นายกฯ เร่งคุมโควิด เดินหน้ากระตุ้น ศก. เน้นสร้างสมดุล

กรุงเทพฯ 26 พ.ค. – นายกรัฐมนตรี เร่งควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 พร้อมเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เน้นสร้างความสมดุล เผยยอดสะสมการฉีดวัคซีนโควิด-19 รวม 3,024,313 โดสแล้ว


นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ด้วยการฉีดวัคซีนแบบปูพรมให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงสูงและศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการลงทะเบียนตามช่องทางต่างๆ พร้อมเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความสมดุล โดยมีความคืบหน้าในการดำเนินมาตรการต่างๆ ดังนี้

  1. แผนการกระจายวัคซีนทั่วประเทศ ประชาชนทุกจังหวัดจะได้รับฉีดวัคซีน โดยปรับให้สอดคล้องกับปริมาณวัคซีนที่เข้ามา และสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีการเตรียมแผนรองรับในการดูแลรักษาประชาชนให้เพียงพอ ทั้งแพทย์ พยาบาล บุคลากรสาธารณสุข โรงพยาบาลสนาม เตียง อุปกรณ์ทางการแพทย์ ยา และเวชภัณฑ์ต่างๆ ด้วย ซึ่งมีแผนการฉีดวัคซีนแบบปูพรม เพื่อให้คนไทยและชาวต่างชาติในประเทศไทย จำนวนอย่างน้อย 50 ล้านคน ได้รับวัคซีนภายในปี 2564 ซึ่งในต่างจังหวัดจะมีจุดฉีดวัคซีน ทั้งในสถานพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และศูนย์บริการต่างๆ รวม 1,475 แห่ง ส่วนกรุงเทพมหานคร มีจุดฉีดวัคซีนในโรงพยาบาล สถานพยาบาล และหน่วยงานต่างๆ 126 แห่ง และจุดฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล 25 จุด กระจายทั่วพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการรับบริการฉีดวัคซีนได้สะดวกและรวดเร็วที่สุด สำหรับปัจจุบันยอดสะสมการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-25 พ.ค.64 รวมทั้งสิ้น 3,024,313 โดสแล้ว

ทั้งนี้ หากคิดเป็นจำนวนโดสที่เข้ามาในประเทศไทยและได้รับการจัดสรรแล้ว บุคลากรการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วจำนวน 1,802,597 โดส คิดเป็นร้อยละ 57.28 ของจำนวนโดสทั้งหมดที่ฉีดแล้ว ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 1,080,295 โดส คิดเป็นร้อยละ 34.33 ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และบุคคลที่มีโรคประจำตัว ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 264,335 โดส คิดเป็นร้อยละ 8.40 ซึ่งจนถึงวันนี้พบผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีน ที่ได้รับการยืนยันจากคณะผู้เชี่ยวชาญแล้ว จำนวน 18 ราย


สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชาชนในกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันยอดสะสมการฉีดวัคซีน จนถึงวันที่ 25 พ.ค.64 รวมทั้งสิ้น 644,858 โดสแล้ว หากคิดเป็นจำนวนโดสที่ได้รับการจัดสรรและฉีดให้ประชาชนแล้ว บุคลากรการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วจำนวน 348,618 โดส คิดเป็นร้อยละ 54.06 ของจำนวนโดสทั้งหมดที่ฉีดแล้วใน กทม. ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 242,030 โดส คิดเป็นร้อยละ 37.53 ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และบุคคลที่มีโรคประจำตัว ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 54,210 โดส คิดเป็นร้อยละ 8.41

  1. มาตรการดูแลแคมป์คนงาน ราชทัณฑ์ และชุมชนแออัด โดยเร่งตรวจเชิงรุก คัดกรอง ฉีดวัคซีนปูพรมกลุ่มแคมป์คนงานก่อสร้าง หากผู้ติดเชื้อมีอาการระดับสีเขียว จะนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลสนาม จ.สมุทรสาคร กลุ่มสีเหลือง มีศูนย์แรกรับ-ส่งต่อนิมิบุตร และสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กรณีผู้ติดเชื้อในเรือนจำ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ให้การดูแลผู้ติดเชื้อ ทั้งในระดับสีเขียวและสีเหลือง รวมทั้งการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่เรือนจำทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีโรงพยาบาลบุษราคัม ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเต็มรูปแบบ พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาทิ เครื่องผลิตออกซิเจน เครื่องเอกซเรย์ ที่จะให้การดูแลรักษาผู้ป่วยระดับสีเหลืองและสีเขียว ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันจะดูแลผู้ป่วยทุกคนอย่างดีที่สุด บนหลักความเท่าเทียม
  2. ด้านการยับยั้งการแพร่ระบาดภายในประเทศ ด้วยมาตรการป้องกันและสกัดกั้นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย นายกรัฐมนตรีได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งทหาร ตำรวจ และกองกำลังต่างๆ ให้เพิ่มความเข้มงวด และเพิ่มมาตรการป้องกันชายแดนอย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะที่ลักลอบเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ รวมถึงการเพิ่มมาตรการในการปฏิบัติ เช่น เพิ่มจุดเฝ้าระวังในพื้นที่ที่เป็นช่องทางธรรมชาติ ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ได้กำชับให้เพิ่มมาตรการการตรวจสอบพื้นที่อีกชั้นหนึ่ง โดยจะต้องมีการสกัดกั้น ตั้งจุดสกัดต่างๆ ให้มีความพร้อมในการตรวจสกัดการลักลอบเข้ามาในประเทศอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ มีการตั้งจุดตรวจและจุดสกัด จำนวน 76 จุด และจุดตรวจทั่วประเทศ จำนวน 1,323 จุด รวมทั้งเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดตามจุดผ่านด่านทั่วประเทศ เพื่อเฝ้าระวังต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง (รวมทั้งยังได้รับความร่วมมือจากประชาชน แจ้งข้อมูลและเบาะแสการกระทำผิดกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 และศูนย์บริการประชาชน 1111 โดยมียอดจำนวนสะสมตั้งแต่ 7 ม.ค.-25 พ.ค.64 เกี่ยวกับบ่อนการพนัน 582 เรื่อง แรงงานเข้าเมืองผิดกฎหมาย 48 เรื่อง การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 340 เรื่อง การร้องเรียน ร้องทุกข์ ขอความช่วยเหลือ สอบถามข้อมูล และเสนอความเห็น 211,964 เรื่อง โดยเรื่องทั้งหมดนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับไปดำเนินการแล้ว)
  3. มติคณะรัฐมนตรีล่าสุด ยังได้อนุมัติหลักการขยายเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการนำเข้ายา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ต้านโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่บริจาคเป็นสาธารณกุศล โดยยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการนำเข้าสินค้าที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรค COVID-19 ได้แก่ ยา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ต้าน COVID-19 ที่บริจาคให้แก่สถานพยาบาลของทางราชการ หน่วยงานของรัฐ และองค์การหรือสถานสาธารณกุศล สำหรับการบริจาคตั้งแต่วันที่ 1-31 มีนาคม 2565 เพื่อสนับสนุนภาคเอกชนให้มีส่วนร่วมกับภาครัฐในการร่วมมือแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยรวม

นายอนุชา ยังกล่าวถึงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่จัดทำงบประมาณโดยกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณไว้ที่ 3.1 ล้านล้านบาท ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 นั้น รัฐบาลได้มีการตั้งวงเงินงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็น เพื่อการเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ ยังมีกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีสำหรับการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามยุทธศาสตร์แผนแม่บทเฉพาะกิจ อาทิ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากภายในประเทศ (Local Economy) การปรับปรุงและพัฒนาปัจจัยพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศ (Enabling Factors) ซึ่งจะช่วยเยียวยา ฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ได้เช่นกัน รวมถึง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ที่ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ซึ่งจะนำไปใช้เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และช่วยเหลือเยียวยา ชดเชยให้แก่ประชาชนทุกสาขาอาชีพ รวมถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 จึงขอให้มั่นใจได้ว่า ในปี 2564 และ 2565 รัฐบาลมีวงเงินเตรียมพร้อมสำหรับการดำเนินมาตรการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเหมาะสม. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

เครื่องบิน “ทักษิณ” ออกนอกเส้นทางไปไหน ?

4 ก.ย. – ไปไหน? เครื่องบินส่วนตัว “ทักษิณ” เลี้ยวออกนอกเส้นทาง หลังบินออกจากดอนเมือง ระบุปลายทางสิงคโปร์ พบบินวนอยู่ 2 รอบ ก่อนไปต่อ จับตามุ่งหน้า “ดูไบ” ตามที่มีกระแสข่าวหรือไม่. – สำนักข่าวไทย

“ทักษิณ” บินสิงคโปร์แล้ว ทนายยัน 9 ก.ย. มาศาลฟังคดีชั้น14

4 ก.ย.- “ทักษิณ” นั่งเจ็ทส่วนตัวบินสิงคโปร์แล้ว ตม.ไม่มีอำนาจกักตัว หลังศาลยกฟ้องคดี ม.112 ขณะที่ “ทนายวิญญัติ” ยัน 9 ก.ย. มาศาลฟังคดีชั้น 14 แน่นอน ช่วงเย็นวันนี้มีกระเเสข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร ขอเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวที่จอดไว้กับลานบินเอกชนย่านดอนเมือง เเละทราบว่าขอเดินทางไปยัง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งนายทักษิณมีบ้านพักส่วนตัวที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และอีกกระเเสเเจ้งว่านายทักษิณขอเดินทางไปพบเเพทย์ที่สิงคโปร์ 2 วัน เเละจะกลับมาขึ้นศาล โดย ตม.ตรวจสอบหนังสือเดินทางเเละสอบถามเหตุผลในการเดินทางของนายทักษิณในตอนนี้เเล้วเเละอนุญาตให้นายทักษิณเดินทางได้ กระเเสข่าวนี้เกิดขึ้น ท่ามกลางการเตรียมลงมติของสส.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 วันที่ 5 กันยายน 2568 เเละวันที่ 9 กันยายน นายทักษิณต้องไปฟังคำตัดสินคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ซึ่งศาลฎีกาแผนคดีอาญานักการเมืองนัดให้นายทักษิณ ไปฟังคำวินิจฉัยในคดีนี้กับผู้บังคับการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังก่อนหน้านี้ศาลอาญา ตัดสินยกฟ้องนายทักษิณในคดี ม.112 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม เเละอยู่ระหว่างที่อัยการกำลังพิจารณาว่าจะอุทธรณ์หรือไม่ หลังจากนั้นนายวิญญัติ ชาติมนตรี […]

“อนุทิน” ปัดจัดโผ ครม. บอกไหว้พ่อแม่ก่อนโหวตนายกฯ

รัฐสภา 4 ก.ย.- “อนุทิน” ปัดจัดโผ ครม. บอกยังไม่มี เผยตั้งใจไหว้พ่อ-แม่ เป็นสิริมงคลก่อนโหวตนายกฯ คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางกลับเข้ามาที่อาคารรัฐสภาอีกครั้ง ช่วงเย็นวันนี้ (4 ก.ย.) โดยผู้สื่อข่าวพยามสอบถามถึงโผ “ครม.อนุทิน 1” ว่า มีการจัดเตรียมให้ใครนั่งตำแหน่งใดและนายอนุทิน จะควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วยหรือไม่ ซึ่งนายอนุทิน ร้องหูย ก่อนจะบอกว่ายังไม่มี ข่าวก็ลงไปเรื่อย ยังไม่ได้จัดอะไร ขนาดหัวหน้ายังไม่ได้เลย ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า พรุ่งนี้จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรีแล้ว ก่อนจะเข้าอาคารรัฐสภา จะไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนเพื่อความเป็นสิริมงคลหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ไหว้พ่อไหว้แม่นี่แหละ เป็นสิริมงคลที่สุดแล้ว -สำนักข่าวไทย

“เท้ง” เมินออปชันสุดท้ายเพื่อไทย มั่นใจ สส.ปชน.ไม่แตกแถว ย้ำไม่มีฟรีโหวต

รัฐสภา 4 ก.ย.- “เท้ง” ลั่นไม่เสียดาย-ไม่ทบทวนมติโหวต “อนุทิน” นั่งนายกฯ เมินออปชันสุดท้ายเพื่อไทย ซัดไม่จริงใจ-ปล่อยข่าวชิงการเมือง มั่นใจ สส.พรรคประชาชน ไม่แตกแถว-ไม่มีฟรีโหวต นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ปฏิเสธกรณีที่มีกระแสข่าวความเห็นต่างภายในพรรคฯ ต่อการลงมติเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (5 ก.ย.) ว่า ไม่ได้มีความเห็นที่แตกต่างกันภายในพรรค และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จนถึงตลอดทั้งวัน ก็มีความชัดเจนแล้วว่า พรรคเพื่อไทย ยุติกระบวนการยุบสภา และเดินหน้าเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมย้ำว่า กระบวนการตัดสินใจของพรรคประชาชน สิ้นสุดลงตั้งแต่คณะกรรมการบริหารพรรคฯ แถลงข่าว และลงนามร่วมกับพรรคภูมิใจไทยแล้ว ส่วนข้อเสนอไพ่ใบสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย ที่จะยุบสภาทันทีหากนายชัยเกษม ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภานั้น หัวหน้าพรรคประชาชน ระบุว่า ถ้ามีการเสนอมาก่อนหน้านี้ และมีการพูดคุยอย่างเป็นทางการ ก่อนพรรคฯ จะมีมติ ตนเชื่อว่า ตน และสส.ภายในพรรค จะรับไว้พิจารณา แต่กระบวนการที่ผ่านมา ยังคงมีการให้ข่าวกลับไป กลับมา […]