นายกฯ เร่งคุมโควิด เดินหน้ากระตุ้น ศก. เน้นสร้างสมดุล

กรุงเทพฯ 26 พ.ค. – นายกรัฐมนตรี เร่งควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 พร้อมเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เน้นสร้างความสมดุล เผยยอดสะสมการฉีดวัคซีนโควิด-19 รวม 3,024,313 โดสแล้ว


นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ด้วยการฉีดวัคซีนแบบปูพรมให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงสูงและศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการลงทะเบียนตามช่องทางต่างๆ พร้อมเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความสมดุล โดยมีความคืบหน้าในการดำเนินมาตรการต่างๆ ดังนี้

  1. แผนการกระจายวัคซีนทั่วประเทศ ประชาชนทุกจังหวัดจะได้รับฉีดวัคซีน โดยปรับให้สอดคล้องกับปริมาณวัคซีนที่เข้ามา และสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีการเตรียมแผนรองรับในการดูแลรักษาประชาชนให้เพียงพอ ทั้งแพทย์ พยาบาล บุคลากรสาธารณสุข โรงพยาบาลสนาม เตียง อุปกรณ์ทางการแพทย์ ยา และเวชภัณฑ์ต่างๆ ด้วย ซึ่งมีแผนการฉีดวัคซีนแบบปูพรม เพื่อให้คนไทยและชาวต่างชาติในประเทศไทย จำนวนอย่างน้อย 50 ล้านคน ได้รับวัคซีนภายในปี 2564 ซึ่งในต่างจังหวัดจะมีจุดฉีดวัคซีน ทั้งในสถานพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และศูนย์บริการต่างๆ รวม 1,475 แห่ง ส่วนกรุงเทพมหานคร มีจุดฉีดวัคซีนในโรงพยาบาล สถานพยาบาล และหน่วยงานต่างๆ 126 แห่ง และจุดฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล 25 จุด กระจายทั่วพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการรับบริการฉีดวัคซีนได้สะดวกและรวดเร็วที่สุด สำหรับปัจจุบันยอดสะสมการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-25 พ.ค.64 รวมทั้งสิ้น 3,024,313 โดสแล้ว

ทั้งนี้ หากคิดเป็นจำนวนโดสที่เข้ามาในประเทศไทยและได้รับการจัดสรรแล้ว บุคลากรการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วจำนวน 1,802,597 โดส คิดเป็นร้อยละ 57.28 ของจำนวนโดสทั้งหมดที่ฉีดแล้ว ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 1,080,295 โดส คิดเป็นร้อยละ 34.33 ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และบุคคลที่มีโรคประจำตัว ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 264,335 โดส คิดเป็นร้อยละ 8.40 ซึ่งจนถึงวันนี้พบผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีน ที่ได้รับการยืนยันจากคณะผู้เชี่ยวชาญแล้ว จำนวน 18 ราย


สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชาชนในกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันยอดสะสมการฉีดวัคซีน จนถึงวันที่ 25 พ.ค.64 รวมทั้งสิ้น 644,858 โดสแล้ว หากคิดเป็นจำนวนโดสที่ได้รับการจัดสรรและฉีดให้ประชาชนแล้ว บุคลากรการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วจำนวน 348,618 โดส คิดเป็นร้อยละ 54.06 ของจำนวนโดสทั้งหมดที่ฉีดแล้วใน กทม. ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 242,030 โดส คิดเป็นร้อยละ 37.53 ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และบุคคลที่มีโรคประจำตัว ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 54,210 โดส คิดเป็นร้อยละ 8.41

  1. มาตรการดูแลแคมป์คนงาน ราชทัณฑ์ และชุมชนแออัด โดยเร่งตรวจเชิงรุก คัดกรอง ฉีดวัคซีนปูพรมกลุ่มแคมป์คนงานก่อสร้าง หากผู้ติดเชื้อมีอาการระดับสีเขียว จะนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลสนาม จ.สมุทรสาคร กลุ่มสีเหลือง มีศูนย์แรกรับ-ส่งต่อนิมิบุตร และสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กรณีผู้ติดเชื้อในเรือนจำ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ให้การดูแลผู้ติดเชื้อ ทั้งในระดับสีเขียวและสีเหลือง รวมทั้งการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่เรือนจำทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีโรงพยาบาลบุษราคัม ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเต็มรูปแบบ พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาทิ เครื่องผลิตออกซิเจน เครื่องเอกซเรย์ ที่จะให้การดูแลรักษาผู้ป่วยระดับสีเหลืองและสีเขียว ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันจะดูแลผู้ป่วยทุกคนอย่างดีที่สุด บนหลักความเท่าเทียม
  2. ด้านการยับยั้งการแพร่ระบาดภายในประเทศ ด้วยมาตรการป้องกันและสกัดกั้นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย นายกรัฐมนตรีได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งทหาร ตำรวจ และกองกำลังต่างๆ ให้เพิ่มความเข้มงวด และเพิ่มมาตรการป้องกันชายแดนอย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะที่ลักลอบเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ รวมถึงการเพิ่มมาตรการในการปฏิบัติ เช่น เพิ่มจุดเฝ้าระวังในพื้นที่ที่เป็นช่องทางธรรมชาติ ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ได้กำชับให้เพิ่มมาตรการการตรวจสอบพื้นที่อีกชั้นหนึ่ง โดยจะต้องมีการสกัดกั้น ตั้งจุดสกัดต่างๆ ให้มีความพร้อมในการตรวจสกัดการลักลอบเข้ามาในประเทศอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ มีการตั้งจุดตรวจและจุดสกัด จำนวน 76 จุด และจุดตรวจทั่วประเทศ จำนวน 1,323 จุด รวมทั้งเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดตามจุดผ่านด่านทั่วประเทศ เพื่อเฝ้าระวังต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง (รวมทั้งยังได้รับความร่วมมือจากประชาชน แจ้งข้อมูลและเบาะแสการกระทำผิดกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 และศูนย์บริการประชาชน 1111 โดยมียอดจำนวนสะสมตั้งแต่ 7 ม.ค.-25 พ.ค.64 เกี่ยวกับบ่อนการพนัน 582 เรื่อง แรงงานเข้าเมืองผิดกฎหมาย 48 เรื่อง การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 340 เรื่อง การร้องเรียน ร้องทุกข์ ขอความช่วยเหลือ สอบถามข้อมูล และเสนอความเห็น 211,964 เรื่อง โดยเรื่องทั้งหมดนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับไปดำเนินการแล้ว)
  3. มติคณะรัฐมนตรีล่าสุด ยังได้อนุมัติหลักการขยายเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการนำเข้ายา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ต้านโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่บริจาคเป็นสาธารณกุศล โดยยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการนำเข้าสินค้าที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรค COVID-19 ได้แก่ ยา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ต้าน COVID-19 ที่บริจาคให้แก่สถานพยาบาลของทางราชการ หน่วยงานของรัฐ และองค์การหรือสถานสาธารณกุศล สำหรับการบริจาคตั้งแต่วันที่ 1-31 มีนาคม 2565 เพื่อสนับสนุนภาคเอกชนให้มีส่วนร่วมกับภาครัฐในการร่วมมือแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยรวม

นายอนุชา ยังกล่าวถึงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่จัดทำงบประมาณโดยกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณไว้ที่ 3.1 ล้านล้านบาท ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 นั้น รัฐบาลได้มีการตั้งวงเงินงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็น เพื่อการเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ ยังมีกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีสำหรับการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามยุทธศาสตร์แผนแม่บทเฉพาะกิจ อาทิ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากภายในประเทศ (Local Economy) การปรับปรุงและพัฒนาปัจจัยพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศ (Enabling Factors) ซึ่งจะช่วยเยียวยา ฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ได้เช่นกัน รวมถึง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ที่ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ซึ่งจะนำไปใช้เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และช่วยเหลือเยียวยา ชดเชยให้แก่ประชาชนทุกสาขาอาชีพ รวมถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 จึงขอให้มั่นใจได้ว่า ในปี 2564 และ 2565 รัฐบาลมีวงเงินเตรียมพร้อมสำหรับการดำเนินมาตรการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเหมาะสม. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

เลขาฯ เพื่อไทย ยัน นายกฯ ไม่ลาออก-ยุบสภา

กทม. 21 มิ.ย.-เลขาฯ พรรคเพื่อไทย ยืนยันนายกฯ ไม่ลาออก-ยุบสภา หลังงบฯ 69 ผ่านวาระสาม ตามที่มีกระแสข่าว เดินหน้าทำงานแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ภาษีทรัมป์ และนโยบายต่างๆ ขออย่าให้การเมืองมาบดบังเป้าหมายสำคัญ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลฯ ว่า “จากกระแสข่าวลือที่ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อาจตอบรับข้อเสนอจากพรรคการเมืองบางพรรค ด้วยการลาออกหรือยุบสภาหลังผ่านการลงมติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ในวาระที่สามนั้น ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขอเรียนชี้แจงอย่างชัดเจนว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และนายกรัฐมนตรี ได้ยืนยันกับพวกเราชัดเจนว่า จะเดินหน้าทำหน้าที่แก้ไขวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่ประเทศกำลังเผชิญอย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการตอบโต้ที่เข้มข้นขึ้น ทั้งในมิติการทูตและด้านความมั่นคง รวมถึงปัญหาวิกฤตภาษีทรัมป์ ที่รัฐบาลได้เร่งผลักดันการเจรจาอย่างจริงจัง และได้รับการตอบรับอย่างดีจากคู่เจรจา รัฐบาลยังมุ่งมั่นใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่จนครบวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ในการผลักดันนโยบายที่วางไว้ให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ -การเดินหน้านโยบายปราบปรามยาเสพติด-การปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น-มาตรการลดค่าครองชีพ ผ่านโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย-การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ผ่านการพัฒนาโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่-การสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ (man-made destination) […]

เปิดด่านรับผู้ป่วยฉุกเฉิน หญิงชาวกัมพูชาติดเชื้อในกระแสเลือด

จันทบุรี 21 มิ.ย. – น้ำใจคนไทย! เปิดด่านรับผู้ป่วยฉุกเฉิน หญิงชาวกัมพูชา วัย 67 ปี ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด ส่งรักษา รพ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ 20 มิ.ย. เวลา 21.00 น. กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด (กปช.จต.) โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ชุดเคลื่อนที่เร็วทหารผ่านนาวิกโยธินที่ 4 (ชค.ทพ.นย.4) หมวดอาวุธสนับสนุนที่ 4 จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ได้รับการประสานจาก นปพท.จันทบุรี ให้อำนวยความสะดวกในการผ่านแดนให้กับนางหยาง ทัช อายุ 67 ปี ผู้ป่วยฉุกเฉินชาวกัมพูชา พร้อมผู้ร่วมเดินทาง รวมจำนวน 4 คน เนื่องจากผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิต มีไข้สูง หนาวสั่น และปวดศีรษะรุนแรง เพื่อไปรักษาตัวที่ รพ.กรุงเทพจันทบุรี เนื่องจากทาง รพ.กัมพูชา ไม่สามารถรักษาได้ เพราะเครื่องมือทางการแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ไม่มี จึงขอประสานส่งตัวที่บริเวณสะพานคลองตะเคียน […]

แบ่งงานรองนายกฯ ใหม่ หลัง ภท. ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล

กรุงเทพฯ 21 มิ.ย. – นายกฯ ลงนามคำสั่งแบ่งงานรองนายกฯใหม่ หลัง “ภูมิใจไทย” ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล “ภูมิธรรม” กำกับดูแล “มหาดไทย” ไร้ชื่อ “พีระพันธุ์” กำกับงานส่วนไหนเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมตรี ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 184/2568 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 20 มิ.ย.68 โดยรายละเอียดในคำสั่งมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และสำนักงานราชบัณฑิตยสภา (รวมทั้งราชการของราชบันฑิตยสภา) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐนตรี มอบอำนาจให้กำกับบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัมนตรี มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ […]

“ฮุนเซน” เย้ยหากไทยหยุดขายน้ำมันให้ กระทบตัวเอง

กัมพูชา 21 มิ.ย.-“ฮุนเซน” โพสต์เฟซบุ๊กล่าสุด เย้ยหากไทยหยุดขายน้ำมันให้กัมพูชา จะกระทบบริษัทของไทยเอง ความเคลื่อนไหวล่าสุดจาก เฟซบุ๊ก “ฮุนเซน” เวลาประมาณ 22.30 น. ที่ผ่านมา โพสต์ข้อความที่แปลเป็นภาษาไทยว่า เกมแห่งการคุกคามที่อาจนำไปสู่การทำลายตัวเอง วันนี้ พรรคฝ่ายค้านของไทยได้เสนอให้รัฐบาลไทยหยุดขายน้ำมันให้กับกัมพูชา เพื่อกดดันให้กัมพูชายอมจำนน ในการนี้ เราขอยืนยันอย่างชัดเจนว่า กัมพูชาจะไม่ล้มเหลวเพียงเพราะไม่ได้ซื้อน้ำมันจากประเทศไทย ในทางกลับกัน อาจเป็นบริษัท PTT ของไทยเองที่ต้องเผชิญกับผลกระทบ คุณต้องการให้บริษัท PTT ของไทยล่มสลายใช่หรือไม่? ถ้าคุณต้องการเช่นนั้น ก็จงเดินหน้าต่อไปตามแผนของคุณ กัมพูชาพร้อมแล้วที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่คุณใช้คุกคามเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอินเทอร์เน็ต ไฟฟ้า แรงงาน และตอนนี้น้ำมันก็ถูกใช้เป็นอาวุธอีกหนึ่งอย่างในเกมนี้ ในอดีตคุณเคยดูถูกและเลือกปฏิบัติต่อแรงงานกัมพูชา ใช้พวกเขาเป็นเครื่องมือต่อรอง แต่เมื่อเราประกาศว่าจะรับแรงงานกลับประเทศ คุณก็เปลี่ยนท่าทีทันที กลับมาปลอบโยนและดูแลแรงงานเหล่านั้น ทำไม? เพราะถ้าแรงงานกัมพูชาถอนตัวจากโรงงาน ฟาร์ม บริษัท และไซต์ก่อสร้าง ธุรกิจจำนวนมากในไทยอาจต้องปิดตัวลงเพราะขาดแรงงาน หากคุณกล้าจริง ก็ลองไล่แรงงานกัมพูชาออกให้หมด แล้วมาดูกันว่าจะกระทบเศรษฐกิจไทยแค่ไหน น้ำมันก็เช่นเดียวกัน ลองดูได้เลย แต่อย่าลืมปรึกษาบริษัท PTT ของไทยก่อน เพราะนั่นอาจหมายถึงการทำลายธุรกิจของพวกเขา […]