้มีการใข้ยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ จำนวน 15 ล้านคัน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของยานยนต์ทั้งหมดในประเทศ ภายในปี 2578 รวมทั้งจะปลูกต้นไม้ยืนต้นร้อยล้านต้น เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน ลดขยะบนบก ขยะทะเล ตามยุทธศาสตร์ และแผนแม่บทที่รัฐบาลกำหนด


ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ซึ่งก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำ พร้อมกล่าวเชิญชวนทุกประเทศให้ร่วมกันหารือวางแนวทางความร่วมมือใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการแลกเปลี่ยนทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้เกิดการเติบโตสีเขียวอย่างแท้จริงและยั่งยืน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวชื่นชมและพร้อมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างนโยบายมุ่งใต้ใหม่พลัสของเกาหลีใต้ (New Southern Policy Plus – NSPP) และโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของไทย

ขณะเดียวกันที่ประชุม ได้รับรองปฏิญญากรุงโซล (Seoul Declaration) ซึ่งเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ของผู้นำประเทศที่ร่วมการประชุม P4G ครั้งที่ 2 มีสาระสาคัญ ดังนี้ 1. การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สร้างบทเรียนต่อการรับมือกับวิกฤตภูมิอากาศของโลก และความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน 2. มุ่งมั่นรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามที่ได้ประกาศในการประชุมระดับผู้นำระหว่างประเทศในเวทีต่าง ๆ และหวังที่จะสานต่อความมุ่งมั่นดังกล่าวในการประชุม G7 G20 และการประชุมระหว่างประเทศ รวมถึงการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 (COP26) 3. ความสำคัญของการฟื้นฟูสีเขียว การพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีสีเขียว และการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ และส่งเสริมการรับมือปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม 4. ย้ำเจตนารมณ์ในการส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนใน 5 ด้าน ได้แก่ น้ำสะอาด พลังงานสะอาด อาหารและเกษตรกรรม เมืองสีเขียว และเศรษฐกิจหมุนเวียน 5. ย้ำเจตนารมณ์ในการส่งเสริมการฟื้นฟูสีเขียวและการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]